ใจริษยา

 

สถานการณ์เห็นได้อย่างชัดแจ้ง ซูเก๋อกับทีม Suger ของเขาก็กำลังทำการแข่งขันเหมือนกัน ผลก็คือพอได้รับโทรศัพท์จากกรรมการเรื่องเกมนั้นของพวกเหออวี้แล้วก็ทิ้งการแข่งขันโดยไม่สนใจไยดีรีบเข้ามาจัดการปัญหา ถึงแม้ว่านี่ตั้งแต่ต้นจนจบจะเพียงไม่กี่นาที แต่สำหรับการแข่งขันเกม The Kings of Glory หนึ่งเกมแล้วก็เรียกได้ว่ายาวนานมาก ๆ ผลก็คือในไม่กี่นาทีที่ทีม Suger เล่นสี่ต่อห้านี้ไม่เพียงไม่ได้เสียเปรียบแต่กลับใช้สี่ต่อห้าจนเอาชนะมาได้ เมื่อซูเก๋อกลับมาก็ทำได้เพียงชื่นชมภาพฐานศัตรูแตกเท่านั้น

ความแข็งแกร่งของทีม Suger ที่กดอีกฝ่ายจนมิดสามารถมองเห็นได้จากจุดนี้เอง เพื่อนร่วมทีมของเขาไม่เห็นว่านี่เป็นเรื่องร้ายแรงอะไร กรรมการก็ไม่เห็นว่าเรื่องนี้ส่งผลต่อการแพ้ชนะอย่างยุติธรรมและขัดขวาง ส่วนคู่ต่อสู้ของ Suger นั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่าพวกตนถูกเหยียดหยาม พวกเขาดูจะเตรียมใจพร้อมรับความพ่ายแพ้ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มมาก่อนหน้านี้แล้ว กับผลลัพธ์เช่นนี้จึงรู้สึกชาด้านมากกว่า เสียงถอนหายใจของทุกคนส่วนใหญ่โฟกัสอยู่ที่เรื่องของโชคชะตา แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องภายในการแข่งขันอะไรเลยด้วย แต่แค่เป็นเรื่องที่มาเจอ Suger เหมือนถูกหวยกินเท่านั้นเอง

“ยินดีด้วยนะ” หลังจากซูเก๋อหันไปพยักหน้าให้พวกคลื่น7 หลายคนนั้นแล้วพอออกจากสนามแข่งขันก็ยังมาพูดคุยกับพวกเขาต่ออีก

“ยินดีกับพวกนายด้วยเหมือนกัน” เกาเกอพูด

พวกเขาล้วนอยู่ชั้นปีสาม เข้าเรียนมาพร้อมกัน เข้าร่วมชมรม The Kings of Glory มาพร้อมกัน มีความแข็งแกร่งที่เหนือชั้นจนทำให้พวกสมาชิกเก่าของชมรมนับถือบูชาเหมือน ๆ กัน แต่นอกจากนี้แล้ว เนื่องจากเกอเกากับทุก ๆ คนมีความเห็นที่แตกต่างสวนทางกันจนไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ สุดท้ายจึงต้องลาออกจากชมรม ส่วนซูเก๋อไม่นานก็กลายมาเป็นกำลังหลักของชมรมจนได้เป็นประธาน ปกครองชมรม The Kings of Glory จนเจริญรุ่งเรืองขึ้นทุกที กลายมาเป็นชมรมทีมีชื่อเสียงมากที่สุดในมหาวิทยาลัยตงเจียงและเป็นหนึ่งในชมรมนักศึกษาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอีกด้วย

ทีมที่ทั้งสองคนตั้งขึ้นมาก็แตกต่างราวฟ้ากับเหว คลื่น7 ของเกาเกอตั้งแต่ภาคเรียนที่หนึ่งนอกจากโจวม่อแล้วก็ไม่มีสมาชิกถาวรที่เข้าท่าเลย ผลสำเร็จจากลีกภายในมหาวิทยาลัยไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง ส่วน Suger ของซูเก๋อน่ะเหรอ นอกจากในภาคเรียนที่หนึ่งที่ทีมยังต้องปรับจูนเข้าหากันแล้ว หลังจากนั้นมาก็เป็นทีมที่มั่นคงอย่างที่สุดทีมหนึ่ง พวกเขาไม่เพียงผูกขาดลีกภายในของมหาวิทยาลัยตงเจียงไปเท่านั้น แม้แต่ในการแข่งขันที่ใหญ่กว่าภายนอกสถาบันบางส่วนก็มีผลงานไม่ธรรมดาทั้งสิ้น

ดังนั้นชัยชนะจากลีกภายในมหาวิทยาลัยในสายตาของพวกเขาจึงเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว คำพูดแสดงความยินดีของเกาเกอนี้พวกเขาฟังแล้วก็รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร แต่ละคนแสดงสีหน้าไม่เห็นด้วยออกมา

มีเพียงซูเก๋อที่ยังคงพยักหน้าให้ “ขอบใจ”

“ไปนะ” หลังจากเกาเกอพูดจบแล้วก็เดินนำออกไป โจวม่อพยักหน้าให้ซูเก๋อ*แล้วตามไป จ้าวจิ้นหรานกับหลี่ซื่อเจี๋ยเป็นผู้เล่นอิสระทั้งคู่ เรื่องชมรม The Kings อะไรนี่ไม่ได้คิดใคร่ครวญมากมาย แน่นอนว่าย่อมไม่เอาซูเก๋อผู้เป็นประธานชมรม The Kings และเป็นยอดฝีมือเลื่องชื่อในสถาบันคนนี้มาถือเป็นเรื่องใหญ่ จากไปโดยไม่เหลือบแลสักแวบ

เหลือเพียงเหออวี้ที่เคยได้พบปะกับคนพวกนี้ที่อยู่ตรงหน้ามาบ้างแล้ว ตอนนี้ก็อยากจะทำเหมือนโจวม่อคือแค่พยักหน้าให้อย่างสุภาพแล้วเดินไปตามทางเหมือนกัน ผลก็คือตอนนั้นเองก็ได้ยินซูเก๋อพูดขึ้นมาว่า “ระบบโฮ่วอี้เหรอ”

เหออวี้อึ้งไป แต่จากนั้นก็ยังพยักหน้ากล่าวว่า “อืม แต่ว่าไม่ได้ใช้เท่าไหร่หรอกครับ”

“เอ๊ะ ไม่ใช่ว่าตีจนศัตรูทั้งหมดเละไปเลยหรอกเหรอ” ซูเก๋อแปลกใจ

“แค่เล่นแอนตี้บลูก็เละแล้ว…ไม่ได้ใช้ระบบโฮ่วอี้นำจังหวะการเล่น” เหออวี้พูดตามความสัตย์

“งั้นเหรอ…” ก่อนหน้านี้ซูเก๋อไม่ได้ดูการแข่งขันเพียงฟังเอาจากที่กรรมการเล่าคร่าว ๆ เนื่องจากว่าจางเฉิงห่าวชี้นิ้วใส่เหออวี้หาว่าเปิดแฮก กรรมการก็ย่อมที่จะเอาท่าอัลติหลายครั้งของโฮ่วอี้มาเป็นหัวใจหลักของการบรรยาย พอฟังดูแล้วก็เหมือนกับว่าเป็นจังหวะการเล่นโดยใช้โฮ่วอี้จริง ๆ แต่ที่จริงแล้วในเกมนี้ผู้ที่นำจังหวะการเล่นที่แท้จริงก็คือซูลี่ของเกาเกอ จังหวะการเล่นหลาย ๆ รอบนั้นต่างก็ถูกเธอเป็นคนชักนำทั้งนั้น ส่วนท่าอัลติครั้งสุดท้ายของเหออวี้ที่ไปโดนลูน่าในพุ่มนั้น ที่จริงแล้วก็เป็นแค่การจับตัวคนมาได้หนึ่งคิลเท่านั้น ไม่ใช่จังหวะการเล่นที่ใหญ่โตอะไร ใครก็ไม่นึกว่ายิงแค่ทีเดียวดันทำให้จางเฉิงห่าวสติแตกไปเสียได้

“เหออวี้” ตอนนั้นเองพวกเกาเกอที่อยู่ด้านหน้าก็หยุดเท้าแล้วตะโกนเรียกเหออวี้คำหนึ่ง

“มาแล้วครับ” เหออวี้ร้องตอบ จากนั้นก็พยักหน้าให้พวก Suger หลายคนนั้นแล้วไล่ตามกลุ่มคลื่น7 ไป

“เอากลยุทธ์สำคัญของพวกเราไปบอกคู่แข่งได้ยังไงกัน” พอเหออวี้มาแล้วโจวม่อก็ดุใส่ พวกเขายังไม่ได้ไปไหนไกลก็ย่อมได้ยินบทสนทนาระหว่างเหออวี้กับซูเก๋อ

“พวกเขาเหรอครับ” เหออวี้หันกลับไปมองดูพวก Suger หลายคนนั้น

“นายคิดว่าพวกเราไม่มีค่าพอจะเป็นคู่แข่งของพวกเขาหรือไงกัน” โจวม่อไม่ค่อยพอใจ

“เปล่านะ” เหออวี้กล่าว “พวกเขากับพวกเราอยู่คนละสาย ถ้าจะเจอกันก็ต้องไปถึงรอบไฟนอลแล้ว ตอนนั้นกลยุทธ์ระบบโฮ่วอี้นี่ก็ไม่ได้เป็นความลับตั้งนานแล้วมั้งครับ”

“อ้อ เป็นงั้นเหรอ” โจวม่อรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูตารางการแข่งขัน เนื่องจากว่าในรอบแรกมีทีมหลายทีมมาก ๆ ตารางนี้จึงได้ใหญ่มาก ๆ  พอโจวม่อหาจนเจอว่าคลื่น7 รอบแรกต้องเจอกับหวงเฉาก็รู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย หลังจากนั้นก็เลยไม่ได้ไปสนใจมากความ ตอนนี้พอฟังเหออวี้พูดอย่างนี้ก็ไปเปิดดู คลื่น7 กับ Suger อยู่กันคนละสายจริง ๆ ด้วย เจอกันได้แต่ตอนที่เป็นรอบไฟนอลเท่านั้น

แบบนี้ดูไปแล้วไม่ใช่ว่าเหออวี้ที่ดูเบาคลื่น7 แต่เป็นตัวเขาเองที่เห็นตัวเองต่ำต้อยแล้ว…

โจวม่อรู้สึกขายหน้าเล็กน้อย ยื่นมือออกไปตบไหล่เหออวี้ ส่วนประเด็นที่เขาเคยว่าออกมาตอนนี้ก็ไม่สามารถจะพูดอะไรได้อีก สุดท้ายแล้วก็ได้แต่ฉีกยิ้มกลบเกลื่อน เมื่อสายตาเลื่อนหลบไปจากเหออวี้แล้วก็ได้เห็นสายตาของเกาเกอที่จ้องมองมาที่เขา เมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนเก่าคนนี้ไม่อาจไม่พูดว่าจากประสบการณ์นานปีทำให้โจวม่อรู้ว่าหลอกได้ยาก จึงร้องออกไปทันทีว่า “เพื่อเป็นการฉลองชัยชนะครั้งแรกของพวกเราฉันขอเชิญทุกคนมากินไอติมกัน รอฉันไปซื้อก่อนนะ!” พูดจบแล้วก็รีบวิ่งหนีไปที่ร้านค้าสำหรับนักศึกษา…

“หวงเฉาไรนั่น ไม่ใช่บอกว่าเป็นทีมท็อปแปดเหรอ รู้สึกว่าก็ไม่เห็นมีอะไรยอดเยี่ยมตรงไหนเลย!” ตามข้อมูลของเกมการแข่งขันนี้ อาเคอของจ้าวจิ้นหรานทำได้ยอดเยี่ยมมาก แล้วเขาก็เป็นคนที่ตื่นเต้นที่สุดอีกด้วย มาตอนนี้ในที่สุดก็มีคนพูดถึงเรื่องชัยชนะในเกมนี้ขึ้นมาแล้ว เขาจึงรีบโอ้อวดอย่างภาคภูมิใจทันที

“มันก็แค่นายโชคดีกว่าเท่านั้นแหละ” ผลก็คือไม่รอให้เกาเกอและเหออวี้พูดอะไร เพื่อนของเขาหลี่ซือเจี๋ยก็กลับสาดน้ำเย็นใส่หน้าเขาก่อนแล้ว

“ชี้อิจฉา ความอิจฉาของนายเนี่ยไม่มีปิดบังกันเลยนะ” จ้าวจิ้นหรานชี้นิ้วว่าหลี่ซือเจี๋ย

“อิจฉานาย? ฮะฮะ!” หลี่ซือเจี๋ยส่งเสียง “ฮะฮะ” หนัก ๆ แล้วก็กลับเดินพรวดหนีไปเลย

“นี่…มันเรื่องอะไรอะ” ตอนนี้จ้าวจิ้นหรานก็เพิ่งพบว่าพี่น้องของตัวเองคนนี้ดูจะไม่พอใจจริง ๆ มองตามแผ่นหลังของเขาอย่างอึ้ง ๆ อยู่พักใหญ่แล้วก็หันมามองเกาเกอกับเหออวี้งง ๆ

“นี่…” เหออวี้เกาศีรษะ

“ก็อิจฉาจริง ๆ น่ะสิ” เกาเกอพยักเพยิด ความคิดใจแคบระหว่างผู้เล่นพวกนี้เธอได้เห็นมาเยอะแล้ว จ้าวจิ้นหรานเป็นเพื่อนร่วมเล่นของหลี่ซือเจี๋ย ในใจได้ตัดสินไปแล้วว่าตัวเองเหนือกว่าจ้าวจิ้นหราน ผลก็คือในเกมนี้ข้อมูลของจ้าวจิ้นหรานค่อนข้างโดดเด่น แต่ว่าเปี่ยนเชวี่ยของหลี่ซือเจี๋ยกลับกลายเป็นคนที่ไร้ตัวตนที่สุดในหมู่คลื่น7 ห้าคน ถึงแม้ว่าจะสามารถเก็บคิลลูน่าไปได้หนึ่งครั้ง แต่ว่ามันก็เป็นการโยนยาพิษเข้าใส่ตอนที่ออกมาจากการต่อสู้ในป่าไปแล้ว มันไม่ทำให้คนรู้สึกถึงตัวตนและความสำคัญของเขาเลย แล้วจากนั้นจ้าวจิ้นหรานก็ยังจะมายืดอกอวดเบ่งอีก หลี่ซือเจี๋ยรู้สึกไม่พอใจ สุดท้ายก็เป็นแบบนี้

“รุ่นพี่ก็ตรงจริง ๆ…” เหออวี้ที่อยู่ด้านข้างไม่มีอะไรจะพูด เขาจะมากจะน้อยก็พอดูออกอยู่บ้าง แต่ก็ยังลังเลว่าพูดตรง ๆ อย่างนี้จะทำให้คนเขาความสัมพันธ์แตกหักรึเปล่า ผลก็คือเกาเกอไม่สนใจจุดนี้ เห็นอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้น

“เว่อร์ไปปะ!” ตอนนี้จ้าวจิ้นหรานก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาบ้าง ที่ตอนแรกเขาพูดว่าอิจฉามันเป็นการล้อเล่นล้วน ๆ ตอนนี้รู้แล้วว่าตีมั่วแทงถูกใจดำเข้าพอดีทำให้หลี่ซือเจี๋ยอับอายจนกลายเป็นโทสะ เขาสนิทกับหลี่ซือเจี๋ยมากกว่าเหออวี้กับเกาเกอมาก เมื่อครุ่นคิดดูแล้วก็ทราบชัดว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมานิดหน่อยทันที

ตอนนั้นเองโจวม่อก็ถือถุงไอศกรีมวิ่งกลับมาแล้ว มองซ้ายมองขวาไม่เห็นหลี่ซือเจี๋ย

“หลี่ซือเจี๋ยล่ะ” เขาถาม

“ไปแล้ว” จ้าวจิ้นหรานพูดเสียงอ่อย

“ไปทำไม” โจวม่อแจกไอศกรีมพลางถามพลาง จากนั้นก็พบว่าบรรยากาศไม่ค่อยถูกต้อง

“ตัวเองเล่นไม่ได้ดี แล้วก็ยังจะทนดูคนอื่นเล่นดีไม่ได้!” จ้าวจิ้นหรานรับไอศกรีมไปแล้วกัดกินอย่างขุ่นเคือง

“นั่น…”

“ไม่ต้องไปพูดกับเขา ยังไงฉันก็รู้จักเขาดี” จ้าวจิ้นหรานโบกมือตัดคำพูดของโจวม่อ

โจวม่อจนใจ ได้แต่ปิดปากลง คนทั้งหลายก็ไม่ได้พูดคุยกันแล้วกินไอศกรีมไป จ้าวจิ้นหรานเป็นคนแรกที่กินเสร็จ สุดท้ายก็เช็ดปากกล่าวขึ้นว่า “ฉลองชัยชนะ วันนี้ฉันเลี้ยงมื้อเย็น มาให้หมดเลย!”

………………………………………………………………

* ในต้นฉบับเขียนว่าพยักหน้าให้เกาเกอ แต่อ่านดูแล้วมันไม่เมคเซ้นต์เลยอะ คิดว่าน่าจะเป็นซูเก๋อมากกว่านะคะ