บทที่ 2579 ตัวการที่อยู่เบื้องหลัง 5 (1) / บทที่ 2579 ตัวการที่อยู่เบื้องหลัง 5 (2)

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2579 ตัวการที่อยู่เบื้องหลัง 5 (1)

หัวคิ้วกู้ซีจิ่วกระตุกนิดๆ คล้ายกับว่าเลือดของอวิ๋นเยียนหลีจะมีพิษอยู่บ้าง…

แต่ก็ไม่เหมือนไปเสียทั้งหมด

หรือจะมีสาเหตุมาจากการที่เขาใช้วิชาชั่วร้ายบ่มเพาะวรยุทธ์?

อวิ๋นเยียนหลีถูกสัตว์ร้ายเหล่านั้นโจมตี ย่อมเลี่ยงการติดพิษบางส่วนเพิ่มไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ ทุกครั้งที่เขาประมือกับสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง โลหิตที่ไหลออกมาจากร่างก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เข้มขึ้นเรื่อยๆ ม่วงขึ้นเรื่อยๆ…

หลังจากต่อสู้กับสัตว์ร้ายทั้งแปดจบ เขาจะไม่ติดพิษตายหรอกหรือ?

เธอมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง ตี้ฝูอีอยู่ข้างกายเธอตลอด มือข้างหนึ่งกุมมือเธอไว้ มือข้างหนึ่งถือขลุ่ยเลาหนึ่งไว้ มองอวิ๋นเยียนหลีอย่างเฉื่อยชา ไม่ทราบเช่นกันว่าคิดอะไรอยู่

คล้ายจะสัมผัสได้ว่ากู้ซีจิ่วกำลังมองเขา เขากระชับมือนาง

“เจ้าก็คิดว่าข้ากำลังหาทางกลั่นแกล้งเขาเหมือนกันใช่ไหม?”

กู้ซีจิ่วบอกกับเขาอย่างไม่อ้อมค้อม

“เริ่มแรกข้าก็คิดเช่นนี้จริงๆ แต่พอท่านถามข้าแบบนี้ ก็รู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว”

ตี้ฝูอียิ้มนิด

“ฉลาด! อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่จะเฉลียวฉลาดเช่นนี้ พวกเขาล้วนคิดว่าข้ากำลังแก้แค้นอยู่”

เขาไม่ได้โกหก คนมากมายมองมาที่ตี้ฝูอี ในสายตาเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วย

แน่นอน คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกน้องเก่าของอวิ๋นเยียนหลี

“ท่านกำลังช่วยเขาใช่ไหม?”

ทันใดนั้นคล้ายว่ากู้ซีจิ่วจะเข้าใจอะไรแล้ว

“เป็นเขาฝึกฝนวิชาชั่วร้าย โลหิตปนเปื้อนพิษชั่วร้าย และสัตว์ร้ายแปดตัวนี้ล้วนมีพิษร้าย ใช้พิษต้านพิษ พิษของสัตว์ร้ายทั้งแปดอาจถอนพิษจากวิชาชั่วร้ายของอวิ๋นเยียนหลีได้กระมัง?”

ตี้ฝูอีโอบเอวนาง น้ำเสียงเรื่อยเฉื่อย

“อันที่จริงข้าก็กำลังแก้แค้นเขาอยู่”

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกแล้ว…

น้ำเสียงตี้ฝูอีเหี้ยมเกรียมนิดๆ เอ่ยต่อไปว่า

“แน่นอน เห็นแก่ที่เขายังมีจิตสำนึกอยู่บ้าง ข้าจึงมอบโอกาสรอดให้เขาสักครั้ง”

วิชาชั่วร้ายของอวิ๋นเยียนหลีฝึกฝนจนสูงล้ำแล้ว แต่ก็อยู่ห่างจากการถูกธาตุไฟเข้าแทรกเพียงก้าวเดียว อันตรายยิ่งยวด

และพิษของแปดสัตว์ร้ายก็เป็นพิษร้ายแรง ปกติแล้วถ้าต้องพิษจะสิ้นชีพทันที แต่อวิ๋นเยียนหลีวรยุทธ์สูงส่งวิชาชั่วร้ายสูงล้ำ เมื่อพิษเหล่านี้เข้าสู่ร่างจะถูกวิชาชั่วร้ายของเขาปรับให้เป็นกลาง ไม่ติดพิษ และวิชายุทธ์ชั่วร้ายก็จะถูกปรับให้เป็นกลางด้วย…

นี่คือสิ่งที่เรียกว่าพิษต้านพิษ

แน่นอน สิ่งเหล่านี้เป็นตี้ฝูอีอนุมานออกมา ยังไม่เคยทดลองจริง กล่าวก็คืออวิ๋นเยียนหลีเป็นหนูทดลองนั่นเอง…

แปดสัตว์ร้ายบรรพกาลนี้ออกมาได้เพราะอวิ๋นเยียนหลี หากไม่ผิดไปจากที่คาดไว้ โลหิตของเขาสำหรับสัตว์ร้ายแปดตัวนั้นนับได้ว่าเป็นพิษทะลวงไส้ เมื่อโลหิตของเขาปะปนกับเลือดสัตว์ร้ายทั้งแปดที่เดือดพล่านอยู่ภายในกระถางใหญ่ จะลดทอนไอพยาบาทของสัตว์ร้ายลง…

และเป็นกุญแจสำคัญในการคลี่คลายค่ายกลนี้ด้วย

อันที่จริง ถ้าต้องการผลลัพธ์เช่นนี้ไม่จำเป็นต้องให้เขาตัดแขนก็ได้ แค่ให้เขากรีดนิ้วก็ทำได้แล้ว…

แต่ตี้ฝูอีไหนเลยจะยอมช่วยเหลือเขาง่ายๆ เช่นนี้?

เขาไม่ใช่พุทธองค์ที่ใช้เมตตาชำระแค้นหรอกนะ!

….

ทุกคนล้วนคิดว่า หลังจากอวิ๋นเยียนหยดเลือดลงไปในกระถางทั้งแปดครบแล้ว ความดุร้ายของสัตว์ร้ายเหล่านั้นคงหายไป อย่างน้อยความดุร้ายก็ลดลงไปกว่าครึ่ง

กลับนึกไม่ถึงเลยว่าหลังจากเขาหยดเลือดลงไปแล้ว สัตว์ร้ายเหล่านั้นจะยังคงดุร้ายยิ่งนักเช่นเดิม ถึงขั้นที่ดุร้ายยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ด้วย! เหี้ยมโหดยิ่งขึ้น!

แถมความเคียดแค้นของพวกมันล้วนหันเหไปที่อวิ๋นเยียนหลีทั้งหมด โจมตีเขาอย่างดุร้าย!

บทที่ 2579 ตัวการที่อยู่เบื้องหลัง 5 (2)

ทว่าร่างของอวิ๋นเยียนหลี กลับซวนเซ เกือบจะหล่นเข้าไปในปากของเทาเที่ยแล้ว!

ยังคงเป็นคุนเสวี่ยอี๋ที่ทนมองไม่ไหว ตวัดแขนเสื้อ ลากอวิ๋นเยียนหลีกลับมา

แน่นอน สัตว์ร้ายทั้งแปดก็โผตามมาด้วย

สายลมกรรโชกปะทะหน้า คมเขี้ยวหยักโง้ง เหล่าชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ ตี้ฝูอีโวยวายดังลั่น คิดหลบหนีตามสัญชาตญาณ

“ถ้าอยากมีชีวิตรอดก็ยืนนิ่งๆ รออยู่ที่เดิม!”

เสียงตี้ฝูอีดังขึ้นในอากาศ ราวกับแว่วอยู่ริมหูของทุกคน

ฝูงชนนิ่งงัน…

ยามนี้ผู้คนเชื่อถือในตัวตี้ฝูอีอย่างยิ่ง ไม่มองสัตว์ร้ายที่โผเข้ามาอย่างน่าอกสั่นขวัญแขวน ยืนอยู่ที่เดิมดุจเสาต้นหนึ่ง

ท่ามกลางสายโหมพัดโหมตี้ฝูอีเหินแผ่วพลิ้วขึ้นมา ทะยานขึ้นไปเหนือเวทีสูง ขลุ่ยแนบริมฝีปาก บรรเลงเอื่อยๆ ขึ้นมา

ทำนองขลุ่ยประหลาดยิ่งนัก ดุจสายลมพัดผ่านยอดไม้ ดั่งน้ำหยดต้องศิลา ราวกับมีวารีไหลผ่านหัวใจของทุกคน

จิตใจของฝูงชนที่เดิมทีตระหนกว้าวุ่น หวาดผวาอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่หงุดหงิดจนอยากฆ่าคน แต่หลังจากได้ฟังบทเพลงนี้ก็สงบใจลงได้อย่างน่าประหลาด

ไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่สงบ แม้แต่สัตว์ร้ายแปดตัวนั้นที่กำลังคลุ้มคลั่งอยู่ก็ชะงักลง ค่อยๆ หดเขี้ยวเก็บกรงเล็บ ยืนอยู่ตรงนั้นส่ายหัวกระดิกหางรับฟัง…

น้ำควันเพลิงทรายอันใดเหล่านั้นที่พวกมันพ่นออกมา เมื่อไม่มีต้นกำเนิดแล้ว ก็ค่อยๆ สลายหายไป…

เหล่ามนุษย์ภายในลานกลั้นหายใจแล้ว ไม่กล้าขยับไม่กล้าเอ่ยวาจา เกรงว่าจะไปทำให้สัตว์ร้ายที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะสงบลงได้ตกใจเข้า…

“ฮ่าๆ ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็มีฝีมืออยู่บ้างนี่ งั้นรับสิ่งนี้ไปอีกสิ!”

เสียงหนึ่งพลันแว่วขึ้นในอากาศอย่างกะทันหันทำลายความสงบที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะชักนำมาได้…

ฝูงชนเงยหน้าขึ้นตามเสียง มองเห็นบุรุษชุดดำที่ขี่มังกรประทีปปรากฏขึ้นมาภายในชั้นเมฆาอีกครั้ง

บุราผู้นั้นยิ้มนิดๆ ไม่รู้ว่าหยิบผีผาตัวหนึ่งออกมาจากไหน ดีดนิ้วคราหนึ่ง เกิดเสียงเสียดหูปานฉีกรังไหมขึ้น!

เสียงนี้มีฤทธิ์กระตุ้นที่สะเทือนยิ่งนัก! หัวใจของทุกคนล้วนเต้นกระหน่ำขึ้นมา! ราวกับถูกคนลากดึงในทันใด ตื่นตระหนกอย่างยิ่ง

สัตว์ร้ายทั้งแปดที่เดิมทีสงบลงแล้วก็ราวกับได้รับการชี้นำ ค่อนข้างหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว

เสียงผีผาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประหนึ่งจะเร่งเร้าวิญญาณ กระตุ้นจิตใจคนให้ปั่นป่วน สัตว์ร้ายทั้งแปดแยกเขี้ยวกางเล็บเข้าใส่มนุษย์อีกครั้ง…

เสียงขลุ่ยที่ราบเรียบสายหนึ่งแว่วขึ้น เสียงขลุ่ยที่เอื่อยไหลทุ้มต่ำยิ่งนักพลันแปรเปลี่ยนเสียงสูงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด สะกดข่มเสียงผีผาโดยตรง…

เสียงขลุ่ยทำให้จิตใจคนสงบ สัตว์ร้ายเชื่องเชื่อ

เสียงผีผากระตุ้นจิตใจคน สัตว์บ้าคลั่ง

เสียงดนตรีสองชนิดข่มกันไปมา ประเดี๋ยวเสียงขลุ่ยก็สะกดเสียงพิณ ประเดี๋ยวเสียงพิณก็ข่มเสียงขลุ่ยอีก…

เสียงดนตรีสองชนิดต้านกันไปมา ผู้ใดก็ไม่ยอมสยบให้ผู้ใด

ปวงชนอกสั่นขวัญแขวน สายตานับไม่ถ้วนมองไปที่ตี้ฝูอี หวังเพียงให้เขามีชัย

ทุกคนล้วนทราบกันดี หากว่าตี้ฝูอีชนะ พวกเขาจะรอดชีวิต แต่ถ้าบุรุษชุดดำผู้นั้นชนะ ประชาชนทั้งหมดจะตายอย่างไร้ที่กลบฝัง!

ท่ามกลางฝูงชนย่อมมียอดฝีมืดด้านสังคีตอยู่ไม่น้อย บางคนถึงขั้นที่พกเครื่องดนตรีติดตัวไว้ตลอด อาทิขลุ่ย เซียว[1] แตร เป็นต้น

คนเหล่านี้อยากจะช่วยตี้ฝูอีอีกแรง ฝืนข่มความต้องการเอาไว้ไม่ไหวหยิบเครื่องดนตรีออกมาบรรเลงด้วย

ผลคือ ดนตรีที่พวกเขาบรรเลงออกมาเห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าดังยิ่งนัก แต่เมื่อเทียบกับเสียงขลุ่ยของตี้ฝูอีและเสียงผีผาของบุรุษชุดดำแล้ว เป็นได้เพียงเสียงยุงอู้อี้เท่านั้น ก่อระลอกคลื่นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ไม่มีประโยชน์เลย มีหลายครั้งที่ถูกเสียงผีผาสะเทือนจนแทบกระอักเลือดด้วย…

ชัดเจนยิ่งนัก ศึกระหว่างยอดฝีมือผู้เลิศล้ำสองท่าน พวกเขาไม่มีทางเข้าแทรกแซงได้

คุนเสวี่ยอี๋ตกอยู่ภายใต้ความร้อนใจถึงขั้นที่ฉวยเอาแตรมาจากมือของคนผู้หนึ่ง เป่าออกมาเสียงดังลั่น

เสียงแตรเสียดแหลมเป็นที่สุด เสียงนี้ของคุนเสวี่ยอี๋ยิ่งจะทำให้แก้วหูของทุกคนแทบทะลุยิ่งกว่าเดิม

แต่ยังคงเข้าแทรกแซงสียงขลุ่ยเสียงผีผาไม่ได้…

คุนเสวี่ยอี๋เป่าจนแก้มแทบแตกแล้ว สุดท้ายก็ได้แต่ยอมแพ้อย่างจนปัญญา ส่ายหน้าไปมา

“ช่างเถอะ พวกเราช่วยไม่ได้หรอก”

ฝูงชนร้อนใจยิ่งนัก ทว่าไม่มีวิธีเลยสักนิด

————————————————————————————-

[1] เซียว เป็นขลุ่ยอีกชนิดของจีน ตามปกติแล้วขลุ่ยจีนทั่วไปจะถือจับในแนวนอน แต่ขลุ่ยเซียวจะถือเป็นแนวตั้ง คล้ายกับการเป่าปี่ของคนไทย