ในที่สุดเฉินกั๋วเหลียงก็เอ่ยปากขึ้น “พอได้แล้ว แค่นี้ยังขายหน้าไม่พออีกหรือ ?”

เฉินตงเยว่และเฉินฉงซานสองคนรีบก้มหน้าลง แม้เฉินกั๋วเหลียงจะแก่แล้ว แต่เขาก็ยังคงเป็นผู้ควบคุมตระกูลเฉิน ไม่มีใครกล้าล่วงเกินความน่าเกรงขามของเขา

ถึงขนาดว่าเหล่าทายาทรุ่นหลังเมื่อเห็นผู้นำตระกูลโมโหต่างก็รีบเงียบเสียงลงด้วยความหวาดกลัว

สายตาของเฉินกั๋วเหลียงกวาดมองโดยรอบ จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ตงซุ่น คนต่อไป !”

“ครับ !”

เฉินตงซุ่นตะโกนรียกคนต่อไป “คนต่อไป เฉินฉิ”

อีกสามคนหลัง กำไรตลอดหนึ่งปีล้วนอยู่ระหว่างสิบล้านถึงยี่สิบล้าน ใกล้เคียงกับเฉินหลิน เสมือนเป็นบุคคลทั่ว ๆ ไป

ทั้งสามคนเดินขึ้นไปตามลำดับ จนกระทั่งถึงเฉินโม่ ผู้ซึ่งทุกคนเฝ้าคอย

และฉินโม่นั้น ยังดูเหมือนว่าถูกจงใจจัดลำดับให้อยู่ในลำดับสุดท้ายด้วย

เฉินตงซุ่น ใบหน้าไร้อารมณ์ ในที่สุดชื่อที่ทุกคนต่างรอคอยก็ถูกเรียกออกมา “คนสุดท้าย เฉินโม่ !”

ทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปยังเฉินโม่เป็นจุดเดียว

แต่ว่า ในสายตาของคนส่วนใหญ่กลับเต็มไปด้วยความดีใจจากความโชคร้ายของเขา

เฉินควางใบหน้าประดับไว้ด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย เขาคิดในใจว่า “เฉินโม่ ไอ้ขยะ ฉันจะดูว่านายจะขายหน้าต่อหน้าทุกคนแค่ไหน !”

เฉินธงมองเฉินโม่ โดยที่ใบหน้าไม่แสดงอาการใด ๆ แต่กลับเกร็งข้อนิ้วมือ เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของเขา “เฉินโม่ แม้ว่านายกับฉันจะมีสายเลือดเดียวกัน แต่นายมันจองหองเกินไป หากปล่อยให้นายอยู่ในตระกูลเฉินต่อไปก็มีแต่จะสร้างหายนะ เพียงแค่นายสละสิทธิ์การทดสอบในครั้งนี้ ฉันก็จะบีบให้คุณปู่ไล่นายออกจากตระกูลได้ ฉันไม่มีทางยอมให้ตระกูลเฉินมีส่วนที่ไม่ดีอย่างนายอยู่ !”

เฉินจิงเย่เองก็มองไปยังเฉินโม่ด้วยความเป็นห่วง เกือบจะลุกขึ้นจากเก้าอี้

แม้แต่เฉินกั๋วเหลียงยังมองไปที่เฉินโม่ โม่ ดวงตาที่ขุ่นมัวจู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นสดใส “เสี่ยวเฉิน ฉันตั้งใจใส่รายชื่อนายไว้อันดับสุดท้าย เพราะหวังว่านายจะไม่ได้รับการสนใจจากคนอื่นมากเกินไป แต่คิดไม่ถึงว่ากลับได้ผลตรงกันข้าม !”

เฉินเข่อเอ๋อร์กระซิบเรียก “พี่เฉินโม่ ถึงเวลาของพี่แล้ว !”

ในที่สุดเฉินโม่ก็ลืมตาขึ้น ประกายแสงเย็นวาบขึ้น ลุกขึ้นยืน เดินขึ้นไปบนเวทีอย่างเชื่องช้า

เมื่อเห็นว่าในมือของเฉินโม่ว่างเปล่า เฉินเหล่ยก็ยิ้มเยาะ “ไอ้เด็กนี่ แม้แต่หลักฐานทรัพย์สินก็ไม่ได้นำมา เขามาเพื่อสละสิทธิ์จริง ๆ ด้วย !”

คนในตระกูลเฉินที่เหลือย่อมสังเกตเห็นว่าในมือทั้งสองข้างของเฉินโม่นั้นว่างเปล่า

เฉินกั๋วเหลียงอดไม่ได้ที่จะสบถในใจ “ฮึ ดูท่าคงเลือกสละสิทธิ์สินะ หรือว่าฉันจะดูคนผิดงั้นหรือ ?”

เฉินจิงเย่หลับตาทั้งสองข้างลง พลางคิดในใจว่า “สละสิทธิ์ก็ดี อย่างน้อยความอัปยศก็ยังน้อย”

ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเฉินโม่จะสละสิทธิ์ ทันใดนั้นสายตาของเฉินโม่ก็เงยขึ้น มองไปยังมุมห้องที่ไม่มีใครสนใจ

ที่ตรงนั้น มีหญิงสาวสวมชุดสีขาวกำลังนั่งก้มหน้าอยู่อย่างเงียบเชียบ ราวกับเป็นผีก็มิปาน

“หลินเสวี่ย เธอช่วยประเมินให้พวกเขาหน่อย !”

หลินเสวี่ยยืนขึ้นและตอบรับอย่างสุภาพ “ค่ะ นายท่าน !”

คำว่านายท่าน ทำให้ทั่วทั้งห้องประชุมเกิดความตื่นตระหนก

ขณะที่หลินสวี่ยนำกระเป๋าเอกสารขนาดใหญ่มามอบให้กับผู้รับผิดชอบทั้งสองคนนั้น คนส่วนใหญ่เพิ่งจะได้สติกลับมา

“ฉันไม่ได้ฟังผิดไปหรือเปล่า หญิงงามคนนั้นเรียกไอ้ขยะว่านายท่าน !”

“เด็กนี่ โชคดีเหลือเกิน !” ชายหนุ่มคนหนึ่งยิ้มเยาะ มองรูปร่างบาดตาบาดใจของหลินเสวี่ยด้วยสายตาเร่าร้อน

เฉินตงหวาขมวดคิ้ว หันไปถามเฉินจิงเย่ว่า “พี่จิงเย่ เฉินโม่ของพี่น้ำนิ่งไหลลึกจริง ๆ ! ถึงขนาดซ่อนสาวงามขาดนี้ไว้เป็นคนรับใช้ !”

เฉินจิงเย่ไม่ตอบ เขายังสงสัยว่าหลินเสวี่ยจู่ ๆ ปรากฏตัวขึ้นได้ยังไง ไม่รู้ว่าผู้หญิงลึกลับคนนี้ปรากฏตัวขึ้นเมื่อไหร่กัน

เฉินกั๋วเหลียงเองก็รู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ มองไปยังเฉินโม่ ด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ