ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 571 ข้าตั้งแท่นสักการะแล้ว มหาปรมาจารย์คนใดจะเป็นคู่ต่อสู้?

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองสีของท้องฟ้าเหนือมหาสมุทร ‘ถ้าคำนวณตามเวลาของโลกผืนสมุทร ทางด้านแปดพิภพน่าจะผ่านไปสองเดือนกว่าๆ แล้ว

‘แต่ว่าการไกลของเวลาในสุสานมังกรเดี๋ยวเร็วเดี๋ยวช้า สับสนจนไม่อาจแยกแยะ ตอนนี้พูดยากว่าทางด้านแปดพิภพเป็นวันที่เท่าไรแล้ว’

ฟู่เอินซูรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณที่คุ้นเคยของโลกฝั่งนี้ นางทอดถอนใจเช่นกัน

นางกล่าวว่า “ที่นี่น่าจะเป็นทะเลชั้นนอกของทะเลเหนือ พวกเรากลับสำนักกันก่อน ผ่านทางทะเลตะวันออกก็ได้ ที่นั่นมีคนของเมืองทะเลมรกต สำนักเราอาจจะเหลือคนไว้คอยเฝ้าผนึก จะได้ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ของแปดพิภพในปัจจุบัน และความปลอดภัยของอวิ๋นเซิงกับหลิวหัวก่อนได้”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ควรจะเป็นเช่นนั้นขอรับ”

ทั้งสองเดินทางผ่านทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออก ครั้นมองไกลออกไป พวกเขาเห็นยอดเขาที่เปล่งแสงสีขาวแห่งหนึ่งหล่นลงไปในมหาสมุทร กดอันก้นทะเล ยอดเขาโผล่พ้นผิวน้ำออกมา

เหนือยอดเขามีตราอาคมขนาดยักษ์ที่กว้างใหญ่ไพศาลกำลังเปล่งแสงอันอ่อนโยน

ทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกในตอนนี้ไร้คลื่นลมและสุขสงบ ไม่ได้เต็มไปด้วยเปลวเพลิง และไม่มีปีศาจอัคคีอาละวาดอีกแล้ว

เทียบกับก่อนหน้านี้ บีดนี้เยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่เอินซูรู้สึกยินดีที่ความพยายามของทุกคนไม่เสียเปล่า

‘พวกท่านพ่อน่าจะต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงจะออกมาจากผนึกได้’

เยี่ยนจ้าวเกอพิจารณาคร่าวๆ รู้สึกมั่นใจ

ใกล้กับผนึกมีจอมยุทธ์เขากว่างเฉิงคอยเฝ้าอยู่จริงๆ ในขณะเดียวกันก็มีจอมยุทธ์ของเมืองทะเลมรกต หอคลื่นโหม และตำหนักอัสนีสวรรค์อยู่ด้วย

เมื่อทุกคนเห็นคนที่ว่ากันว่าตายไปนานแล้วอย่างเยี่ยนจ้าวเกอและฟู่เอินซู ต่างก็อดตกตะลึงไม่ได้

หลังจากตกใจ จอมยุทธ์เขากว่างเฉิงก็ดีใจเพราะความคาดไม่ถึง

ได้เจอศิษย์ร่วมสำนัก เยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่เอินซูย่อมรู้สึกยินดี หลังจากคำนับกันเสร็จ ก็ถามไถ่สถานการณ์ในปัจจุบัน

เมื่อได้รู้ว่าในวันลงผนึก เฟิงอวิ๋นเซิงกับอิ่นหลิวหัวไร้อันตราย กลับเขากว่างเฉิงได้อย่างปลอดภัย เยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่เอินซูก็คลายใจลง

และหลังจากที่รู้ว่าขวานจามสวรรค์ตกไปอยู่ในมือของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ เยี่ยนจ้าวเกอก็ส่ายหน้า ทว่าหลังจากนั้นเขาก็แค่นหัวเราะ “ไม่เป็นไร ตอนนั้นกินเข้าไปอย่างไร อีกเดี๋ยวจะทำให้พวกเขาคายออกมา”

เขากวาดตามองรอบๆ “ไม่มีคนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาไม่เป็นห่วงความปลอดภัยของตาเฒ่าหวงหรืออย่างไรกัน?”

ผู้อาวุโสเขากว่างเฉิงที่คอยเฝ้าที่นี่พูดว่า “ก่อนหน้านี้ยังอยู่ เพิ่งจากไปเมื่อสองวันก่อน”

เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว “เกิดความผิดปกติต้องมีลับลมคมใน หลังจากกลับไปเตรียมตัวที่สำนัก ข้าจะไปยอดยอดเขาเรืองรองทันที”

“รอท่านเจ้าสำนักออกมาก่อนเถอะ” ได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอคุยโตถึงเพียงนี้ ผู้อาวุโสเขากว่างเฉิงคนนั้นก็รู้สึกตกใจ

สีหน้าของเขากลายเป็นถมึงทึง สายตามองไปยังจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ที่ถอยไปอย่างเงียบๆ “จ้าวเกอ ก่อนหน้านี้ที่เจ้าออกมาจากในปฐพีพิภพ แล้วมุ่งหน้ามายังทะเลตะวันออก เจ้าเคยพูดไว้ว่า เจ้าตำหนักอัสนีสวรรค์เฉินลี่หนีไปกลางคัน ทำให้สถานการณ์สูญเสียการควบคุม ท่านเจ้าสำนักคนเก่าต้องเสียสละชีวิตของตัวเอง ถึงสะกดนพยมโลกไว้ได้”

“หลังจากเจ้าหายไปจากทะเลตะวันออก ก็ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร เฉินลี่กลับตอบโต้โดยการโทษเจ้า ว่าเจ้าไปแตะต้องของวิเศษในปฐพีพิภพ ทำให้นพยมโลกเกือบจะมาถึง จอมยุทธ์จากแต่ละสำนักที่เข้าไปในปฐพีพิภพจึงบาดเจ็บล้มตาย”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็หัวเราะด้วยความเดือดดาลสุดขีด “ประเสริฐนัก เฒ่าเฉินหัวล้าน”

ผู้อาวุโสเขากว่างเฉิงกล่าวเสียงทุ้ม “วันนี้เจ้ากลับมาแล้ว สามารถไต่ถามต่อหน้าเขาได้ บอกความจริงกับใต้หล้า”

ชายหนุ่มยิ้มแยกเขี้ยว “ไต่ถาม? เหอะ เหตุใดต้องลำบากเพียงนั้น”

รอยยิ้มของเขาทำให้คนที่อยู่รอบๆ รู้สึกหวาดหวั่น

“อาจารย์ป้าฟู่ ท่านกลับสำนักก่อนเถอะ ข้าจะไปอัสนีพิภพเสียหน่อย” เยี่ยนจ้าวเกอหันไปพูดกับฟู่เอินซู

ผู้อาวุโสเขากว่างเฉิงที่อยู่ด้านข้างได้ยินพลันนึกขึ้นได้ “จริงด้วย ผู้อาวุโสฟู่ ท่านรีบกลับสำนักเถอะ ในสำนักเหมือนมีการถกเถียงเรื่องที่พวกท่านถูกสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ซุ่มโจมตีในตอนนั้นมากมายนัก”

“ได้ยินมาว่าวิหารอาญาได้ดำเนินการพิจารณาคดี เฟิงอวิ๋นเซิงและอิ่นหลิวหัวซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่ร่วมทางกับท่านในวันนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”

“ข้าอยู่ที่ทะเลตะวันออก จึงไม่รู้สถานการณ์อย่างเป็นรูปธรรมนัก แต่ตอนนี้ในเมื่อท่านไม่เป็นไร ทุกอย่างน่าจะจัดการง่ายแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอสบตากับฟู่เอินซูแวบหนึ่ง นางพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ตกลง ข้าจะกลับสำนักก่อน จ้าวเกอเจ้าไปอัสนีพิภพ รีบไปรีบกลับด้วยล่ะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของฟู่เอินซู จอมยุทธ์เขากว่างเฉิงที่อยู่รอบๆ ต่างชะงัก คิดไม่ถึงว่าไม่เพียงแต่เยี่ยนจ้าวเกอจะคุยโตเท่านั้น ฟู่เอินซูยังไว้ใจเขาถึงเพียงนี้

ทุกคนต่างจิตใจสั่นสะท้าน พอจะรู้แล้วว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้กำลังโอ้อวด

พวกเขาตั้งใจสำรวจเยี่ยนจ้าวเกอ ยิ่งมองยิ่งเกิดความรู้สึกลึกล้ำไม่อาจหยั่งคาด

จะต้องไม่ได้มีพลังอยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณระยะท้าย เหมือนในครั้งสงครามผนึกทะเลตะวันออกแน่นอน

แล้วตอนนี้มีพลังฝึกปรือถึงขั้นใดแล้ว?

ขั้นรูปญาณระยะต้นหรือ? แต่ว่าขั้นรูปญาณระยะต้นจะโอ้อวดขนาดกล้าบุกยอดยอดเขาเรืองรอง กล้าเหยียบปฐพีพิภพเชียวหรือ?

ต่อให้เป็นมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมยังไม่ไหว…

จอมยุทธ์เขากว่างเฉิงต่างมองชายหนุ่มตรงหน้าไม่ออกมากกว่าเดิม

เยี่ยนจ้าวเกอบอกลาฟู่เอินซู ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังอัสนีพิภพเพียงลำพัง

เขาไม่ได้สนใจลูกศิษย์ตำหนักอัสนีสวรรค์ที่หนีไปจากทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกก่อนหน้านี้ เพราะถึงหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น ทั้งยังไม่กลัวอีกฝ่ายจะแจ้งข่าว

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพาเขาเดินทางไปอย่างรวดเร็ว ในตอนที่ขุมกำลังบนทะเลตะวันออกกำลังส่งข่าว เขาข้ามทะเลกว้างใหญ่ เหยียบแผ่นดินอัสนีพิภพแล้ว

เมื่อเข้าใกล้ทวีปมืดซึ่งเป็นสถานที่ที่ตำหนักอัสนีสวรรค์ตั้งอยู่ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็วูบไหวร่างหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เยี่ยนจ้าวเกอมีจิตใจสงบนิ่ง ไพล่สองมือไว้ด้านหลัง ลอยอยู่กลางอากาศ เดินไปยังที่อยู่ของตำหนักอัสนีสวรรค์

ย่างก้าวของเขาดูเชื่องช้าแต่ความจริงรวดเร็วนัก เห็นไกลออกไปมีเมฆสายฟ้าปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่น

ระหว่างเทือกเขาใต้เมฆสายฟ้า ตำหนักขนาดยักษ์สร้างโครงด้วยโลหะสีมม่วง สั่นสะท้านจิตใจผู้คนเหมือนกับพระราชวังของราชันสายฟ้า

แสงสายฟ้าละลานตาหลายสายกลางท้องฟ้าผ่าลงด้านล่าง ทำให้ที่นี่เหมือนกับโลกสายฟ้า ผู้ที่กล้าเหยียบมายังที่นี่จะถูกสายฟ้าฟาดเป็นจุณในทันที

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับเหมือนไม่สนใจสายฟ้าเหล่านี้ เพียงเอ่ยอย่างราบเรียบ “เฉินลี่ เจ้าจะออกมาเอง หรือจะให้ข้าลากเจ้าออกมา?”

น้ำเสียงเรียบเฉยสงบนิ่ง แต่ว่าเสียงเหมือนกับระฆังวิเศษ สั่นสะเทือนฟ้าดิน กลบเสียงสายฟ้า สะท้อนไปทั่วตำหนักอัสนีสวรรค์

แสงสายฟ้าสายหนึ่งพุ่งออกมาจากตำหนักอัสนีสวรรค์ หยุดลงด้านหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ เป็นชายชราหนวดเคราสีม่วงผู้หนึ่ง เขามองชายหนุ่มด้วยความโกรธ “ประเสริฐนักเด็กน้อย เจ้าไม่ตายหรือนี่?”

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างราบเรียบ “ถูกต้อง ข้าไม่เป็นไร เฉินลี่กับพวกเจ้าจะมีปัญหาแล้ว”

ชายชราหนวดม่วงยิ้มอย่างเดือดดาล “คุยโตโอ้อวดนัก เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นเยี่ยนตี๋หรือ?”

เสียงยังไม่ทันขาดลง แสงสีม่วงก็ปรากฏขึ้น!

หนึ่งในสองกระบวนท่าอันยิ่งใหญ่ของตำหนักอัสนีสวรรค์ ท่ากระบี่ที่เร็วที่สุดในแปดพิภพ กระบี่เทพมารดาสายฟ้า!

เป็นท่ากระบี่ที่เร็วจนทำให้คนรับมือไม่ทัน!

แต่ว่าประกายกระบี่กำลังสว่างขึ้น เยี่ยนจ้าวเกอก็ต่อยหมัดออก หมัดไปถึงด้านหน้าชายชราเสื้อม่วงผู้นั้น เร็วกว่าเสียท่ากระบี่ของเขาเสียอีก!

หอกเทพสมุทรสุดขอบโลก นกเผิงขึ้นสวรรค์!

ชายชราจิตใจสั่นเทา ผมเผ้าตั้งชัน คล้ายกับถูกไฟฟ้ากระตุ้น

ขณะกระตุ้นญาณจริงแท้ ด้านหลังเขาก็กลายเป็นภาพเทพมารดาสายฟ้า

เมื่อร่างเทพมารดาสายฟ้าปรากฏขึ้น ประกายกระบี่ของชายชราผมม่วงก็รวดเร็วกว่าเดิม

จุดลมปราณทั่วร่างเยี่ยนจ้าวเกอเปิดออก อาคมอันเป็นญาณวรยุทธ์มากมายลอยออกมาจากด้านใน

บัดนี้ แท่นค่ายกลอาคมที่เหมือนกับเจดีย์และแท่นบูชาครอบคลุมทั่วร่างของเขาเอาไว้ด้วย

ตรงหน้าชายชราผมม่วงพร่าเลือน ยังไม่ทันตอบโต้ ประกายกระบี่ของตนก็ถูกทำลายทันที!

ทรวงอกของร่างเทพมารดาสายฟ้าที่สูงใหญ่น่าเกรงขามแตกสลาย เพราะถูกเยี่ยนจ้าวเกอแทงทะลุ!

เสียงของเยี่ยนจ้าวเกอสะท้อนไปมาระหว่างฟ้าดิน “แปดพิภพในตอนนี้ ข้าตั้งแท่นสักการะฟ้าขึ้นมาแล้ว มหาปรมาจารย์คนใดจะเป็นคู่ต่อสู้?

“เฉินลี่ เจ้าไสหัวออกมาซะ”