บทที่ 633 ยิ่งท้อยิ่งแกร่ง

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 633 ยิ่งท้อยิ่งแกร่ง
แล้วเส้นหมี่ก็ป้อนข้าวลูกสาวต่อ

อีกทั้งเธอไม่รู้เลยว่า ในตอนที่เธอแย่งเขาพูดออกมาเสียก่อนนั้น ชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามยิ่งขุ่นเคืองมากกว่าเดิม ทั้งที่เป็นไปตามที่เขาหวังไว้

แต่ว่า เขากลับควบคุมตัวเองไม่ให้รู้สึกไม่พอใจไม่ได้!

ไม่ง่ายเลยกว่าจะทานข้าวเสร็จไปหนึ่งมื้อ เส้นหมี่กำลังเก็บถ้วยชาม:“รินจัง หนูไปให้แด๊ดดี๊ช่วยล้างมือน้อยๆกับใบหน้าเล็กๆนั้นของหนูหน่อย อีกสักพักก็จะทานผลไม้แล้ว”

“ได้ค่ะ หม่ามี๊!”

สาวน้อยที่แสนน่ารัก ทันใดจึงปืนลงมาจากเก้าอี้ หลังจากนั้นแขนขาน้อยๆก็ลุกขึ้นเตรียมวิ่งไปหาแด๊ดดี้แล้ว

“แด๊ดดี้ รินจังอยากล้างมือน้อย อุ้มหน่อย”

เธอกางมือป้อมๆออกมา สาวน้อยที่พึ่งจะหกขวบ เดิมทีแล้วยากที่จะมีคนปฏิเสธได้

เดิมทีแสนรักกำลังเตรียมตัวจะออกไป จึงทำได้เพียงอุ้มลูกสาวขึ้นมา

“ได้ แด๊ดดี้จะพาหนูไปนะ”

หลังจากนั้นก็พาลูกสาวไปที่ห้องน้ำ

เส้นหมี่เอาถ้วยชามเก็บไปที่ห้องครัว ด้านหลังตามมาด้วยแสงดาวที่ยกอาหารที่เหลือเข้ามา

“พี่สาว คุณไม่ต้องช่วยเก็บแล้วล่ะ คุณไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

เส้นหมี่ได้เห็นแล้ว จึงรีบพูดออกไปไม่ให้เธอมาช่วยทำงานอีก

เธอเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของตระกูลหิรัญชา วันนี้ถูกเธอลากมาทำงานตั้งมากมาย มันยากสำหรับเธอมากแล้ว

แต่แสงดาวกลับไม่ได้สนใจเธอ

หลังจากที่เธอเอาสิ่งของวางไว้บนชั้นของครัว จึงเปิดปากพูดออกมา:“พวกคุณสองคุณจะทำเรื่องอะไรกันอีก วันดีๆผ่านมาเยอะเกินหรือ ก็เลยจะทำเรื่องทรมานใจขึ้นมาว่างั้น”

สีหน้าของเส้นหมี่เปลี่ยนไป

เธอกลับมองออกแล้ว

“คุณพูดอะไรน่ะ ทรมานใจอะไรล่ะ พี่สาว ฉันฟังไม่เข้าใจหรอก”เส้นหมี่ไม่ยอมรับ

แสงดาวได้ฟังแล้ว ก็ยิ้มแห้งๆออกมา

“คุณคิดว่าฉันตาบอดหรือไง หรือคิดว่าฉันเป็นเหมือนเหล่ากระต่ายน้อยของพวกคุณไปแล้วเหรอ เส้นหมี่ ฉันจะบอกอะไรคุณนะ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ ความสามัคคีกันของคนในครอบครัวสำคัญที่สุด พวกคุณทั้งสองอย่าทำอะไรเหมือนกับเด็ก เล่นเกมปัญญาอ่อนอะไรกันนั้น!”

เธอสอนออกมาอย่างไม่เกรงใจ หลังจากนั้นก็เดินออกไป

ไม่นาน ในสวนดอกไม้ด้านนอกมีเสียงสตาร์ทรถดังขึ้น ค่ำมืดดึกดื่นขนาดนี้หญิงสาวคนนี้กลับออกไปแล้ว

เส้นหมี่:“……”

ทันใดนั้น ภายในใจก็สึกว่าหล่นวูบลง

เธอก็อยากจะใช้ชีวิตวันดีๆ แต่ว่า ตอนนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เธอ แต่อยู่ที่น้องชายของเธอคนนั้น

ใครจะไปรู้ว่าอยู่ดีๆเขาก็อยากจะหย่ากับเธอขึ้นมาอย่างกะทันหัน?

เส้นหมี่สูดหายใจลึกๆ ตั้งสติขึ้นมาใหม่ เธอเริ่มลงมือล้างถ้วยชามและเช็ดทำความสะอาดเตา

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เธอยกผลไม้ที่หั่นเสร็จเรียบร้อยออกมา

“เด็กๆทุกคน มาเร็ว……”

เดิมทีเธออยากจะเรียกทุกคนมาทานผลไม้ด้วยกัน

แต่เมื่อออกมา ทันใดมองเห็นในห้องรับแขกกลับพบว่าเหลือเพียงเด็กๆสามคนนั่งดูทีวีอยู่ เธอ“ตึกตัง”ขึ้นมา ใจดวงนี้หล่นวูบลงไปทันที

“ชินจัง แด๊ดดี้ล่ะ”

“ไปหาเสื้อผ้ามาให้น้องสาวอยู่ข้างบนน่ะ”ชินจังชี้ไปที่ชั้นบนอย่างว่าง่าย

ห๋า?

หาเสื้อผ้า?

ภายในใจของเส้นหมี่หล่นวูบลงมานั้นในเวลาเดียวกัน ก็มองไปที่ลูกสาวอย่างสงสัยขึ้นมา

จึงได้พบว่า ไม่รู้ว่าไปทำอะไรมา เสื้อผ้าที่อยู่บนร่างป้อมๆของเธอถึงได้เปียกชื้น เหมือนกับว่าถูกสาดน้ำยังไงอย่างงั้น

“หม่ามี๊ เป็นพี่ชินจัง ที่ไม่ระวังก็เลยทำน้ำหกลงบนรินจัง ทำให้กระโปรงสวยๆของรินจังเปียกหมดแล้ว”

รินจังเห็นว่าหม่ามี๊กำลังมองมาที่กระโปรงของตัวเอง จึงเบะปากขึ้นทันที ฟ้องร้องพี่ชายขึ้นมา

เส้นหมี่:“……”

เด็กคนนี้ ทำไมไม่ระวังแบบนี้นะ? นี่เป็นหน้าหนาวนะ

เส้นหมี่ไม่ได้สงสัยอย่างอื่นใด หลังจากนั้นรีบวางผลไม้ลง จึงรีบอุ้มลูกสาวขึ้นมา แล้วขึ้นไปชั้นบน

อีกทั้งเมื่อเธอเดินออกไป เด็กน้อยทั้งสองคนที่อยู่ด้านล่างจึงปิดทีวีลง

“พี่ชาย เมื่อกี้โชคดีที่คุณฉลาด ทำน้ำหกใส่น้องสาวจนเสื้อผ้าเปียก ไม่งั้น แด๊ดดี้ก็จะออกไปแล้ว”

“อืม”

ชินจังมาดขรึมไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้

แต่ว่า คิ้วของเขาก็ยังขมวดอยู่อย่างนั้น เพราะว่าเขารู้สึกว่า เรื่องนี้คงจะยังไม่ได้คลี่คลายลง

ชั้นสอง

เส้นหมี่อุ้มลูกสาวขึ้นมา

ปรากฏว่า ถึงมาถึงหน้าประตูห้องสีชมพูอันนั้น เธอก็มองเห็นว่าร่างสูงใหญ่กำลังรื้อค้นอยู่ด้านหน้าตู้เสื้อผ้าของลูกสาว

“แด๊ดดี้……”

รินจังมองเห็นแด๊ดดี้แล้ว จึงเรียกออกมาอย่างเสียงหวานทันที

แสนรักที่อยู่ด้านในจึงหันหน้ามา ดวงตาของเขาจึงมองเห็นแม่ลูกทั้งสองเข้ามา

“พี่ชาย ยังหาไม่เจออีกเหรอ ต้องขอโทษด้วย เสื้อผ้าเหล่านี้วันนี้พึ่งจะย้ายเข้ามา ยังไม่ทันได้จัดเก็บให้เป็นระเบียบ เละเทะไปหน่อยใช่ไหม”

เส้นหมี่เอาลูกสาววางลง มองเห็นชายหนุ่มกำลังขมวดคิ้วอย่างหนักยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า จึงรีบอธิบายออกมา

แต่เมื่อคำพูดนี้พูดออกมา เขาจงปล่อยวางลง หลังจากนั้นก็ถอยออกมาอยู่ด้านข้างอย่างเย็นชา

เส้นหมี่:“……”

กำลังจะไปหาด้วยตัวเอง ทันใดหูของเธอก็ได้ยินน้ำเสียงที่พูดออกมาอย่างถากถางหนึ่งประโยค:“ความจริงแล้วคุณไม่ต้องทำถึงขนาดนี้หรอก ใช้เด็กๆเป็นเครื่องมือในการรั้งผมเอาไว้ ไม่มีประโยชน์สักนิด”

“อะไรนะ”

เส้นหมี่ที่เดินมาถึงหน้าตู้เสื้อผ้า ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างขึ้นมาแล้วมองไปที่เขา

“ใช้เด็กๆเป็นเครื่องมืออะไรล่ะ คุณกำลังพูดอะไร”

“หรือว่าไม่ใช่งั้นเหรอ คุณให้ชินจังตั้งใจสาดน้ำลงบนร่างกายของลูกสาว ถ่วงผมเอาไว้ ผมพูดผิดเหรอ”

“……”

“งั้นต่อไปจะทำอะไร ถึงเวลาที่คุณจะออกโรงเองแล้วหรือเปล่า หาข้ออ้างต่อสิ หรือว่าจะทำเป็นเข้ามากอดรัดผมอย่างนั้นเหรอ”

นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย