เมื่อสัมผัสได้ว่ามันไม่อาจยุแยงปั่นหัวลูเซียนที่ยังคงไม่พูดอะไรได้ ปีศาจความเสแสร้งจึงเงยหน้าขึ้นหัวเราะ “ชั้นตำนานระดับสูงสุดแท้ๆ เจ็ดตน ร่างจำแลงอีกสิบสองที่ก่อตัวขึ้นผ่านการอัญเชิญย้อนกลับจากโลกหลัก และวิญญาณเร่ร่อนที่มีมากมายจำนวนนับไม่ถ้วน ลูเซียน อีวานส์ ไม่มีทางใดที่เจ้าจะต้านทานได้ มิมีชั้นตำนานระดับสูงสุดคนใดจะต้านทานพวกมันได้ อีกอย่าง เจ้าหาได้มีหนทางหนีรอดไปจากที่แห่งนี้ เพราะว่าร่างของเจ้ายังคงเชื่อมอยู่กับประตูแห่งตัณหา!”

ถ้อยคำของมันฟังดูกึ่งเล่นกึ่งจริง มิมีทางใดจะรู้ได้เลยว่ามันกำลังสั่นคลอนความมั่นใจของลูเซียน หรือสร้างบรรยากาศแห่งความสิ้นหวังกันแน่ แต่ในเมื่อมันคือภาพสะท้อนภายนอกของจิตใจ การสื่อสารจึงมิได้ทำให้การโจมตีของพวกมันเชื่องช้าลงเลย ด้วยเหตุนี้ ขณะที่ปีศาจความเสแสร้งหัวเราะร่าคละเคล้าไปกับเสียงคำรามของปีศาจความเคียดแค้น เหล่าวิญญาณร่างโปร่งใสดุจภาพมายา ซึ่งมีสีดำ ทอง หรือเขียวของความรู้สึกแง่ลบแฝงอยู่ ต่างก็พุ่งเข้าใส่ลูเซียนจากทุกทิศทาง

ในระหว่างนั้น ปีศาจความยโสและปีศาจความโลภก็ได้เปลี่ยนรูปร่างเป็นเฟอร์นันโด แฮทธาเวย์ บรูก ลูเซียน ดานิซอส และชั้นตำนานระดับสูงสุดคนอื่นๆ ด้วยความพยายามที่จะลอกเลียนแบบพลังทักษะเพื่อโจมตีใส่ลูเซียน สำหรับปีศาจแห่งบรรพกาลพวกนี้ที่มิได้มีร่างที่แท้จริง ชั้นตำนานระดับสูงสุดที่เน้นไปทางการร่ายเวทมนตร์คาถาจะเหมาะกับพวกมันมากกว่าในการสำแดงพลังเหนือธรรมชาติให้ส่งผลต่อจิตใจ

ส่งผลให้ลูเซียนต้องเผชิญหน้ากับ ‘เวทวายุโทสะ’ ของเฟอร์นันโด ‘เวทพังทลายขั้นสุดยอด’ ของแฮทธาเวย์ ‘เวทปฏิปักษ์แม่เหล็กไฟฟ้า’ ของบรูก ลมหายใจแห่งกาลของดานิซอส ‘น้ำวนมรณะ’ ของฮาเร็กส์ และ ‘เวทปืนใหญ่โพซิตรอน’ ของเขาเอง นอกจากนี้แล้ว การโจมตีประเภทนี้ยังมิใช่เพียงภาพมายาเท่านั้น แต่กลับสร้างความเสียหายได้อย่างแท้จริง!

บนท้องฟ้าไกล ภายในอาณาจักรแสนมหัศจรรย์ที่ทั่วทั้งโลกมองเห็นได้

เมื่อไวเค็นดูดซับความรู้สึกด้านลบและวิญญาณที่เสื่อมทรามเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง ทำให้โลกแห่งความสิ้นหวังที่นรกโบราณฉายภาพให้เห็นยิ่งดูเข้มข้นชัดเจนขึ้น ร่างของวิเซนเตพลันสั่นสะท้านอยู่บริเวณชายขอบอาณาจักร พร้อมกับที่ดวงไฟในกระบอกตาของเขากลายเป็นสีดำ ทว่า กล้ามเนื้อบนใบหน้าเขาเหี่ยวย่นหดหายไปนานแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะแสดงสีหน้าอันใดมากไปกว่านี้

เหอะๆ วิเซนเตส่งเสียงขึ้นจมูก ร่างของเขาระเบิดกลายเป็นกลุ่มควันสีเทาที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย มันหมุนวนไปมาอยู่บนฟ้าไม่หยุดและเปิดประตูสีดำที่ดูเหมือนกับสร้างขึ้นมาจากความตายล้วนๆ

ฟู่!

ประตูส่งเสียงคล้ายเสียงถอนหายใจยาวจากที่ไกลๆ เพราะมันถูกเปิดอย่างกะทันหัน จากนั้นร่างสีดำที่สูงใหญ่กว่ายักษ์ตนใดก็ก้าวออกมา ดูราวกับภูเขาลูกหนึ่ง

ร่างนั้นห่อหุ้มด้วยควันดำ ทำให้ดูคล้ายกับกำลังสวมใสเสื้อโค้ตจากหมอกหนา เมื่อมองผ่านควันดำเข้าไป ก็จะเห็นได้ลางๆ ว่ามันถูกสร้างขึ้นจากมังกร มนุษย์ เอลฟ์ คนแคระ มนุษย์หมาป่า ปีศาจ มาร และสิ่งมีชีวิตมากปัญญาชนิดอื่นๆ มันแผ่แรงกดดันออกมาอย่างล้นหลามจนน่าตกใจ

วินาทีที่มันปรากฏกาย สิ่งมีชีวิตมากปัญญาภายในควันดำก็พลันลืมตาขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ยังผลให้ เงาดำโปร่งแสงมากมายปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า แต่แล้วกลับถูกสิ่งมีชีวิตที่สร้างขึ้นโดยร่างต้นกำเนิดกลืนกิน ก่อนที่พวกมันจะกรีดร้องและกลายเป็นส่วนหนึ่งของมัน ความเจ็บปวดและความเคียดแค้นอันเข้มข้นถูกกดข่มด้วยความตายอันเป็นนิรันดร์

เฟอร์นันโด แฮทธาเวย์ ราชินีเอลฟ์ และชั้นตำนานระดับสูงสุดคนอื่นๆ ต่างขจัดการลอบโจมตีของเหล่าปีศาจแห่งบรรพกาลด้วยวิธีการของตน ดักลาส พระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน และเจ้าแห่งนรกนั้นรับมือกับมันได้ค่อนข้างง่ายดายเพราะเงาดำไม่อาจเข้ามาใกล้พวกเขาได้เลย

ในตอนนั้นเอง ‘ร่างต้นกำเนิด’ ของวิเซนเตก็พลันลืมตา ก่อนที่ดวงไฟสีแดงสลัวรางจะกระเด้งกระดอนออกมา ไม่ว่าดวงตาของมันจะไปทางไหน ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับกลายเป็นเพียงความว่างเปล่าอันเย็นเยียบไร้ชีวิต กระทั่งจิตวิบัติและโลกแห่งความสิ้นหวังรอบๆ ตัวไวเค็นยังค่อยๆ แข็งกระด้างเข้าสู่ความสงบสุขชั่วนิรันดร์ มีเพียงอาณาจักรแห่งพรศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่แทบมิได้รับผลกระทบใดๆ

นั่นคือทักษะพิเศษสุดของร่างต้นกำเนิด เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘เนตรต้นกำเนิด’ หรือ ‘เนตรเพ่งมรณะ’ มันคล้ายกับพลังขจัดชีวินของแอ็ปซิสแต่ทรงพลังกว่ามาก และมันยังเกือบจะทัดเทียมกับเวทกีดกันชีวิตของเจ้าแห่งนรกเลยทีเดียว

ภายใต้อำนาจของ ‘เนตรเพ่งมรณะ’ หนึ่งในชั้นปราการป้องกันรอบกายไวเค็นพลันแตกสลาย มีเพียงอาณาจักรแห่งพรศักดิ์สิทธิ์ที่ยังอยู่ดี

มันมิได้หมายความว่าวิเซนเตแข็งแกร่งเทียบเท่ามนุษย์ครึ่งเทพ แต่เป็นเพียงเพราะอุปกรณ์ชั้นตำนานของศาสตร์มืด ผนวกเข้ากับการเล่นแร่แปรธาตุนั้นมีความเป็นเอกลักษณ์และสะกดข่มวิญญาณอันเสื่อมทรามที่ไม่มีแก่นพลังที่แท้จริง

และนั่นยังเป็นเอกลักษณ์พิเศษของเวทมนตร์อีกด้วย หากเลือกใช้เวทมนตร์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม การจะต้านทานศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าตนเองย่อมเป็นไปได้

เมื่อเห็นว่าร่างต้นกำเนิดสร้างความเสียหายได้ เจ้าแห่งนรกจึงฉวยโอกาสนี้ เขามิได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใด เพียงยกตรีศูลทองคำของตนขึ้นขณะบัญชาการให้มหาสมุทรเข้าโจมตีใส่อาณาจักรแห่งพรศักดิ์สิทธิ์

“ลำน้ำสติกซ์!”

มัลติมุสมิได้หารือกับอัลเทอร์นาและเดอมาเทส เพราะเขาเชื่อว่าอีกสองตนย่อมมองเห็นและฉวยโอกาสนี้เป็นแน่!

สายธารสีน้ำเงินพลันเปลี่ยนเป็นสีเทา ที่ลอยละล่องอยู่ในนั้นคือเหล่าดวงวิญญาณอันว่างเปล่าเลือนราง มันไหลทะลักออกมาจากความว่างเปล่าไปยังความว่างเปล่าอีกแห่งหนึ่ง ราวกับมันได้แทรกตัวไปทั่วทั้งวัฏจักรแห่งความเป็นความตายแล้ว

มันคือแม่น้ำสติกซ์ที่แสนลี้ลับ ใจกลางของมิตินรกภูมิและอเวจี! แน่นอนว่า พลังโจมตีนี้ถือเป็นหนึ่งในการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเจ้าแห่งนรก

ในเวลานั้นเอง ดักลาสก็คล้ายกับจะสัมผัสได้ว่าต้นกำเนิดและเทวลิขิตของแม่น้ำสติกซ์นั้นก็คือเตาหลอมวิญญาณที่เขาคุ้นเคยดีอยู่แล้ว

แม่น้ำสติกซ์สีเทาไหลบ่าไปทางด้านหน้าของอาณาจักรแห่งพรศักดิ์สิทธิ์อย่างไร้ซุ่มเสียง ภายในพริบตาเดียว แสงศักดิ์สิทธิ์สีขาวงาช้างของอาณาจักรก็กลายเป็นสีเทาทึบทึม ความมีชีวิตชีวาอุดมสมบูรณ์จึงเริ่มจางหายและพังทลายลง

หลังจากที่แม่น้ำสติกซ์ทลายอาณาจักรแห่งพรศักดิ์สิทธิ์ลงและไปถึงตัวไวเค็น และไวเค็นยังไม่ทันได้สร้างปราการคุ้มกันด้วยพลังของสรวงสรรค์อันศักดิ์สิทธิ์และนรกโบราณ ดวงจันทร์ลอยเด่นไกลลิบที่เฝ้าสังเกตการณ์ทุกอย่างก็ร่วงหล่นใส่ไวเค็นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทิ้งภาพแนวหางอันเย็นเยียบไว้เบื้องหลัง รอบๆ แนวนั้น ปรากฏเปลวเพลิงสีดำแห่งความว่างเปล่าอยู่เลือนลาง

เปรี๊ยะ!

เสียงแตกร้าวแผ่วเบาทว่าชัดเจนพลันดังขึ้น ซึ่งมันหยุดยั้งความรู้สึกที่ว่าไวเค็นมีตัวตนอยู่อีกโลกหนึ่ง เขาหาใช่สิ่งมีชีวิตชนิดพิเศษที่มิมีผู้ใดแตะต้องหรือโจมตีได้อีกต่อไป!

หลังจากที่อาณาจักรแสนมหัศจรรย์พังทลยาลง จันทราสีเงินก็โผล่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่จักรวาลไร้อันขอบเขตปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของไวเค็น ดวงดาวเจิดจำรัสมากมายภายในนั้นคือตัวแทนโชคชะตาของทุกคน

นั่นก็คือดาวจรัสฟ้าแห่งเทวลิขิต!

ภายในดาวจรัสฟ้าแห่งเทวลิขิตที่ดูราวกับภาพมายา ดวงดาวที่เป็นตัวแทนของไวเค็นพลันเปล่งแสงเจิดจ้าและให้ความรู้สึกเหมือนดาวหางพุ่งลงมาชนไวเค็นอย่างแรง

นั่นก็คือ ‘เวทดาวตกชี้ชะตา’ ของดักลาสนั่นเอง!

หลังจากที่เขาเลื่อนขั้นขึ้นเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ และดาวหลักแห่งเทวลิขิตของเขาเชื่อมโยงกับดาวจรัสฟ้าแห่งเทวลิขิตอย่างแนบแน่น เวทมนตร์ชั้นตำนานก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง กลายเป็นการโจมตีระดับมนุษย์ครึ่งเทพอย่างแท้จริงแล้วในตอนนี้!

“เวทปืนใหญ่โพซิตรอน!”

“การทำลายล้างยิ่งใหญ่!”

“ธรรมชาติลงทัณฑ์!”

เมื่อ ‘เวทดาวตกชี้ชะตา’ ร่วงลงมา แฮทธาเวย์ เฟอร์นันโด ราชินีเอล์ฟ และผู้มีพลังชั้นตำนานคนอื่นๆ ต่างก็ฉวยโอกาสนี้โจมตีใส่ไม่ยั้ง ในใจต่างสบถสาบานว่าจะขัดขวางการทะลวงขั้นของไวเค็นไว้ให้จงได้

ยังไม่ทันที่แสงสว่างเจิดจ้าจะแผ่ออกมา ก็บังเกิดแรงระเบิดดังกึกก้องเสียจนสามารถสังหารทุกคนให้ตกตายได้

ตูม!

แสงเจิดจ้าระเบิดโพลง พร้อมกับที่พายุพลังงานกวาดผ่าน บดบังรัศมีโลกอันมืดมนชั่วร้ายและวิมานแสนศักดิ์สิทธิ์

เจ้าแห่งนรกคิดกับตนเองในใจวว่า ‘หลังจากการโจมตีระลอกนี้ ไวเค็นคงจะต้องบาดเจ็บสาหัสและถูกยับยั้งจากการทะลวงขั้นอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่ามันจะไม่ตายก็ตาม…เจ้านั่นถูก “เวทดาวตกชี้ชะตา” ของมนุษย์ครึ่งเทพพุ่งซัด ไหนจะ “เวทปืนใหญ่โพซิตรอน” และพลังเหนือธรรมชาติอีกมากมายโดยไร้ซึ่งสิ่งใดคุ้มกัน กระทั่งมันก็คงจะต้องบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าชีวิตของมันจะมิได้ตกอยู่ในอันตราย แต่มันย่อมไม่มีทางทะลวงขั้นได้สำเร็จแน่’

เนื่องจากพายุพลังงาน ดักลาสกับเฟอร์นันโดจึงมองเห็นสถานการณ์ภายในนั้นได้ไม่ชัดเจน แต่พวกเขาก็พอจะเดาได้จากประสบการณ์

ภายในนครลอยฟ้า นอกจากบรูกและคนอื่นๆ ที่กำลังต่อสู้อยู่ นักเวททุกคนต่างมองไปบนท้องฟ้าด้วยความรู้สึกเปี่ยมล้นด้วยความหวังและความปีติยินดี ‘วิกฤติได้รับการแก้ไขแล้วใช่หรือไม่ ไวเค็นถูกหยุดได้ก่อนที่เขาจะกลายเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ใช่หรือไม่’

ภัยพิบัติดูจะจบลงแล้ว!

ณ โรงเรียนสายสามัญที่สามแห่งเรนทาโต…

อาลีเฝ้าฟังรายงานออกอากาศและมองขึ้นไปบนฟ้า แม้ว่าทิวทัศน์จะเปลี่ยนไปมารวดเร็วเกินกว่าที่พวกเขาจะมองเห็นได้ชัดเจน แต่ภาพสุดท้ายที่แช่ค้างอยู่ในตอนนี้ทำให้พวกเขาคาดหวังและดีใจ

ฝันร้ายจบลงแล้วหรือ

จบลงเถิด ในเมื่อมนุษย์ครึ่งเทพสามตนและชั้นตำนานระดับสูงสุดอีกมากมายร่วมมือกัน พวกเขาย่อมทำได้แม้แต่การสังหารพระเจ้าเที่ยงแท้!

พายุพลังงานค่อยๆ แผ่วลง เผยให้เห็นภาพตรงใจกลางนั้น ร่างจุติของปีศาจแห่งบรรพกาลซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกด้านลบและหุบเขาวิมานอันศักดิ์สิทธิ์หาใดเปรียบยังคงอยู่ตรงนั้น ทว่า ไวเค็นที่ควรจะอยู่ระหว่างสองสิ่งนั้น กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

‘เขาตายหรือยัง’

‘เขาจะกลับมาจากสายธารแห่งโชคชะตาหลังจากเวลาผ่านไปนานแล้วใช่หรือไม่’

ฝ่ายโจมตีต่างรู้สึกยินดีและกังขาในขณะเดียวกัน ฉับพลันนั้นเอง ดักลาสก็มองเห็นจุดสีดำปรากฏขึ้นที่ตรงนั้น

ในตอนที่เขากำลังจะร่ายเวทเวทดาวตกชี้ชะตา จุดสีดำก็ยืดขยายและขยับยุกยิกกลายเป็นไวเค็นอีกครา แล้วโลกแห่งความสิ้นหวังที่เต็มไปด้วยใบหน้าของสิ่งมีชีวิตมากปัญญากับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ที่บรรดานางฟ้ากับวิญญาณบริสุทธิ์ต่างร้องสรรเสริญไม่หยุด ก็ค่อยๆ เคลื่อนลงมา และหลอมรวมเข้ากับร่างของเขา!

“ฮ่าๆๆ” ความมืดและแสงสว่างสลับสับเปลี่ยนกันอย่างไม่หยุดยั้งภายในดวงตาของไวเค็นขณะที่เขาระเบิดเสียงหัวเราะร่า “หากว่าข้าไม่มั่นใจ ข้าจะตัดสินใจทะลวงขั้นในโลกหลัก แทนที่จะไปทำที่มิติลับแห่งอื่นเช่นนั้นรึ”

“ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากพวกเจ้า ข้าจึงผ่านด่านที่ยากที่สุดมาได้ หลังจากที่ข้าหลอมรวมหุบเขาวิมานและนรกโบราณแล้ว พวกเจ้าจักได้ยลโฉมของพระเจ้าเที่ยงแท้!”

ในตอนนั้นเอง เขาก็กลับไปสู่สถานะแสนวิเศษที่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจโจมตีใส่อีกครา นอกจากนี้ มันยังดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบและไม่อาจทำลายได้ยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้เสียอีก!

‘แม้แต่การระดมโจมตีเช่นนั้นก็ไม่อาจสังหารมันได้งั้นหรือ’ เหล่ามนุษย์ครึ่งเทพและชั้นตำนานระดับสูงสุดสงบลงหลังจากตกตะลึงอึ้งงันไปเล็กน้อย แล้วเริ่มโจมตีต่อไป สำหรับพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่มีทางยอมแพ้จนกว่าชีวิตจะหาไม่

ทางด้านนักเวทและประชาชนในอัลลินและเรนทาโตนั้น มิได้มีความสามารถในการควบคุมตนเองถึงเพียงนั้น หลังจากได้ยินคำประกาศกร้าวอย่างคลุ้มคลั่งของไวเค็น ใบหน้าของพวกเขาก็พลันเศร้าหมองและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

หากว่ามนุษย์ครึ่งเทพทั้งสามที่แสนแข็งแกร่งและชั้นตำนานระดับสูงสุดอีกนับสิบยังไม่อาจหยุดยั้งไวเค็นไว้ได้ตั้งแต่แรก แล้วจะมีสิ่งใดที่สามารถหยุดไวเค็นได้อีกในยามนี้

‘จบแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจบลงแล้ว’

พวกเขาจ้องมองท้องฟ้าด้วยใบหน้าแข็งค้างและเหม่อลอย ราวกับพวกเขาถูกจับขังให้อยู่ในฝันร้ายแห่งความสิ้นหวังไปตลอดกาล

ภายในนรกโบราณ ขณะเผชิญหน้ากับการโจมตีจากปีศาจความยโส จู่ๆ ลูเซียนก็ถอนหายใจแล้วยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มแบบฉบับของเขา ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “ข้ามาที่นี่เพื่อยืนยันบางอย่าง และการมีอยู่ของพวกเจ้าก็ช่วยให้ข้ายืนยันมันได้ ฉะนั้นแล้ว…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค เขาก็ก้าวมาข้างหน้า แม้ว่าร่างกายเขาจะไม่ได้สูงใหญ่ขึ้น แต่จู่ๆ กลิ่นไอของเขากลับน่าหวั่นเกรงอย่างที่สุด เหล่าวิญญาณที่พุ่งเข้าหาเขาพากันกรีดร้องและถอยห่างอย่างรวดเร็ว ส่วนปีศาจแห่งบรรพกาลทั้งเจ็ดที่พร้อมจะร่าย ‘เวทมนตร์’ กลับแทบกระคองตัวยืนไม่ไหว

‘เกิดอะไรขึ้น’

‘เขาได้รับการพิสูจน์ยืนยันในเรื่องใดกัน’

‘เขากำลังพยายามจะทำอะไรกันแน่’

ทันทีที่คำถามเหล่านั้นผุดขึ้นในใจเหล่าปีศาจแห่งบรรพกาล ร่างของลูเซียนก็พลันแตกสลายและกลายเป็นภาพมายา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดจริงจัง!

จักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลที่น่าหลงใหลค่อยๆ ปรากฏขึ้นภายในมิตินรกภูมิ

…………………………………..