ตอนที่ 592 กำเนิดแปดขา โดย Ink Stone_Fantasy
หลายวันต่อมา หลิ่วหมิงได้รับข่าวว่าศิษย์ที่ได้อันดับต้นๆ ในงานประลองใหญ่ ถูกยอดเขาต่างๆ รับเป็นศิษย์สายในอยู่ไม่หยุด
เจ้าอั้นอิน หญิงที่มีแผลเป็นบนใบหน้า ถูกผู้อาวุโสยอดเขาบงกชเลิศล้ำรับเป็นศิษย์ในคืนวันนั้น
โหวคุน ชายหนุ่มชุดขาวก็ถูกผู้อาวุโสคนหนึ่งของยอดเขารอยเมฆารับเป็นศิษย์ในเช้าตรู่วันที่สอง เพื่อฝึกฝนสายยันต์โดยตรง
และชายหนุ่มกระบี่ทองแดงถึงกับมียอดเขาสามแห่งส่งคนมาเชิญพร้อมกัน หลังจากคนผู้นี้ลังเลเล็กน้อยแล้ว ก็เข้าร่วมกับยอดเขากระบี่สวรรค์ของชายที่มีหนวดเครา
นอกจากนี้ แม้แต่ศิษย์ร้อยอันดับแรกที่แสดงฝีมือได้อย่างโดดเด่น ก็เข้าไปเป็นศิษย์สายในจำนวนหนึ่ง โจวเทียนรุ่ยจากสาขาห่านฟ้าก็เป็นหนึ่งในนั้น
สำหรับข่าวทั้งหมดนี้ หลิ่วหมิงกลับมีท่าทีสงบเป็นอย่างมาก ทุกๆ วันเขาเพียงแค่ทานโอสถและนั่งฝึกฝนอยู่เงียบๆ
พริบตาเดียว ก็ห่างจากงานประลองมาสามวันแล้ว
วันนี้ ขณะที่หลิ่วหมิงกำลังนั่งเข้าฌานอยู่ในถ้ำที่พักนั้น พลันมีแสงหลบหลีกนอกถ้ำ ทันใดนั้นชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าปีที่มีรูปร่างกำยำก็ปรากฏออกมา
ชายผู้นี้ไว้ผมสั้น สวมชุดทะมัดทะแมง พอปรากฏตัวก็มีกลิ่นไออันแข็งแกร่งพวยพุ่งออกมา
หลิ่วหมิงที่ฝึกฝนอยู่ในห้องลับสะดุ้งโหยงในทันที พอเขาก็ลุกขึ้นมา ก็น้ำเสียงทุ้มลึกดังมาจากนอกประตูใหญ่
“หลิ่วหมิง เจ้าอยู่ในถ้ำหรือไม่ รีบให้ข้าเข้าไปโดยเร็ว”
หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ก็ไม่กล้าชักช้าแต่อย่างใด เขารีบเดินออกจากห้องลับด้วยความตกใจระคนดีใจ และมุ่งไปยังประตูใหญ่
หลังจากเขาปล่อยพลังออกไป ประตูถ้ำก็ค่อยๆ เปิดออกมา
“ศิษย์ไม่ทราบมาก่อนว่าผู้อาวุโสจะมาเยี่ยมเยียน จึงไม่ได้ออกมารับ โปรดให้อภัยด้วย” หลิ่วหมิงประสานมือคารวะทันที และกล่าวกับชายรูปร่างกำยำด้วยความเคารพ
“ศิษย์หลานหลิ่ว เจ้าก็ไม่ต้องมากพิธี ข้าจางเม่าจากยอดเขาทองคำ แม้ว่าจะไม่ได้มาดูการประลองใหญ่ของสาขาทั้งแปดด้วยตนเอง แต่ก็ได้ยินเรื่องราวของเจ้ามาไม่น้อย ที่มาในครั้งนี้ก็เพื่ออยากจะยืนยันว่าคุณสมบัติของเจ้าเหมาะสมกับวิชาฝึกร่างของยอดเขาเราหรือไม่” ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยสีหน้าสงบ
จากนั้นก็คว้าข้อมือหลิ่วหมิงโดยไม่รอให้เขาพูดอะไรออกมา ทันใดนั้นกระแสความร้อนก็ทะลักออกจากมือของชายผู้นี้ และจมหายไปในร่างของหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงรู้สึกตกใจมาก แต่ก็รับรู้ได้ถึงไอร้อนที่แผ่ไปทั่วชีพจรและเส้นลมปราณ เขารู้ดีว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังทดสอบพลังอยู่ เขาจึงตรึงพลังเวทในร่างไว้ และรอคอยอย่างเงียบๆ
ครู่ต่อมา หลังจากไอร้อนแผ่ไปทั่วร่างของหลิ่วหมิงแล้ว มันก็พุ่งออกจากข้อมืออีกครั้ง และกลับเข้าไปในมือของชายวัยกลางคน
ชายวัยกลางคนส่ายศีรษะ และเผยสีหน้าผิดหวังออกมา
“อืม…… มีสามชีพจรจิตวิญญาณจริงๆ ด้วย แม้ตอนนี้เจ้าจะมีกายเนื้อแข็งแกร่ง แต่กลับไม่มีพรสวรรค์กับคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฝึกร่างเลย ช่างน่าเสียดายจริงๆ ……ใช่สิ! ข้ามีบันทึกประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการฝึกร่างอยู่ ซึ่งเป็นความรู้ที่ข้าได้มาจากการฝึกฝนในระดับของเหลว วันนี้ได้เจอกับเจ้าก็นับว่ามีวาสนาต่อกัน ข้าขอมอบบันทึกประสบการณ์นี้ให้ หวังว่าเจ้าจะได้อะไรจากในนี้”
พอกล่าวจบ ชายวัยกลางคนก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้น จากนั้นแสงแวววาวลำหนึ่งก็พุ่งออกมา และหล่นลงบนมือหลิ่วหมิง มันคือแผ่นหยกสีเหลืองจางๆ แผ่นหนึ่ง
“ขอบคุณอาจารย์อาจางที่เมตตา” แม้หลิ่วหมิงจะเตรียมใจไว้แต่แรกแล้ว แต่พอได้ยินเช่นนี้ ก็ยังรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก จึงได้แต่ตอบด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
ชายวัยกลางคนพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อกลายเป็นแสงสีทองพุ่งจากไป
ผู้อาวุโสยอดเขาสองสามแห่งที่รู้สึกใจเต้นกับหลิ่วหมิงในตอนแรก หลังจากได้ยินจากปากจางเม่าว่าหลิ่วหมิงมีสามชีพจรจิตวิญญาณจริงๆ ทั้งยังไม่มีร่างจิตวิญญาณอื่นๆ พวกเขาก็พินิจพิเคราะห์กันอยู่รอบหนึ่ง จากนั้นก็ละความคิดที่จะรับหลิ่วหมิงเข้ายอดเขาไป
สิบกว่าวันต่อมา ข่าวที่หลิ่วหมิงได้อันดับหนึ่งในงานประลองใหญ่ แต่กลับไม่ถูกรับเป็นศิษย์สายในก็แพร่กระจายไปทั่วสาขาทั้งแปดอีกครั้ง ผู้คนพากันพูดเกรียวกราวและคาดเดาไปต่างๆ นานาอยู่ไม่หยุด
หลิ่วหมิงกลับมีทีท่าสงบต่อเรื่องนี้มาก
เพราะว่าในนิกายยอดบริสุทธิ์ ยังมีศิษย์ระดับของเหลวอีกมาก ที่แม้แต่หกชีพจรจิตวิญญาณ เก้าชีพจรจิตวิญญาณ ก็ไม่อาจทะลวงคอขวดระดับผลึกได้ หรือไม่ก็เข้าสู่ระดับผลึกได้อย่างยากลำบากแล้ว ก็ยังคงติดอยู่ที่ระดับผลึกขั้นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่พบเจอได้บ่อยมาก
แม้แต่ศิษย์ชีพจรจิตวิญญาณพสุธา ชีพจรจิตวิญญาณสวรรค์เหล่านั้น ก็มีคนที่ติดอยู่ระดับผลึกเช่นกัน
วันนี้ ขณะที่หลิ่วหมิงนั่งขัดสมาธิฝึกฝนอยู่ในถ้ำนั้น กลับมีเสียงหายใจเบาๆ ดังมาจากแหวนย่อส่วนในมือ
หลิ่วหมิงเลิกคิ้ว และปล่อยพลังจิตเข้าไปสำรวจแหวนย่อส่วนทันที
มุมหนึ่งภายในแหวนย่อส่วน ภายในน้ำเต้าที่มีลวดลายสีม่วงจางๆ ปกคลุมอยู่ ปลาหมึกแปดขาที่มีขนาดชุ่นกว่าๆ กำลังอ้าปากดูดกลืนอยู่ไม่หยุด หินจิตวิญญาณที่วางอยู่อีกด้านค่อยๆ ปล่อยไอจิตวิญญาณออกมา และม้วนเข้าไปในปากของมัน
ในที่สุดไข่ปีศาจสมุทรแปดขาที่เขานำมาจากแผ่นดินอวิ๋นชวน ก็ฟักออกมาแล้ว
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกตกตะลึงมาก
ช่วงนี้เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับงานประลองใหญ่ จนเกือบลืมไข่อสูรใบนี้ไปแล้ว
เขาสะบัดข้อมือในทันที น้ำเต้ากับหมึกแปดขาตัวน้อยพุ่งออกจากแหวนย่อส่วน และหล่นลงบนมือซ้ายขวาของเขา
หลิ่วหมิงสังเกตดูอย่างละเอียดทันที เขาค้นพบว่าอสูรสมุทรแปดขานี้ มีดวงตาขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลืองสี่ข้าง ขาสัมผัสทั้งแปดมีรูอากาศอยู่เต็มไปหมด มีของเหลวเหนียวๆ ซึมออกมาตลอดเวลา บนตัวยังมีลวดลายจิตวิญญาณสีชมพูจางๆ ปรากฏอยู่ลางๆ
หลิ่วหมิงเอามือข้างหนึ่งแตะลงบนตัว และร่ายคาถาคลุมเครือออกมา เพื่อลองเชื่อมจิตกับมันดู
แต่ทว่าครู่ต่อมา เขาก็รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก
คิดว่าหมึกน้อยแปดขาตัวนี้คงจะอยู่ในไข่นานเกินไป จึงไม่มีสติปัญญาเลยแม้แต่น้อย ซึ่งสูญเสียพลังสติปัญญาโดยสิ้นเชิง ตอนนี้เหลือเพียงสัญชาตญาณระดับต่ำสุดเท่านั้น
โชคดีที่อสูรน้อยตัวนี้ยังรู้จักดูดซับปราณฟ้าดินจากหินจิตวิญญาณ มิฉะนั้นแม้กระทั่งการอยู่รอดก็คงจะเป็นปัญหา
เมื่อหลิ่วหมิงเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้ ย่อมรู้สึกอับจนหนทางเช่นกัน
หลังจากคิดไตร่ตรองไปหนึ่งรอบแล้ว ก็ได้แต่นำอสูรน้อยเข้าไปไว้ในถุงอสูรจิตวิญญาณอีกใบ จากนั้นก็โยนหินจิตวิญญาณระดับกลางสองสามก้อนเข้าไป และนำถุงอสูรจิตวิญญาณใส่เข้าไปในแหวนย่อส่วนโดยไม่สนใจอีก
และโลหิตบริสุทธิ์ตะพาบน้ำจิตวิญญาณหมื่นปีที่เหลืออยู่ในน้ำเต้า ก็กลายเป็นน้ำบริสุทธิ์ไปนานแล้ว
หลิ่วหมิงก็ได้แต่เทน้ำออกมา และเก็บน้ำเต้าเข้าไป
……
เจ็ดวันต่อมา ก็มีชายระดับผลึกผู้หนึ่งมาเปิดประตูถ้ำของหลิ่วหมิง
“ศิษย์น้องหลิ่ว ข้าเป็นผู้ดำเนินการของหอคุมกฎ วันนี้มามอบรางวัลของอันดับหนึ่งในงานประลองใหญ่ให้กับท่าน นอกจากนี้คัมภีร์ทั้งหมดในหอเก็บคัมภีร์ภายในนิกาย ไม่ว่าจะต้องใช้แต้มคุณูปการจำนวนเท่าใด เจ้าก็สามารถใช้ตราหยกนี้เปิดชั้นจำกัดศึกษาได้หนึ่งเล่ม แน่นอนว่าในหอเก็บคัมภีร์ไม่มีเคล็ดวิชาลับของแต่ละยอดเขา ต้องเข้าร่วมยอดเขาต่างๆ แล้วถึงจะสามารถใช้แต้มคุณูปการแลกจากหอเก็บคัมภีร์ของแต่ละยอดเขาได้” ผู้ดำเนินการผู้นี้กล่าวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ยื่นยันต์เก็บของกับตราหยกที่เปล่งแสงสีเขียวสลัวๆ ให้กับหลิ่วหมิง
“ลำบากศิษย์พี่แล้วที่ต้องมาด้วยตัวเองเช่นนี้” หลังจากหลิ่วหมิงรับยันต์เก็บของกับตราหยกมาแล้ว ก็กล่าวด้วยความเกรงใจ
ด้วยระดับการฝึกฝนของเขาในตอนนี้ ยังไม่อาจฝึกฝนเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬขั้นที่สามด้านได้ ในเคล็ดกระบี่ปราณแกร่งก็ไม่มีพลังพิเศษใดๆ ที่น่าฝึกฝนอีก หากตอนนี้สามารถหาเคล็ดวิชาของนิกายที่เหมาะสมกับตนเองได้ ย่อมเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างมาก
“ในเมื่อศิษย์น้องไม่มีข้อสงสัยอะไรแล้ว ข้าต้องขอตัวก่อน” ศิษย์ดำเนินการประสานมือคารวะหลิ่วหมิง จากนั้นก็เหยียบเมฆขาวพุ่งขึ้นฟ้า
หลังจากมองตามหลังจนฝ่ายตรงข้ามหายไปแล้ว หลิ่วหมิงก็รีบกลับเข้าถ้ำทันที หลังจากทำท่ามือ แสงสีขาวก็เปล่งประกาย จากนั้นสิ่งของที่อยู่ในยันต์เก็บของก็ปรากฏออกมาบนโต๊ะหิน
มันคือหินจิตวิญญาณหนึ่งถุง ป้ายหยกสีทองหนึ่งอัน และขวดหยกสีดำหนึ่งขวด
หลิ่วหมิงเอานิ้วไปคีบป้ายหยกสีทองขึ้นมา หลังจากครุ่นคิดอย่างรวดเร็วแล้ว ก็เอาป้ายประจำตัวบนเอวมาสัมผัสกันเบาๆ
แสงสีทองเปล่งประกายบนป้ายหยกสีทอง จากนั้นก็แตกสลายกลายเป็นผุยผง
ในขณะเดียวกัน บนป้ายประจำตัวก็มีแต้มคุณูปการเพิ่มขึ้นมาสามหมื่นแต้ม
หลังจากหลิ่วหมิงเก็บป้ายเข้าไปแล้ว ก็หยิบขวดหยกสีดำขึ้นมาเปิดจุก ทันใดนั้นกลิ่นหอมอันเข้มข้นของไม้จันทน์ก็โชยออกมา
ภายใต้การกวาดจิตดูของเขา ทำให้ค้นพบว่ามีโอสถสีดำที่มีเส้นสีเงินเล็กๆ ปกคลุมอยู่เต็มพื้นผิว ถูกวางนิ่งๆ อยู่ตรงก้นขวด นี่ก็คือโอสถ “อูหมาง” ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทะลวงคอขวดระดับผลึกนั่นเอง
โอสถนี้ แม้แต่ในนิกายยอดบริสุทธิ์เองก็มีน้อยมาก โดยปกติถ้าจะใช้แต้มคุณูปการแลกล่ะก็ หากมีไม่ถึงสองแสนแต้มก็อย่าได้คิดถึงมันเลย ทั้งยังต้องจ่ายหินจิตวิญญาณเป็นจำนวนมากอีกด้วย
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โอสถนี้ก็มีไม่พอต่อความต้องการของผู้คน พอผู้เชี่ยวชาญในนิกายปรุงออกมาได้สองสามเม็ด วันที่สองก็ถูกแย่งไปจนหมด
เพราะโอสถที่สามารถเพิ่มโอกาสในการทะลวงคอขวดระดับผลึกได้สำเร็จนั้น มีอยู่น้อยจริงๆ
หลังจากหลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองไปหนึ่งรอบแล้ว ก็ปิดฝาจุกอีกครั้ง และมันเก็บเข้าไปในแหวนย่อส่วนพร้อมกับหินจิตวิญญาณอย่างระมัดระวัง
ต่อมา เขาก็ขี่เมฆไปยังหอเก็บคัมภีร์ในนิกายอย่างไม่ลังเล
ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป ภายในหุบแห่งหนึ่งที่อยู่ทางด้านตะวันออกของหอคุมกฎไปไม่ไกล ตรงหน้าหอขนาดใหญ่ที่มีชั้นจำกัดเร้นลับซ่อนอยู่จำนวนมาก และมีค่ายกลห้อมล้อมเป็นชั้นๆ พอมีเมฆดำก้อนหนึ่งเหาะมาถึง ร่างของหลิ่วหมิงก็ปรากฏออกมา
หลังจากหลิ่วหมิงมองดูแผ่นป้ายของหอ และมั่นใจว่ามันคือหอเก็บคัมภีร์ของนิกายที่มีชื่อว่า ‘หอหมื่นวิชา’ แล้ว เขาก็ก้าวยาวๆ เข้าไปภายใต้สายตาจ้องของนักรบชุดเกราะสองคน
พอเข้าไปในหอ เขาก็ไปหาชายหนุ่มที่สวมชุดศิษย์ดำเนินการ หลังจากสอบถามเล็กน้อยแล้ว ก็พอเข้าใจสถานที่แห่งนี้คร่าวๆ
หอหมื่นวิชามีทั้งหมดสี่ชั้น ชั้นแรกเป็นห้องโถงใหญ่ซึ่งไม่มีคัมภีร์ใดๆ เป็นแค่สถานที่ให้ศิษย์จำนวนหนึ่งทำการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันเท่านั้น
ชั้นสองเป็นพวกคัมภีร์เบ็ดเตล็ด ชั้นสามกับชั้นสี่จะมีวิชาที่แท้จริงของนิกายจัดวางอยู่ ชั้นสามเป็นเคล็ดวิชาจำนวนหนึ่งที่ใช้บ่อย ชั้นสี่เป็นวิชาที่มีเงื่อนไขโหดร้ายและไม่ค่อยเป็นที่นิยม
ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป หลิ่วหมิงก็มาปรากฏตัวบนชั้นสองของหอเก็บคัมภีร์
………………………………