“เจ้าเป็นใคร?ทำไมถึงมาอยู่บนเรือ?”
เหอจิงหงถามด้วยความโมโหและตกใจ
ชายคนนั้นคุกเข่าลงและร้องไห้ด้วยความหวาดผวา
“สองเดือนก่อนชายหนุ่มผมสีเงินบอกว่าข้าจะได้เงินถ้าทำงานให้เขา ถ้าหากข้ายอมทำ เขาจะใช้ข้าหนึ่งร้อยเหรียญเทวะ เขาถึงกับจ่ายสิบเหรียญให้ข้าล่วงหน้า!”
“เขาขอให้ข้าใส่หน้ากากอันนี้เพื่อพบคนที่ธารดาราพอข้าได้สัญญาณ ข้าก็เริ่มออกจากฝั่ง ท่านจากตระกูลเทพกระเรียน ขะ…ข้าไม่รู้ว่าข้าได้ล่วงเกินท่าน!”
เหอจิงหงกำหน้ากากในมือแน่นด้วยความแค้น
ใบหน้าของคนอื่นในตระกูลเทพกระเรียนหม่นหมองลงเมื่อได้ฟัง
ตอนนี้พวกเขาทุกคนรู้แล้วว่าโดนซือหยูหลอก
ชายหนุ่มเจ้าเล่ห์ผู้นี้วางแผนนี้มาสองเดือนแล้ว!
ถ้านี่ไม่ใช่ซือหยูแล้วเขาตัวจริงอยู่ที่ไหน?
ที่ชายฝั่งชายแก่ไม่รู้ว่าทำไมซือหยูถึงถูกจับตัว เขาโยนกระเป๋าเงินในมือเล่นด้วยรอยยิ้ม
“สองรางวัลในงานเดียวนี่เป็นโชคดีของข้า! เจ้าคนนอกเอ๋ย อย่าโทษข้าเลย! ไม่มีใครปฏิเสธเงินหรอก!”
ต่อมาเสียงใจเย็นก็ดังที่ข้างหูของเขา
“บางครั้งโชคชะตาก็มอบความตายมาให้เจ้ารู้ไหม?”
ชายแก่เพียงแค่เห็นใบหน้าหล่อเหลวของชายหนุ่มผมสีเงินก่อนที่ดวงวิญญาณเขาจะแตกสลาย
ซือหยูเก็บกระเป๋าเงินสองใบของชายแก่ขึ้นมาจากนั้นเขาก็ยิ้มมองพวกโง่ที่ยังอยู่ในธารดาราก่อนจะไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
ที่เรือกระดูกเทพลำเล็กคนลึกลับสวมผ้าคลุมดำรอคอยซือหยูอยู่
เมื่อซือหยูกระโดดขึ้นเรือคนผู้นั้นก็ถอดผ้าคลุม เผยให้เป็นใบหน้างดงามของสตรี
“ช่างตลาดมืดไม่น่าเชื่อถืออย่างที่ข้าคิดโชคดีที่เจ้าใช้เรือนั่นเป็นเหยื่อล่อและให้ข้าเตรียมเรืออีกลำพร้อมกัน!”
นางคือเจี๋ยนอู๋เชิง!
เรือที่เตรียมโดยเจี๋ยนอู๋เชิงคือแผนสองของซือหยู
ซือหยูเชื่อว่าคนตระกูลเทพสามารถมองแผนแอบต่อเรือของเขาออกขณะที่เขาแสร้งทำเป็นท่องโลกกว้าง
แต่เรือที่ช่างคนนั้นต่อก็คือเรือที่ใช้เป็นเหยื่อล่อ
เขาบอกให้เจี๋ยนอู๋เชิงเตรียมเรืออีกลำเอาไว้
เมื่อตระกูลเทพกระเรียนทุกคนหมายตาซือหยูจึงไม่มีใครสนใจเจี๋ยนอู๋เชิงที่ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนเลยสักคน
“ออกไปจากที่นี่กันเถอะ!เดี๋ยวพวกมันก็รู้แล้วว่าโดนหลอก!”
ซือหยูพูด
จากนั้นเรือกระดูกเทพลำเล็กก็แล่นไปยังธารดาราอันมืดสนิท
ในห้องลับศูนย์การค้าหยางไท่ฟังรายงานเรื่องซือหยูจากชายแก่ที่บอกเขาผ่านชายฝั่ง
“นายน้อยอย่างที่ท่านคิดเลย เขาถูกเรือแปดลำจากตระกูลเทพกระเรียนล้อมเอาไว้ในตอนที่ออกจากชายฝั่ง ตระกูลเทพกระเรียนมองแผนต่อเรือโดยใช้ช่างตลาดมืดของเขาออก!”
หยางไท่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าๆๆ!คนฉลาดอย่างเขามักจะดูถูกคนอื่นและประเมินตัวเองสูงเกินไปเสมอ เอาล่ะ เจ้ากลับมาได้แล้ว ข้าไม่สนใจแล้ว…” “ช้าก่อน!”
เสียงชายแก่ดังขึ้นอีกครั้ง
“นายน้อยมีเรื่องผิดปกติ! คนที่ตระกูลเทพกระเรียนจับได้…ไม่ใช่เขา!”
“ยังไม่พอ!”
ชายแก่พูดด้วยความตกใจอีกครั้ง
“พวกเขาเจอร่างไร้วิญญาณของช่างต่อเรือนอกจากกระเป๋าเงินสองใบ ทุกอย่างบนตัวเขายังอยู่ครบ!”
“นายน้อยเราจะทำอย่างไรต่อไปดี?”
“นายน้อย…นายน้อยยังฟังข้าอยู่หรือไม่?”
หยางไท่ยังคงยิ้มแต่ยิ้มด้วยใบหน้าที่นิ่งไม่ขยับ ความมั่นใจของเขาหายไปหมดแล้ว!
ไม่นานหยางไท่อ้าปากค้าง
“เจ้าหมอนี่…ก็ได้!ข้าจะไปที่นั่นด้วยตัวเอง!”
หยางไท่อารมณ์เสียอย่างอธิบายไม่ได้เขาชอบคนฉลาด แต่เขาไม่ชอบคนที่ฉลาดกว่าเขา!
เขารู้สึกว่าเขาควบคุมคนอย่างซือหยูไม่ได้!
เมื่อหยางไท่มาถึงชายฝั่งคนตระกูลเทพกระเรียนก็ยังคงถามหาข้อมูลเรื่องตำแหน่งของซือหยู
หยางไท่มองศพช่างต่อเรือบนพื้นครู่หนึ่งเขาคิดและพูด
“เอาล่ะ!ขอข้าทดสอบเจ้าหน่อย!”
“บอกคนพวกนั้นว่าซือหยู…แล่นเรือไปทางตะวันตกเฉียงใต้ในธารดารา!”
หยางไท่เชื่อว่าแผนของซือหยูไม่ใช่การเบี่ยงเบนความสนใจกลับกัน ซือหยูควรจะพยายามล่อศัตรูด้วยเหยื่อล่อของเขา
เมื่อมัจฉากินเหยื่อซือหยูก็ย่อมต้องหนีไปแล้ว
ส่วนทิศทางหยางไท่คิดว่าตะวันตกเฉียงใต้คือทางเดียวที่จะทำให้เขาห่างไกลจากตระกูลเทพกระเรียน
ครู่หนึ่งชายแก่บอกให้นายท่าบอกคนตระกูลเทพกระเรียนว่าชายหนุ่มผมสีเงินที่ฆ่าช่างต่อเรือนั้นหนีไปทางตะวันตกเฉียงใต้
คนตระกูลเทพกระเรียนที่ยุ่งอยู่กับการสอบถามแปลกใจเมื่อได้ฟังข่าวพวกเขาเชื่อสิ่งที่นายท่าพูดอย่างสนิทใจ
พวกเขาแบ่งครึ่งไปค้นหาซือหยูในบริเวณใกล้เคียงส่วนคนที่เหลือเริ่มไล่ตามซือหยูไปทางตะวันตกเฉียงใต้
ชายแก่ถามด้วยความสับสน
“นายน้อยทำแบบนี้ไปเพราะเหตุใดหรือ?”
ชายแก่ไม่เข้าใจหยางไท่ที่สนใจซือหยูและจู่ๆ ก็ไปช่วยตระกูลเทพกระเรียน
ถ้าหากไม่มีคำชี้แนะจากหยางไท่คนตระกูลเทพกระเรียนก็คงต้องใช้เวลามากกว่านี้ในการคิดอ่าน
หยางไท่ตอบอย่างไร้อารมณ์ “ไม่มีเหตุผลหรอก!ข้าก็แค่อยากจะทดสอบเขา!”
ชายแก่รู้สึกได้เลยว่านายน้อยของเขาพยายามจะประชันปัญญากับซือหยู
ขณะนี้เรือกระดูกเทพของซือหยูกำลังแล่นไปยังธารดาราอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต
ด้านหลังเขาแผ่นดินอันยิ่งใหญ่กำลังลับตา พวกเขาเห็นแต่เพียงแสงอันตระการตาจากดินแดนนั้น
“พวกเราน่าจะหนีสำเร็จแล้ว!”
เจี๋ยนอู๋เชิงพูดและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ซือหยูส่ายหน้า
“เราจะประมาทไม่ได้จนกว่าเราจะหนีพวกมันพ้น!”
เจี๋ยนอู๋เชิงหันไปด้านหลังนางพูดอย่างเคร่งเครียด
“ข้าว่าเจ้าพูดถูก!” เรือกระดูกเทพสี่ลำแล่นตามหลังพวกเขามาอย่างรวดเร็ว
พวกเขาเห็นจากระยะไกลว่ามีคนสวมชุดตราตระกูลเทพกระเรียนบนเรือ
ซือหยูถอนหายใจ
“ไม่คิดเลยว่าคนตระกูลเทพจะฉลาดพอที่จะตามข้าทันเร็วเช่นนี้!”
แต่ซือหยูก็ไม่แปลกใจเขาพูดอย่างใจเย็น
“เร่งความเร็วไปทางเหนือ!”
เหอหลูจูที่ยังอยู่ชายฝั่งได้รับข้อความจากพี่ใหญ่
“รีบมาขวางทางมันเราเจอมันที่ตะวันตกเฉียงใต้แล้ว!”
เมื่อได้ข้อความเหอหลูจูพยักหน้าและแล่นเรือออกไปกับคนของเขาทันที
หยางไท่ยิ้มอย่างมั่นใจอีกครั้งดูเหมือนว่าทุกอย่างจะอยู่ในการควบคุมของเขา “ช้าก่อน!มันเปลี่ยนทิศทาง! แล่นไปทางสะกัดมันทางเหนือ!”
เหอจิงหงส่งข้อความมาหาเหอหลูจูอีกครั้ง
หยางไท่หยุดยิ้มและเริ่มคิดให้ละเอียดทำไมซือหยูถึงเลือกทิศเหนือกัน?
การตัดสินใจเปลี่ยนทางหนีของเขาทำให้การหนียากขึ้นไปอีกเพราะเหอหลูจูจะตามมาดักได้จากทางเหนือ
“เตรียมเรือไปดูกัน!”
หยางไท่พูดอย่างจริงจัง
เมื่อได้ฟังคำสั่งชายแก่ไม่กล้าจะรีรอ เขาถอนหายใจ เมื่อเขานำเรือกระดูกระดับสูงมา พวกเขาก็เริ่มออกเรือไปทางเหนือ
…
ในธารดาราเรือกระดูกเทพลำหนึ่งกำลังถูกเรือกระดูกเทพสี่ลำไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด
เหอจิงหงตะโกนและหัวเราะด้วยความดีใจราวกับนักล่าที่กำลังจะจับเหยื่อได้ “ครั้งนี้เจ้าหนีไม่รอดแน่!”
หนีเรอะ?ซือหยูยิ้มเมื่อได้ฟัง
ครึ่งวันต่อมาเรือสี่ลำเข้าใกล้ซือหยูยิ่งกว่าเดิม แต่ในเวลาเดียวกันก็มีเรืออีกสี่ลำของตระกูลเทพกระเรียนแล่นมาที่ด้านหน้าซือหยูด้วย
ดูเหมือนว่าซือหยูจะโดนล้อมและไร้ทางหนี
เหอจิงหงยิ้มอย่างดุร้ายเขารู้ว่าเขาจะได้รางวัลอย่างงามเมื่อจับตัวซือหยูได้
แต่เขาก็ยังเศร้าในใจเมื่อคิดว่าซือหยูยังสามารถฆ่าน้องสาวเหอเสี่ยวหลานของเขาได้เหอจิงหงคงจะมีความสุขมากกว่านี้หากน้องสาวของเขาถูกฆ่าตาย
เหตุการณ์ดำเนินต่อไปเหอหลูจูสั่งให้คนของเขากันทางหนีของซือหยู
ตอนนี้ซือหยูกำลังจะถูกคนตระกูลเทพกระเรียนจับแล้ว
หยางไท่ยิ้มอย่างพอใจ แต่ทันใดนั้นเองเสียงระเบิดก็ดังก้องขึ้นมา เรือกระดูกเทพข้างเหอจิงหงถูกระเบิด ยอดฝีมือทั้งหมดบนเรือตกลงสู่ธารดารา
บรรดาสัตว์ป่าในธารดาราพุ่งเข้ามาทันทีคนตระกูลเทพกระเรียนสามคนถูกกลืนกินในพริบตา
คนที่เหลือกระโดดไปที่เรือลำใกล้ๆ ด้วยความสะพรึงกลัว
ก่อนที่พวกเขาจะได้พักหายใจเรืออีกลำก็ระเบิดอีกครั้ง
พวกเขาเตรียมตัวมาเต็มที่ในครั้งนี้การถูกทำลายเรือมิได้เป็นความเสียหายใหญ่นัก
แต่ในเวลานี้พวกเขาทุกคนกลัวจนแทบจะลืมว่าซือหยูยังอยู่ที่นี่
เหอจิงหงมองรอบๆ ด้วยความระแวง จากนั้นเขาก็เห็นวัตถุขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในหมอกหนา
สิ่งนั้นพุ่งออกมาจากหมอกจนพวกเขาตกใจ มันคือเรือรบทมิฬลำใหม่ที่ออกแบบสำหรับการจู่โจมเรือลำอื่นในธารดารา
ที่สองด้านของเรือนั้นมีรูสีดำสนิทร้อยแห่ง
ควันลอยออกมาจากรูนั้น
เหอจิงหงตัวแข็งทื่อด้วยความสะพรึงกลัว
เรือรบประเภทนี้ไร้เทียมทานในธารดารามีเพียงเทพเท่านั้นที่จะรอดจากการจู่โจมของเรือแบบนี้
ยอดฝีมือทั่วไปมิอาจเดินทางข้ามธารดาราได้ทุกการต่อสู้ในธารดาราจึงตัดสินกันที่เรือรบ
ตระกูลเทพกระเรียนเองก็มีเรือรบแต่ไม่มีใครจะไล่ล่าคนบ้านป่าเมืองเถื่อนด้วยเรือรบ!
ต่อหน้าเรือลำใหญ่เช่นนี้แม้แต่เรือเล็กแปดสิบลำก็ระเบิดได้หมดสิ้น ไม่ต้องพูดถึงเรือแค่แปดลำ
หยางไท่ที่ยืนมองอยู่ไกลๆ กำหมัดแน่น
ซือหยูไม่ได้เตรียมเรือแค่ลำเดียวหรือสองลำแต่เขาเตรียมถึง…สามลำ!
ยิ่งไปกว่านั้นเรือลำที่สามยังเป็นเรือที่ทำให้เขาตกอกตกใจมากที่สุด!
หยางไท่นึกขึ้นได้ว่าซือหยูมีเงินมากพอที่จะสร้างเรือเล็กสิบลำ
ดูเหมือนว่าเรือสองลำแรกจะเป็นชิ้นส่วนที่ทำให้ศัตรูสับสนส่วนเรือรบคือไพ่ตายของเขา
แทนที่จะหนีซือหยูพยายามล่อคนตระกูลเทพกระเรียนออกมาเพื่อที่จะสังหารให้สิ้นด้วยเรือรบ
เหมือนกับว่าหยางไท่ชี้ทางให้คนตระกูลเทพกระเรียนมาสู่กับดักของซือหยู!
หยางไท่หงุดหงิดที่รู้ว่าซือหยูฉลาดกว่าเขา
จากนั้นเรือลำเล็กของซือหยูก็แล่นผ่านเรือของตระกูลเทพกระเรียนไป
ขณะนี้ปืนใหญ่ร้อยกระบอกเล็กไปที่เรือตระกูลเทพกระเรียน ทุกคนบนเรือไม่กล้าแม้แต่กระพริบตา!