บทที่ 2013 – ค้นพบถ้ำ อสูรปราณจิต
หญิงสาวทั้งสองคนไม่รู้ว่าควรอธิบายตัวตนของชิงสุ่ยว่าอย่างไร ที่เธอรู้คือชายคนนี้เป็นทั้งหมอ เป็นทั้งนักปรุงยา และเป็นทั้งยอดยุทธผู้ทรงพลัง พวกเธอตั้งแต่สงสัยว่าชายคนนี้ยังเก่งกาจด้านไหนบ้าง
“พวกท่านสองคนอย่ามองข้างแบบนี้ ข้าแต่งงานแล้วนะ”ชิงสุ่ยกล่าวและเอามือค่อยๆโอบไหล่ตัวเอง
“ชิ”หญิงสาวทั้งสองคนเมินหน้าหนี
“ชิงสุ่ย เดี๋ยวข้าจะไปทำอาหาร”อวี้ซี่หยวนยิ้มกว้างและกล่าวขณะตั้งค่ายพักผ่อน
ชิงสุ่ยสายหน้า “ไม่จำเป็น ข้าเตรียมอาหารไว้แล้ว คืนนี้เรามากินอาหารดีๆกันดีกว่า”
ทันทีที่กล่าวจบ ชิงสุ่ยก็ดึงโต๊ะ เก้าอี้ กระทะและหม้อ อุปกรณ์ทุกอย่างออกมาจากดินแดนต่างมิติ ซึ่งรวมไปถึงซุปปลาสรรพสิ่งและซุปเต่าสรรพสิ่ง ที่อร่อยและสดใหม่
รสชาติของพวกมันทำให้สาวๆทั้งสองคนถึงกับต้องร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ แต่อวี้ซี่หยวนก็ไม่ประหลาดใจมากเนื่องจากเธอเองก็รู้อยู่แล้วว่าเขาทำอาหารเก่งกาจเพียงใด ส่วนเป่ยหมิงเสวี่ยก็เป็นส่วนสำคัญของหลวนหลวน ชิงสุ่ยจึงอยากต้อนรับเธอให้ดีที่สุด
ทั้ง 3 คนนั่งรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน แต่ละคนได้แต่เงียบและกินอาหารด้วยความเร็ว ก่อนที่ทุกคนจะหยุดกินอาหารหลังจากอิ่มท้อง บนโต๊ะยังคงเต็มไปด้วยอาหารอีกมากมายแต่น่าเสียดายที่ท้องของพวกเธอไม่สามารถรับอาหารได้อีกต่อไป
“นี่มันอร่อยมากเลย!! ชิงสุ่ย!! ขอบคุณสําหรับมื้ออาหารตอนนี้ของข้าอิ่มมาก!!”เป่ยหมิงเสวี่ยจ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาและสีหน้าเหลือเชื่อ
“ข้ามีความสุขเหลือเกินที่ได้กินอาหารแบบนี้ ในอนาคต ข้ากลัวว่าข้าจะไม่ได้กินอาหารรสเลิศแบบนี้อีก”เป่ยหมิงเสวี่ยแสดงสีหน้าขมขื่น
ชิงสุ่ยพยายามหลีกเลี่ยงไม่กล้าสบตาเธอตรง
ทางด้านของอวี้ซี่หยวนก็ได้แต่ยิ้มและไม่พูดอะไร
เป่ยหมิงเสวี่ยจึงหันไปทางอวี้ซี่หยวนและกล่าวว่า “สหายหยวน สีหน้าของท่านดูไม่แปลกใจเลย นั่นก็หมายความว่า ท่านคงจะได้กินอาหารรสเลิศแบบนี้อีกในอนาคตสินะ?”
“ฮ่าฮ่า ข้าสามารถทำอาหารที่เขาจัดเตรียมเอาไว้ในวันนี้ได้ พี่ใหญ่สุ่ยมอบส่วนผสมจำนวนมากมายให้กับข้า จึงทำให้ข้าพอจะทำอาหารที่มีรสชาติดีเยี่ยมแบบที่เขาทำได้”อวี้ซี่หยวนหัวเราะเล็กน้อย
ชิงสุ่ยถึงกับพูดไม่ออก ใครจะคิดว่าหญิงสาวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แพรวพราว จะยกย่องเขาเป็นถึงพี่ใหญ่ สำหรับผู้อื่นเธอมักจะแสดงความเย็นชาอันแสนภาคภูมิใจออกมา แต่เมื่ออยู่กับชิงสุ่ย กลิ่นอายของเธอเต็มไปด้วยเสน่ห์และความยั่วยวน
เป่ยหมิงเสวี่ยที่ได้ยินดังนั้น เธอถึงกับหันไปมองชิงสุ่ยโดยพลัน “ท่านไม่ลำเอียงไปหน่อยหรือ ข้าตอนนี้ก็เป็นเพื่อนของท่านแล้ว”
ชิงสุ่ยยิ้มอย่างมีเลศนัย “แต่เธอเป็นผู้หญิงใกล้ชิดของข้า”
“เห้ย เห้ย เห้ย! ท่านอย่าพูดไร้สาระสิ ข้ามิใช่สักหน่อย!!”อวี้ซีหยวนหน้าแดงก่ำ
ถ้าหากเธอยังคงเงียบ เป่ยหมิงเสวี่ยก็คงจะเชื่อว่าทั้งสองคนคงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน
“ข้าหมายถึงว่า พวกเราเข้าร่วมกองกำลังเดียวกันจึงมีความสนิทชิดเชื้อกัน ท่านคิดเรื่องอะไรกันแน่?”
อวี้ซี่หยวนรู้ตัวนะว่าเธอถูกหลอก เธอจึงบ่นพึมพำอยู่ 2-3 คำ “ท่านนี่มัน….”
เป่ยหมิงเสวี่ยจ้องมองชิงสุ่ย จนกระทั่งชิงสุ่ยเผยรอยยิ้ม “ก็ได้ ไว้พวกเราออกจากที่นี่ ข้าจะมอบส่วนผสมบางอย่างให้กับท่านตอนนี้เก็บเงินไว้กับข้าก่อนแล้วกัน”
เมื่อได้ยินคำตอบดังกล่าว เป่ยหมิงเสวี่ยก็ยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ
ในชาติก่อนอาหารก็คือสวรรค์ของผู้ลิ้มรส ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่สามารถหลีกหนีจากอาหารได้ สำหรับยอดยุทธที่แข็งแกร่ง อาหารอาจจะไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่จำเป็นต้องกินทุกมื้อ แต่มันก็ทำให้พวกเขาได้รับความพึงพอใจจากการลิ้มรสมัน นั่นจึงกลายเป็นเหตุผลบางอย่างที่อาจทำให้กลุ่มจอมยุทธบางคนแสวงหาวัตถุดิบสำคัญเพื่อทำอาหาร
เวลา 3 วันผ่านไปโดยไม่รู้ตัว
ตลอดช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาทุกคนต่างรวมตัวกันออกตามล่าสมบัติอย่างเป็นแบบแผน และการออกล่าสมบัติก็มีคนบางคนได้รับบาดเจ็บ แต่ก็เป็นคนเดียวกับที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดในการล่าสมบัติครั้งนี้ เขาสามารถทำให้สัตว์อสูรปราณจิตเชื่องและเชื่อฟังคำสั่งได้ อสูรเหมันต์เพลิงม่วง
อสูรปราณจิตคือสัตว์อสูรที่มีคุณสมบัติในการใช้ทั้งไฟและน้ำแข็ง หรือยังมีความแข็งแกร่งถึงขั้นระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าความสามารถโดยรวมจะระบุไม่ได้แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็แข็งแกร่งกว่ายอดยุทธระดับดินแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7
ซึ่งคนที่ได้รับอสูรเหมันต์เพลิงม่วง ก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลเขาก็คือซือเฉิงเทียนหลงจากตระกูลซือเฉิง
เหตุผลที่ทำให้ชายวัยกลางคนผู้ซึ่งกำลังจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลซือเฉิงคนต่อไปสามารถทำให้สัตว์อสูรตัวนี้เชื่องตามคำสั่งได้ก็เพราะ เขาครอบครองเครื่องรางสะกดอสูรอยู่ในมือ นั่นจึงทำให้การเดินทางมาครั้งนี้ของเขาได้รับผลกำไรคุ้มค่ามากที่สุด
อสูรเหมันต์เพลิงม่วงมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งและมีความเร็วเหนือชั้น มันถึงทำให้ตัวของมันเองอยู่เหนือเหล่าสัตว์อสูรระดับทั่วไปทั้งหมด นอกเหนือจากคุณสมบัติที่สามารถปลดปล่อยทั้งเปลวเพลิงและแข็งได้ เมื่อผสานรวมกับทักษะการต่อสู้ของซือเฉิงเทียนหลง มันยิ่งทำให้ต่อให้เป็นยอดยุทธดินแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7 ระดับปลายก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา
อสูรเหมันต์เพลิงม่วงมีความยาว 30 เมตรและมีความสูงถึง 7 เมตร ตัวของมันเป็นสีขาวหมด มีเพียงแค่อุ้มเท้าทั้ง 4 ข้างเท่านั้นที่เป็นสีม่วง หัวของมันคล้ายกับมังกรและมีเขายาวงอกออกมา หางของมันคล้ายกับงูแต่มีความหนากว่ามาก ที่สำคัญทางของมันยาวถึงเกือบ 100 เมตร
เป่ยหมิงเสวี่ยและอวี้ซีหยวนได้แต่ชื่นชมความงามของเจ้าอสูรเหมันต์เพลิงม่วง เพราะไม่ว่าจะอะไรก็ตาม สัตว์อสูรปราณจิตไม่ใช่สัตว์อสูรที่จะทำให้เชื่องได้อย่างง่ายๆ บุคคลที่จะพยายามเป็นเจ้าของมันจะต้องมีสายสัมพันธ์หรือมีพลังเชื่อมต่ออะไรบางอย่างที่ผิดแปลก
ตลอด 2-3 วันนี้ ชิงสุ่ยและเหล่าสาวๆค้นพบแต่สมุนไพร กับแร่ธาตุอยู่เพียงแค่เล็กน้อย ถึงแม้จะลงมือสังหารอสูรไปบางตัว แต่พวกเขาก็ไม่ได้รับอะไรที่พิเศษเลย
“ดูนั่นสิ ข้างหน้าของพวกเรามีถ้ำ”เป่ยหมิงเสวี่ยชี้ออกไปข้างหน้า
รอบบริเวณแห่งนี้มีถ้ำอยู่เพียงแค่หยิบมือ และส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงแค่ถุงไม่ใช่ถ้ำ ฉะนั้นถ้าหากจะพูดให้รัดกุม ที่นี่คงเป็นถ้ำแรกที่พวกเขาพบเจอ
“ไปกันเถอะ เมื่อพวกเรากำลังจะเข้าสู่พื้นที่อันตรายพวกเราจะต้องตื่นตัวเอาไว้”ชิงสุ่ยเตือนทุกคนก่อนจะก้าวเดินนำหน้าออกไป
“แล้วอีกอย่าง ข้าเองก็รับรู้ได้ถึงคลื่นพลังจากตัวสัตว์อสูร”ชิงสุ่ยจ้องมองเข้าไปภายในตัวท่าน กลิ่นอายที่รุนแรงของมันพรั่งพรูออกมาจากตัวถ้ำอย่างชัดเจน