ตอนที่ 428 มังกรคะนองน้ำ (2) โดย Ink Stone_Fantasy
ดวงตาโตเหมือนหลอดไฟคู่นั้นมองตัวเยี่ยเทียนไปมา เห็นได้ชัดว่าเจ้ามังกรคะนองน้ำตัวนี้รู้สึกแปลกมาก ที่คนที่อยู่ตรงหน้ากลับมีลมปราณที่เหมือนกับตัวเอง แต่ทำไมหน้าตาคล้ายกับสัตว์เลื้อยคลานพวกนั้นที่มันกินไปเมื่อวาน?
ถูกมังกรคะนองน้ำจ้องมองแบบนี้ เยี่ยเทียนก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะพยายามแสดงเจตนาดีออกมา แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าตัวนี้จะสามารถเข้าใจไหม?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เยี่ยเทียนจึงปล่อยการขับเคลื่อนของพลังชี่ออกมา เพื่อให้เลือดและลมปราณพองขึ้น เขากลัวว่าถ้าหากอีกฝ่ายโจมตีตัวเองขึ้นมาเขาจะได้หนีทัน
แต่ตอนที่สัมผัสถึงพลังชีวิตขนาดใหญ่ของเยี่ยเทียน เจ้ามังกรคะนองน้ำตัวนั้นกลับดีใจมาก หลังจากส่งเสียง “กรุ กรุ” ให้เยี่ยเทียนสองครั้ง ศีรษะใหญ่ของมันก็ยื่นไปที่เท้าของเยี่ยเทียน แล้วถูไถไปมาบนขากางเกงเขาเบาๆ
สิ่งมีชีวิตที่เหมือนมังกรกำลังเข้าใกล้เยี่ยเทียน หูหงเต๋อที่อยู่ห่างจากปากหุบเขาไปไกลๆ เมื่อเห็นภาพจึงตกใจกลัว มือกำปืนไว้แน่น
“กรุ กรุ!”
สัญญาณการรับรู้อันตรายของมังกรคะนองน้ำตัวนี้มีสูงมาก การกระทำเมื่อครู่ของหูหงเต๋อจึงทำให้มันหันศีรษะไปด้วยความโกรธ แล้วจึงคำรามเสียงดังไปที่ปากหุบเขา กรงเล็บตีนกบทั้งสองข้างก็ยันพื้นไว้ เหมือนจะพุ่งไปหาหูหงเต๋อ
“ไม่ต้องสนใจเขา เขาไม่ได้มีเจตนาร้าย!”
เยี่ยเทียนสามารถรับรู้เจตนาที่มังกรคะนองน้ำตัวนี้แสดงออกมาเมื่อครู่ เมื่อเห็นมันอยากจะไปโจมตีหูหงเต๋อ เขาจึงรีบตบมันหนึ่งที
เพียงแต่มังกรคะนองน้ำในตำนานตัวหนึ่งได้ปรากฏอยู่ตรงหน้า เยี่ยเทียนก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี จึงอดกลั้นไว้ครู่หนึ่ง แล้วถามไปว่า “ฉันอยากถามว่า…แกอาศัยอยู่ในนี้ตลอดเหรอ?”
“กรุ กรุ!”
ถึงแม้มังกรคะนองน้ำตัวนี้จะเปิดการรับรู้แล้ว แต่มันก็ไม่เคยเรียนรู้คำพูดมนุษย์ เมื่อได้ยินคำพูดที่ฟังไม่เข้าใจมันจึงเอียงศีรษะมองเยี่ยเทียน
“ฉันพูดว่า แกเกิดมาก็อาศัยอยู่ในบึงน้ำนี้ใช่ไหม?” เยี่ยเทียนชี้ไปที่บึงน้ำมังกรดำที่ดำเหมือนน้ำหมึก แล้วจึงชี้มือชี้ไม้อยู่ครึ่งวัน เจ้ามังกรคะนองน้ำตัวนั้นถึงพยักหน้า
“ตามตำนานเล่าว่างูพิษหนึ่งพันปีจะกลายเป็นมังกรคะนองน้ำ และมังกรคะนองน้ำอีกห้าร้อยปีจะกลายเป็นมังกร และบนศีรษะของเจ้าตัวนี้ก็มีมุมแหลมงอกมา จึงไม่รู้ว่ามันอยู่ในนี้มากี่ปีแล้ว”
เยี่ยเทียนสามารถสัมผัสเลือดลมที่โหมซัดสาดอยู่บนตัวของมังกรคะนองน้ำได้อย่างชัดเจน และเปี่ยนล้นไปด้วยพลังมากกว่าของตัวเองเสียอีก เขาไม่เคยเห็นสัตว์วิเศษแบบนี้มาก่อน ทำให้เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าพวกมันฝึกได้อย่างไร และก็ไม่รู้ว่ามันฝึกบรรลุถึงขึ้นไหนแล้ว
“กรุ กรุ!”
การใช้ชีวิตในภูเขามานับร้อยปี ถือว่าเจ้ามังกรคะนองน้ำตัวนี้ก็เป็นห่วงโซ่อาหารสูงสุดในภูเขาฉางไป๋ซานแล้ว และสัตว์อื่นๆ ก็เป็นเพียงอาหารของมันเท่านั้น
เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังชีวิตเหมือนตัวเอง จึงทำให้มันดีใจมาก จึงอ้าปากกัดขากางเกงของเยี่ยเทียน แล้วลากเขาลงไปในน้ำ
“เฮ้ย จะทำอะไร?” เยี่ยเทียนรีบชักขากลับ ถ้าหากไม่ได้สัมผัสถึงความจงใจของอีกฝ่าย เยี่ยเทียนก็คงคิดที่จะลงมือกับมันไปแล้ว
แต่นอกจากหน้าอกและหน้าท้องแล้ว สัตว์ประหลาดตัวนี้มีแต่เกล็ดปกคลุมไปทั่วทั้งตัว เยี่ยเทียนจึงไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันดี และแค่พลังชีวิตที่แฝงอยู่ในตัว เยี่ยเทียนก็รู้ตัวว่า ตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน
เมื่อเห็นมังกรคะนองน้ำตัวนี้คลานไปที่ริมสระน้ำแล้วส่งเสียง “กรุ กรุ” ให้ตัวเองไม่หยุด เยี่ยเทียนจึงลองถามถามมัน “แกจะให้ฉันลงไปในน้ำ?”
“กรุ กรุ!” มังกรคะนองน้ำไม่เพียงแต่พยักหน้า แต่ในดวงตาของมันยังปรากฏความปลื้มปีติออกมา เหมือนดีใจมากที่เยี่ยเทียนเข้าใจความหมายของมัน
“ทำไมน้ำถึงเย็นขนาดนี้?”
เยี่ยเทียนเดินไปที่ริมสระน้ำอย่างลังเล หลังจากยื่นมือเข้าไปเพื่อทดสอบ พลังความหนาวเย็นก็เข้ามาอยู่ในหัวใจของเขา ทำให้เขาอดหนาวสั่นอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อมองดูสระน้ำขนาดใหญ่ร้อยกว่าเมตรที่ลึกจนไม่เห็นก้นบึ้ง เยี่ยเทียนจึงโบกมือติดต่อกันแล้วพูด “ไม่ได้ มันเย็นเกินไป ฉันลงไม่ได้”
ถึงแม้การฝึกวรยุทธ์จะถึงขั้นที่ความหนาวและความร้อนเข้าแทรกไม่ได้ แต่สระน้ำแห่งนี้เหมือนจะสามารถแช่แข็งจิตวิญญาณของมนุษย์ได้ เยี่ยเทียนคิดว่าต่อให้เขาปิดรูขุมขนทั่วทั้งตัว หลังจากลงไปก็ไม่อาจต้านทานความหนาวเย็นที่กัดเซาะได้อยู่ดี
“กรุ กรุ!”
มังกรคะนองน้ำตัวนั้นเห็นเยี่ยเทียนไม่ยอมลงน้ำ มันก็ไม่ฝืน จากนั้นตัวเองจึงกระโดดลงไปในสระน้ำและหมุนตัวไปมา ทำให้สระน้ำเกิดคลื่นลูกใหญ่โหมซัดสาด
ถึงแม้มังกรคะนองน้ำจะมีอายุมากกว่าเยี่ยเทียน แต่สติปัญญาของมันกลับเหมือนกับเด็กอายุเจ็ดขวบ หลังจากเล่นสนุกสักพักแล้ว มันก็ดำลงไปในน้ำ แล้วสระน้ำก็ค่อยๆ นิ่งสงบอีกครั้ง
จนกระทั่งตอนนี้ สายตาที่เหลือของเยี่ยเทียนจึงสำรวจบริเวณรอบๆ บึงน้ำมังกรดำ การอยู่กับมังกรคะนองน้ำเมื่อครู่ เป็นแรงกดดันที่มองไม่เห็นทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกหายใจไม่ทัน
อาจจะเป็นเพราะปัจจัยของอากาศเวลานี้กับผลกระทบจากอากาศพิษ ทำให้ในหุบเขาลึกแห่งนี้กลับไม่มีหญ้างอกเลยสักนิด แต่ผาสูงชันทั้งสองข้างกลับมีต้นไม้พุ่มเตี้ยและหญ้าแห้งบางส่วน แสดงว่าฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อน ที่นี่จะต้องมีพืชแน่นอน
นอกจากนี้บริเวณรอบๆ บึงน้ำยังมีเศษกระดูกของสัตว์มากมาย น่าจะเป็นสัตว์ที่อยู่ในภูเขาถูกมังกรคะนองน้ำจับกิน แน่นอนว่า คนสองสามคนที่ถูกลากไปเมื่อคืน คาดว่าจะอยู่ในนี้ด้วย
แล้วก็ยังมีสิ่งที่แปลกประหลาดอีกก็คือ บึงน้ำที่มีความหนาวเย็นขนาดนี้ มีระยะห่างไม่ไกลจากน้ำพุร้อนที่อยู่กลางภูเขา และยังมีพลังจักรวาลล้นออกมาเล็กน้อย
ถ้าหากเป็นสมัยโบราณ ไม่ว่าจะเป็นบึงน้ำมังกรดำหรือน้ำพุร้อน ทุกที่ล้วนเป็นสถานที่ฝึกวรยุทธ์ที่ดีที่สุด และยังเป็นดินแดนสุขาวดีที่ผู้บำเพ็ญตนตามลัทธิเต๋ากล่าวไว้
ถึงแม้ผิวน้ำของบึงน้ำจะเย็นมาก แต่เมื่อโคจรกำลังภายใน ในขณะที่ยืนอยู่ที่ริมสระน้ำนั้น ก็สามารถดูดซับพลังจักรวาลในนั้นเข้าไปในร่างกายได้ และเยี่ยเทียนก็รู้สึกถึงพลังที่สดชื่นและมีชีวิตชีวา
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนยืนตรงนั้นไม่ขยับ หูหงเต๋อที่ยืนอยู่ปากหุบเขาจึงร้อนใจ แล้วตะโกนเสียงดัง “เยี่ยเทียน เกิดอะไรขึ้น? เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? รีบออกมาเถอะ!”
เสียงตะโกนของหูหงเต๋อทำให้เยี่ยเทียนสะดุ้ง ตื่นขึ้นมาจากภวังค์เหมือนนาฬิกาปลุก แล้วจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดว่า “เหล่าหู ผมไม่เป็นอะไรครับ อีกสักครู่ผมจะออกไป ผมขอคุยกับมังกรคะนองน้ำก่อน หากวันหลังมันไปทำร้ายคนอื่นอีกล่ะ?”
พูดตามจริงเยี่ยเทียนก็มีวิธีจริงๆ เพราะเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ปืนไฟที่ผู้คนใช้กันมีอานุภาพไม่แรงมาก กระสุนเหล็กพวกนั้นจึงไม่สามารถทะลุเกล็ดของมังกรคะนองน้ำได้
แต่วันนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ถ้าหากมังกรคะนองน้ำยังกินคนไปทั่วแบบนี้ จะเป็นการดึงดูดกองกำลังทหารเข้ามา และต่อให้มันมีความสามารถยอดเยี่ยมแค่ไหนก็หนีการโอบล้อมไม่ได้
และในฐานะที่มันคล้ายมังกรมากที่สุดในโลก เยี่ยเทียนจึงไม่อยากให้ใครมารบกวนมัน แต่มังกรคะนองน้ำตัวนี้ก็ต้องให้ความร่วมมือด้วยเช่นกัน
บทสนทนาของเยี่ยเทียนกับหูหงเต๋อเหมือนจะทำให้มังกรคะนองน้ำตกใจ จากนั้นผิวน้ำก็ม้วนขึ้น แล้วร่างที่ใหญ่มหึมาของมันก็ปรากฏตัวอยูในน้ำ แล้วว่ายตรงมาหาเยี่ยเทียนโดยตรง
“กรุ กรุ!” มังกรคะนองน้ำอ้าปากออกกะทันหัน มีก้อนหินที่ดำสนิทเป็นประกายขนาดยาวเท่านิ้วชี้ตกมาอยู่ตรงหน้าของเยี่ยเทียน
“นี่คืออะไร?”
เยี่ยเทียนตกตะลึง แล้วจึงนั่งลงยองๆหยิบก้อนหินขนาดเล็กมาอยู่ในมือ แต่ตอนที่ฝ่ามือกับก้อนหินนั้นสัมผัสกัน ทำให้เยี่ยเทียนตัวสั่นไปทั้งตัวในทันที
หนาว ความหนาวเย็นนี้รู้สึกหนาวกว่าน้ำในบึงน้ำมากกว่าสิบเท่า จากปลายนิ้วของเยี่ยเทียนส่งผ่านไปถึงภายในร่างกาย ความเย็นแบบนั้นเหมือนจะทำให้เลือดของเยี่ยเทียนแข็งตัว แค่ในระยะเวลาอันสั้น ผมของเยี่ยเทียนยังเกิดชั้นน้ำแข็งขึ้นมาหนึ่งชั้น
เลือดลมภายในร่างกายของเยี่ยเทียนก็เริ่มโคจรเช่นกัน กลุ่มพลังงานความอบอุ่นลอยขึ้นในหัวใจ และค่อยๆ เคลื่อนตัวอยู่ในเส้นสมปราณ ช่วยขจัดความหนาวเย็นออกไปจากร่างกายของเยี่ยเทียน
ถึงแม้เมื่อครู่ไม่ทันตั้งตัวจนต้องเสียเปรียบ แต่ตอนที่พลังชี่แท้เคลื่อนไปมานั้น พลังความหนาวเย็นกับหลอมรวมเข้ากับพลังชี่ดั้งเดิมภายในร่างกายของเยี่ยเทียนอย่างลงตัว เพียงเวลาสั้นๆ เยี่ยเทียนก็รู้สึกว่าพลังชี่ดั้งเดิมที่อยู่ภายในร่างกายเหมือนจะแข็งแรงมากขึ้น
ระยะเวลาเจ็ดถึงแปดนาทีเต็ม เยี่ยเทียนจึงอ้าปากแล้วพ่นไอสีขาวที่เหมือนดาบแหลมคมออกมา ซึ่งมันมีความหนากว่าพลังที่ดูดซับเข้าไปเมื่อตอนเช้ามาก เหมือนกับมีดปลายแหลมเล่มหนึ่งจริงๆ
“นี่คืออะไร? ทำไมถึงมีพลังที่บริสุทธิ์ขนาดนี้? แล้วพลังบริสุทธิ์แบบนี้ทำไมถึงได้หนาวเย็นขนาดนี้?”
เมื่อขยับนิ้วมือออกห่างจากกินก้อนเล็กสีดำแล้ว สายตาของเยี่ยเทียนจึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เพียงแค่ไม่สัมผัสของสิ่งนี้ มันก็เหมือนกับหินดำทั่วไปที่ไม่มีพิษมีภัย และไม่สะดุดตาเลยสักนิดเดียว
“กรุ กรุ!” มังกรคะนองน้ำเห็นเยี่ยเทียนไม่หยิบก้อนหินก้อนเล็กนั้นขึ้นมา มันจึงใช้กรงเล็บที่มีตีนกบยาวออกมาผลักไปอยู่ตรงหน้าของเยี่ยเทียน
“แกต้องการมอบให้ฉันเหรอ?”
เยี่ยเทียนถามถึงก้อนหินที่หนาวเย็นสุดขั้วอันนี้ สำหรับการฝึกวรยุทธ์ของเยี่ยเทียนนั้นกลับมีประโยชน์อย่างมาก พลังของความหนาวเย็นที่หลอมรวมเข้ากับภายในร่างกายพอดี ทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกถึงพลังชี่ดั้งเดิมที่อยู่รอบตัวเองได้ควบรวมกันมากขึ้น
เมื่อมองดูบึงน้ำที่ดำสนิทเหมือนน้ำหมึก เยี่ยเทียนจึงเข้าใจบางอย่างทันที หรือว่าการเกิดขึ้นของบึงน้ำมังกรดำนี้ จะเกี่ยวข้องกับก้อนหินเป็นส่วนใหญ่
“กรุ กรุ…” หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว มังกรคะนองน้ำจึงพยักหน้า
“ได้ ฉันจะรับไว้แล้วกัน!”
ของดีเช่นนี้ เยี่ยเทียนไม่เกรงใจอยู่แล้ว จากนั้นจึงฉีกผ้าออกมาหนึ่งผืน แล้วห่อหินที่เหมือนหยกดำขึ้นมา ใส่ลงไปในกระเป๋าของตัวเอง
“ร่างกายของแกสีน้ำตาลอมแดงเกือบจะเป็นสีดำ ฉันจะเรียกแกว่า เฮยเจียว(มังกรคะนองน้ำสีดำ)”
เมื่อได้รับของวิเศษ เยี่ยเทียนจึงดีใจมาก จากนั้นจึงช่วยตั้งชื่อให้มัน แล้วพูดว่า “เฮยเจียว จากวรยุทธ์ของแกในตอนนี้ แค่ดูดกลืนพลังของพระอาทิตย์กับพระจันทร์ก็สามารถดำรงชีวิตต่อไปได้แล้ว ต่อไปไม่ต้องฆ่าสิ่งมีชีวิตอย่างอื่นอีก”
เพื่อทำให้เฮยเจียวเข้าใจคำพูดของตัวเอง เยี่ยเทียนจึงชี้มือชี้ไม้ไปที่โครงกระดูกเหล่านั้นนานครึ่งค่อนวัน แล้วเจ้าตัวนี้ก็เข้าใจในที่สุด
“กุ…กรุ กรุ!” ถึงแม้เฮยเจียวจะฟังคำพูดของเยี่ยเทียนรู้เรื่อง แต่กลับไม่เข้าใจ ดวงตาที่เย็นชาผิดปกติคู่นั้น ก็เปลี่ยนเป็นสายตาที่ไม่เข้าใจทันที
“ถ้าหากแกถูกคนพบเห็น แกจะถูกคนฆ่าตาย!” เยี่ยเทียนพูดออกมาอย่างจนใจ เพราะห่วงโซ่อาหารที่สูงที่สุดในโลก สุดท้ายก็คือมนุษย์
เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ดวงตาของเฮยเจียวจึงเผยความดูถูกออกมา จากนั้นมันจึงสะบัดหางที่เหมือนหนามแหลม เสียงดัง “ครืน” แล้วกำแพงหินที่สูงกว่าสิบเมตรก็บินว่อน จากก้อนหินที่แข็งแกร่งกลายเป็นเต้าหู้ที่อ่อนนุ่มจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“โอ้สวรรค์ เก่งกาจขนาดนี้เชียว?”
เดิมทีเยี่ยเทียนพยายามคาดคะเนพลังในการต่อสู้ของเฮยเจียวอย่างเต็มที่ แต่หลังจากที่เห็นก้อนหินที่แหลกละเอียดกองบนพื้น เขาจึงรู้ว่าตัวเองดูถูเฮยเจียวเกินไปแล้ว
…