ใจเห็นแก่ตัว

 

รอบแรกของลีกภายในมหาวิทยาลัยก็จบลงไปแบบนี้

สำหรับนักศึกษาหลาย ๆ คนที่เพียงแค่เล่นขำ ๆ เท่านั้นการเล่นรอบเดียวจบไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจเป็นพิเศษ หลังจากตกรอบแค่หัวเราะฮาฮาก็ผ่านไปได้แล้ว ส่วนพวกทีมที่มีทีท่าจริงจังตั้งใจมากกว่าพวกนั้นล้วนไม่มีใครถูกคัดออกในรอบแรก มีเพียงทีมหวงเฉาที่เป็นข้อยกเว้นหนึ่งเดียว

เพียงแต่สำหรับมหาวิทยาลัยอันใหญ่โตแห่งนี้แล้ว ลีก The Kings ภายในมหาวิทยาลัยก็เป็นแค่หนึ่งในกิจกรรมของชมรมนักศึกษาที่มีอยู่มากมายก่ายกองเท่านั้น แต่ว่ากิจกรรมการแข่งขันที่ชมรมอื่น ๆ จัดขึ้นมีข้อแตกต่างที่ค่อนข้างใหญ่อยู่อย่างหนึ่ง ลีก The Kings ภายในมหาวิทยาลัยไม่ได้ใช้การเลือกทีมเป็นตัวแทนมาจากภาควิชา

นี่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ข้อดีคือนักศึกษาจำนวนที่มากกว่าสามารถจะมาเข้าร่วมในกิจกรรมได้ ส่วนข้อเสียก็คือ เนื่องจากไม่มีการรวมใจแบบทีมภาควิชา สำหรับคนดูข้างนอกแล้วจึงไม่มีแรงดึงดูดใจให้ไปร่วมเชียร์ ลีก The Kings ของมหาวิทยาลัยตงเจียงก็เป็นแค่เพียงกลุ่มแฟน ๆ มาปิดประตูเล่นสนุกกันเท่านั้นเอง เมื่อไม่มีเกียรติของภาควิชามาเป็นศูนย์รวมจิตใจก็ไม่มีความดึงดูดใจสำหรับนักศึกษานอกวงการมากนัก

“ดังนั้น ผมคิดว่าลีกภายในมหาวิทยาลัยพัฒนามาถึงวันนี้ก็ได้เวลาที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงบ้างแล้ว พวกเราควรจะเอาอย่างกิจกรรมของพวกชมรมฟุตบอล บาสเก็ตบอลพวกนั้น ให้ภาควิชาจัดการคัดเลือกตัวแทนสำหรับกิจกรรม ให้มีคนมากขึ้นที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ ให้มีคนมากขึ้นที่ได้รู้สึกถึงเสน่ห์และความน่าสนใจของอีสปอร์ต และในเวลาเดียวกันก็เป็นเหมือนกับกิจกรรมแข่งขันอื่น ๆ คือเพื่อเพิ่มพูนความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของบรรดานักศึกษาทั้งหมด”

“นี่ก็คือข้อเสนอแนะของผม”

หลังจากจางเฉิงห่าวกล่าวถ้อยแถลงอันเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกปลุกเร้าแล้วก็นั่งลง ห้องประชุมทั้งห้องเงียบกริบ นี่ก็แค่การประชุมสรุปกันเป็นการภายในของชมรมหลังจากที่จบการแข่งขันรอบแรกไปแล้วเท่านั้น ใครจะนึกว่าตอนนี้อยู่ ๆ จางเฉิงห่าวจะมามีข้อเสนอเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่เช่นนี้

จะว่าไปแล้วข้อเสนอนี้ก็ฟังดูไม่เลว แต่ปัญหาก็คือตอนนี้เพิ่งจะเริ่มแข่งลีกภายในมหาวิทยาลัยไปได้แค่รอบเดียว เวลานี้อยู่ดี ๆ จะมาบอกว่าให้มีการเปลี่ยนแปลงมันผิดเวลาไปมากเลยไม่ใช่เหรอ เหตุผลที่เรียบง่ายอย่างนี้จางเฉิงห่าวจะไม่เข้าใจหรือไง

จางเฉิงห่าวย่อมไม่ แต่ว่าก็ยังมีเจ้าหน้าที่ชมรมที่ออกมาตั้งคำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้วว่า “แค่ก… ข้อเสนอนี้ไม่เลวเลย แต่ว่าทำไมเลขาจางถึงมาเสนอประเด็นนี้ในเวลาแบบนี้กันครับ จะยังไงลีกเทอมนี้ของพวกเราก็แข่งจบรอบแรกไปแล้วนะครับ”

“ตอนนี้จังหวะเวลาเสนอประเด็นไม่ค่อยดี ทุกคนอาจจะคิดว่าเป็นเพราะว่าทีมหวงเฉาของผมตกรอบไปแล้วก็เลยอยากจะเปลี่ยนกฎเพื่อสร้างโอกาสใหม่ให้ตัวเองอีกครั้ง แต่ถ้าจะว่าไปแล้วที่อยู่ ๆ ผมมาเสนอประเด็นนี้ในตอนนี้ก็เกี่ยวข้องกับการที่หวงเฉาตกรอบจริง ๆ” จางเฉิงห่าวกล่าว

“พอตกรอบก็เลยรู้ชัด เทอมนี้ผมกับหวงเฉาของผมจบแล้ว แต่ว่าพวกเราก็ยังมีเทอมหน้า ยังมีเทอมหน้า ๆ  แล้วก็เทอมหน้า ๆๆ…” จางเฉิงห่าวกล่าวถึงตรงนี้ก็หยุดลง สายตาหันไปมองรุ่นพี่ชมรมชั้นปีที่สี่คนหนึ่ง “รุ่นพี่โจว เทอมหน้าพี่กับทีม 615 ของพี่จะยังเข้าร่วมไหมครับ”

รุ่นพี่โจวที่ถูกถามตอนแรกก็อึ้งไป แต่จากนั้นก็ตอบกลับมาว่า “น่าจะไม่เข้าร่วมนะ เทอมหน้าทีมเรามีสองคนที่เตรียมจะไปฝึกงานที่บริษัทข้างนอก ตัวพี่เองก็อาจจะอยู่ในมหาวิทยาลัยนิดเดียวด้วยเหมือนกัน…”

“ก็นี่แหละ” โจวเฉิงห่าวทำเหมือนจะแนะนำรุ่นพี่โจวให้ทุกคนได้รู้จักแล้วก็กล่าวกับทุกคนต่อไปว่า “ถ้าพวกเราไม่ทำการเปลี่ยนแปลงในทันที งั้นการปรับเปลี่ยนนี้ก็คงจะต้องเริ่มในเทอมหน้า แต่ว่าในเทอมหน้า รุ่นพี่ที่เรียนปีสี่อย่างรุ่นพี่โจวก็อาจจะเป็นไปได้มากว่าไม่มีทางเข้าร่วมการแข่งขันของพวกเราได้เลย สำหรับพวกเขาแล้ว การเป็นตัวแทนของภาควิชาหรือห้องเรียนของตัวเอง โอกาสเดียวที่จะได้ต่อสู้เพื่อเกียรติยศของพวกพ้องเพื่อนนักศึกษาของตัวเองมีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น”

“ดังนั้นผมจึงคิดว่าถ้าพวกเรามีแผนที่จะทำการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ก็ควรจะเริ่มดำเนินการในเทอมนี้ทันทีเลยเถอะ อย่าปล่อยให้พวกรุ่นพี่รอบตัวพวกเราต้องพลาดโอกาสคราวนี้ไป” คราวนี้จางเฉิงห่าวไม่ได้มีน้ำเสียงปลุกเร้าเป็นพิเศษแต่แค่พูดอย่างราบเรียบตามความคิดเห็นของเขา

ห้องประชุมเงียบกริบลงอีกครั้ง

จางเฉิงห่าวอยากจะทำให้รุ่นพี่ปีสี่พวกนี้ไม่มีความเสียใจจริง ๆ หรือ ว่าตามตรงแล้วทุกคนก็คุ้นเคยกันมาก จากความเข้าใจที่พวกเขามีต่อจางเฉิงห่าว ไม่มีใครคิดว่าเขามีความอ่อนโยนอย่างนั้นอยู่เลย แต่ว่าข้อเสนอที่เขาพูดออกมานี้ ไม่ว่าจุดมุ่งหมายของเขาจะเป็นอย่างไร ข้ออ้างอันนี้ก็ทำให้คนปฏิเสธได้ยากมากจริง ๆ รุ่นพี่ปีสี่ต่างก็เป็นรุ่นพี่ในชมรม ให้ความรักความห่วงใยกับทุกคน ต่างก็รักในเกมนี้เหมือน ๆ กับทุกคน ถ้าอยากจะจัดการแข่งขันแบบนี้ขึ้นมาจริง ๆ จะทนใจร้ายปล่อยให้พวกเขาต้องยุ่งกับเทอมจบการศึกษาจนพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงกัน

ทุกคนไม่พูดไม่จา สุดท้ายสายตาทุกคู่ก็หันไปมองซูเก๋อ — นี่ก็คือผู้ที่เรียนอยู่ชั้นปีที่สองก็ได้ขึ้นมาเป็นประธานชมรมของพวกเขาแล้ว

“ข้อเสนอนี้ดีมาก” ซูเก๋อพยักหน้า จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน “เรื่องการแข่งขันแบบชมรมอื่น ๆ ผมก็เคยคิดมาเหมือนกัน แต่ว่าเฉิงห่าวยังรอบคอบกว่าผมอีก เขาคิดว่าเรื่องนี้ถ้าไม่รีบล่ะก็ รุ่นพี่ของพวกเราหลายคนคงไม่มีโอกาสแล้ว ดังนั้นผมจึงขอสนับสนุนข้อเสนอของเขา เรื่องนี้พวกเรามาร่วมมือกันดีไหมครับ”

“ฉันก็ไม่มีความเห็นต่างเหมือนกัน ถึงแม้ว่าแบบนั้นฉันจะต้องไปแก้งนายก็เถอะ” ไป๋เหวินอวี่ที่นั่งข้าง ๆ ซูเก๋อพูดด้วยรอยยิ้ม เขาเป็นเพื่อนร่วมทีมในทีมของซูเก๋อ แล้วในเวลาเดียวกันก็ยังเป็นรองประธานชมรม The Kings ด้วย แต่ในเรื่องภาควิชานั้น ซูเก๋ออยู่คณะบริหารภาควิชาการจัดการ ส่วนเขานั้นเป็นคณะสถาปัตยกรรม ภาควิชาสถาปัตยกรรม ถ้าอยากจะดำเนินการกิจกรรมนี้ขึ้นมาจริง ๆ ทั้งสองคนก็ไม่สามารถจะเป็นเพื่อนร่วมทีมกันต่อไปได้ แล้วตำแหน่งตัวป่าของไป๋เหวินอวี่นั้น สิ่งที่ต้องทำมากที่สุดในสนามตามปกติแล้วก็คือการเล็งเป้าไปตีแครี่ของซูเก๋อ

หลังจากซูเก๋อฟังเขาพูดแล้วก็ยิ้มออกมาทีหนึ่ง เมื่อเงยหน้ามองไปรอบ ๆ ก็เห็นหลาย ๆ คนในห้องประชุมมองหน้ากันเองอย่างเศร้าสร้อย ทั้งหมดต่างก็กำลังเผชิญกับสถานการณ์เดียวกันกับซูเก๋อและไป๋เหวินอวี่ : เพื่อนร่วมทีมดั้งเดิม เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นก็จะกลายเป็นศัตรู

“น่าสนใจ”

“ตอนนี้มาอ้อนวอนให้ฉันปล่อยม้า*ให้นายยังพอมีเวลานะ”

“ถึงเวลาที่นายจะได้รู้สึกถึงความกลัวของศพที่ถูกฉันเหยียบร่างไว้พวกนั้นสักที”

“ฉันสัญญาเลยว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะไม่ไปชี้ข้อผิดพลาดของนายอีกแล้ว ขอเชิญนายขยายข้อผิดพลาดพวกนี้ให้ใหญ่โตขึ้นให้มากเท่าที่จะทำได้เลยนะ!”

เพียงพริบตาเดียวทุกคนก็หันไปมองเพื่อนร่วมทีมในวันนี้ที่อาจจะกลายมาเป็นศัตรูในวันหน้าแล้วเริ่มพูดแซะกันฉันเพื่อน บรรยากาศในห้องประชุมคึกคักขึ้นมาทันที สำหรับการแข่งขันที่กำลังจะจัดขึ้นนี้เห็นได้ชัดว่าทุกคนไม่มีการขัดขืนเลย แน่นอนว่าสำหรับชมรมที่ตอนนี้มีขนาดและรากฐานที่ดีมากแล้ว ถ้าคิดที่จะทำให้คนที่ไม่เล่นเกมนี้เข้ามาสนใจมีส่วนร่วมมากขึ้นก็จำเป็นที่จะต้องมีกิจกรรมแบบนี้จริง ๆ

“ดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่มีความเห็นแย้งอะไรนะครับ งั้นพวกเราก็ต้องค่อย ๆ มาปรึกษากันแล้วกันว่าจะดำเนินการยังไง” หลังจากซูเก๋อรอให้ทุกคนฮาเฮกันสักพักแล้วก็พูดขึ้นมายิ้ม ๆ

“ปัญหาทางด้านมหาวิทยาลัยน่าจะไม่ใหญ่มากนะ”

“เรื่องแต่ละภาควิชาว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ ตัวเลือกนี้ฉันว่าเขาคงปล่อยให้ทางภาควิชาจัดการเอง”

“เฮ้ย ไม่ร่วมเหรอ งั้นฉันต้องไปคุกเข่าขอร้องที่หน้าประตูห้องทำงานของคณบดีของเราแล้ว ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่สามารถทำให้เขาใจอ่อนได้!” มีคนร้องขึ้นมาทันที

“ตอนนี้ยังมีปัญหาอีกเรื่องหนึ่งคือ ลีกเทอมนี้ที่เริ่มแข่งไปแล้วจะเอายังไง”

………………………………………………………

*ไม่แน่ใจว่าหมายถึงอะไร แต่ให้เดาน่าจะหมายถึง มาร์โคโปโลค่ะ ชื่อจีน 马可波罗 ตัวแรกอ่านว่า หม่า แปลว่าม้า