บทที่ 2015 – จับสัตว์อสูรปราณจิต
โฮกกกก โฮกกกก!!
อสูรร้ายโมโห แทนที่มันจะถอยหลัง มันกลับรีบก้าวเข้าโจมตีชิงสุ่ยอีกครั้ง ชิงสุ่ยจึงปลดปล่อยตราประทับพุทธองค์ผ่านมือทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยิงตรงไปยังสัตว์อสูรร้ายที่อยู่ตรงหน้า
ปังงงง!!
สัตว์อสูรถึงกับหยุดนิ่งถูกสะกดจนดวงตาไร้ชีวิตชีวา ทางฝั่งของเจ้าอสูรสยบมังกรก็รีบใช้โอกาสปลดปล่อยกรงเล็บ เชือดเฉือนร่างกายของศัตรู
แกว๊กกก!!
ชิงสุ่ยดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ กรงเล็บที่สะบั้นศัตรูมานับไม่ถ้วน ไม่สามารถเจาะทะลวงผิวหนังศัตรูได้
ส่วนที่ทรงพลังที่สุดของอสูรสยบมังกรก็คือกรงเล็บ คมเขี้ยว และเขา ในตอนแรกชิงสุ่ยกลัวว่ากรงเล็บของเจ้าอสูรสยบมังกรจะลงมือรุนแรงเกินไปจนพลาดพลั้งสังหารสัตว์อสูรที่อยู่ตรงหน้า เขาจึงตั้งใจว่าทันทีที่มันโจมตีศัตรู เขาก็จะเริ่มทำการรักษา แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่า กรงเล็บของเจ้าอสูรสยบมังกรจะทำได้เพียงแค่บาดแผลตื้นๆ เหมือนผิวหนังถลอกไม่มีแม้แต่รอยเลือด
แต่ถ้าหากชิงสุ่ยปล่อยให้อสูรสยบมังกรใช้เขาที่แข็งแกร่งของมันเจาะทะลวงลำคอของสัตว์อสูรที่อยู่ตรงหน้า เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าเขาของเจ้าอสูรสยบมังกรจะต้องแทงทะลุลำคอได้อย่างไม่มีปัญหา
ชิงสุ่ยพยายามทดสอบทักษะเคล็ดวิชาพุทธองค์สรรพสิ่งทั้ง 3 ที่พึ่งได้รับ แล้วมันยิ่งทำให้เขาตระหนักถึงประโยชน์มหาศาล นอกจากนี้มันยังเหมือนเครื่องมือที่กระตุ้นความโกรธของอสูรที่อยู่ตรงหน้าให้โกรธมากขึ้นกว่าเดิม และพยายามอย่างหนักเพื่อโจมตีเจ้าอสูรสยบมังกร
ปังงงง!! อสูรสยบมังกรถูกโจมตีจนกระเด็นถอยหลังเหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่ ปลิ้วลอยกลับไปโดยไม่มีโอกาสที่จะได้โต้กลับ
อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก เพราะตัวของอสูรสยบมังกรมีพลังป้องกันที่สูงส่งไม่ได้ไปกว่าสัตว์อสูรที่อยู่ตรงหน้าเลย
และแล้วมันก็ถึงเวลา
ทักษะล่าสังหาร!!
ปราณจักรพรรดิ!!
เพียงชั่วพริบตา ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรก็ไม่ได้สง่างามเหนือสัตว์อสูรตัวอื่นอีกต่อไปแล้ว ความแข็งแกร่งของมันลดลงทันทีเกือบ 50 ส่วน กลายเป็นว่าสัตว์อสูรที่อยู่ตรงหน้ามีพลังอ่อนแอยิ่งกว่าหญิงสาวทั้งสองคนที่อยู่ด้านข้างชิงสุ่ยไปในทันที แต่สิ่งที่มันสูญเสียมากที่สุดก็คงเป็นความเร็วในการเคลื่อนที่
หญิงสาวทั้งสองคนยังคงพูดไม่ออก อสูรที่เคยแข็งแกร่งกว่าพวกเธอปัจจุบันกลายเป็นเพียงอสูรที่อ่อนแอ พวกเธอจึงได้แต่คิดว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“ข้ารู้ว่าเจ้าเข้าใจคำพูดของข้า เอาอย่างนี้แล้วกัน จงมาเป็นผู้ติดตามของข้า”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
โฮกกกก โฮกกกกก!!
อสูรร้ายโมโหโทสะ ชิงสุ่ยจึงทำการปลดปล่อยทักษะฝ่ามือกระชากมังกร และยังปลดปล่อยภูเขา 9 เทวา หลังจากดูดซับพลังของแสงขุมปราณพุทธองค์ พลังของภูเขาเก้าเทวาก็ก้าวกระโดดไปถึง 7 หมื่นล้านเต๋า
ถึงจะเป็นพลังของภูเขา 9 เทวา มันกลับทำได้เพียงแค่ผลักให้อสูรต้องถอยหลัง
ส่วนหญิงสาวทั้งสองคนที่มองเห็นภูเขา 9 เทวา พวกเธอรู้ทันทีว่าถ้าหากต้องต่อสู้กับชิงสุ่ย พวกเธอคงพ่ายแพ้โดยพลัน
ชิงสุ่ยหยิบผลอสูรบรรพกาลและปลารสเลิศที่อยู่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะออกมา
“เพียงแค่ติดตามข้า ข้าไม่เพียงแต่จะช่วยให้เจ้าทรงพลังมากขึ้น แต่เจ้าจะได้เพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศ รวมถึงสาวงาม ขอโทษ ข้าลืมตัว รวมไปถึงอสูรตัวเมียที่งดงามให้กับเจ้า”ชิงสุ่ยยังคงใช้คำพูดเกลี้ยกล่อม
หญิงสาวทั้งสองคนคิดไม่ถึงเลยว่าชายที่มีความสามารถขนาดนี้ ยังจำเป็นต้องโกหกเพื่อหลอกอสูร แต่ในใจของพวกเธอ พวกเธอเองก็คงทำแบบเดียวกัน แต่น่าเสียดายที่ความสามารถของพวกเธอมีไม่มากพอ
และดูเหมือนว่าอาหารที่ชิงสุ่ยนำมาหลอกล่อค่อนข้างจะได้ผล ตัวของสัตว์อสูรน้ำลายไหลอาบแก้มหยดลงที่พื้น
เขาต้องการให้สัตว์อสูรกินยาเสริมอสูรศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวมันเอง เขาไม่อยากบังคับมัน ขั้นแรกเขาจึงโยนปลาให้กับสัตว์อสูร และมันก็เข้ามากินปลาอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยมองด้วยสายตาตื่นเต้น
ท่าทางของสัตว์อสูรไม่ต่างจากเด็กที่พึ่งได้ของเล่น และเหตุผลที่เขามีความสุขก็เพราะเขามองเห็นจุดอ่อนของมัน
“เป็นอย่างไรบ้าง? ถ้ายอมติดตามข้า ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายเจ้า เจ้าเองก็คงเห็นแล้วว่าเจ้าไม่มีความสามารถพอจะท้าทายข้า เจ้าจะมีสูญเสียสิ่งใดทั้งสิ้น มนุษย์มีชีวิตค่อนข้างสั้น หลังจากที่เจ้าติดตามข้าแค่เพียงไม่กี่ร้อยปี เสรีภาพก็จะกลับคืนสู่มือของเจ้า”
“ยิ่งเจ้าติดตามข้า เจ้าจะมีอาหารอร่อยให้กินตราบเท่าที่เจ้าต้องการ “
“ข้ายังมียาที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเจ้าอย่างน้อย 2 เท่าตัว”
……………
ชิงสุ่ยนำยาเม็ดโชคชะตาทอง และผลอสูรบรรพกาลออกมาเพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้กับสัตว์อสูร
การที่ยังคงอยู่ในดินแดนปราณเรียกได้ว่าทุกส่วนอาจจะพบเจอสัตว์อสูรระดับนี้ได้ทุกหนแห่ง ฉะนั้นการเพิ่มพูนพละกำลังให้กับสัตว์อสูรคือสิ่งสำคัญ เขากลัวว่าตัวเขาเองอาจจะดูแลพวกมันได้ไม่ทั่วถึง
หลังจากกินยาเข้าไป สัตว์อสูรก็เริ่มร้องคำรามร่างกายขยายใหญ่เพิ่มไปอีก 1 ใน 3 ส่วน ชิงสุ่ยเผยรอยยิ้มที่แสนภูมิใจ และจากพลังในการรับรู้เขาเชื่อมั่นว่าพลังของมันน่าจะก้าวขึ้นสู่ระดับ 5 หมื่นล้านเต่า
เนื่องจากข้อมูลที่ได้รับในดินแดนยุพราชอมตะ ดูเหมือนตัวนี้จะเป็นจักรพรรดิกิเลนไฟ ชิงสุ่ยจึงตั้งชื่อมันด้วยคำพูดสั้นๆว่าเจ้าเลน
“พวกเรายังไม่ได้เข้าไปสำรวจถ้ำเลย”ชิงสุ่ยเกือบลืมจุดประสงค์การมาถ้ำครั้งนี้
ขณะที่เขากล่าว หญิงสาวทั้งสองคนก็มองเข้าไปในถ้ำด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้ภายในตัวถ้ำไม่หลงเหลือ กลิ่นอายสังหารอีกต่อไปแล้ว
ทางเข้าของถ้ำมีลักษณะเป็นเส้นวงกลม ปากทางเข้าตลบอบอวลไปด้วยฝุ่น แต่ตัวถ้ำค่อนข้างสะอาด เมื่อสำรวจตัวถ้ำดีๆแล้วจะพบว่า ตัวของท่านสร้างขึ้นจากหยก โดยมีเสาขนาดใหญ่คอยค้ำยันตัวถ้ำเอาไว้
เสาแต่ละเส้นมีขนาดหนาและใหญ่ จากสายตาของชิงสุ่ย เขาคาดคะเนขนาดของมันว่าจะต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 10 เมตร
“สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเลย”อวี้ซีหยวนกล่าวหลังจากเดินเข้าไปข้างในได้สักพักใหญ่
“หรือว่าที่แห่งนี้จะเป็นเพียงที่อยู่ของเจ้าเลน?”
“แต่ข้าเชื่อว่า สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์”เป่ยหมิงเสวี่ยกล่าวขณะที่สายตาของเธอยังคงจดจ่ออยู่กับสภาพแวดล้อม
ชิงสุ่ยเองก็เห็นด้วยกับความคิดของเธอ และถ้าหากถ้ำแห่งนี้สร้างขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ แสดงว่ามันจะต้องเคยมีคนอาศัยอยู่มาก่อน แล้วมนุษย์ผู้นั้นกับเจ้าเลนมีความสัมพันธ์กันในรูปแบบใด?
“หืม เหมือนจะมีคนอยู่ข้างหน้า”ชิงสุ่ยกล่าว
หัวใจของหญิงสาวทั้งสองคนเริ่มสั่นระรัว ต่อให้พวกเธอแข็งแกร่งพวกเธอก็ยังเป็นเพียงแค่หญิงสาว ผนวกกับอสูรที่คอยปิดกั้นเส้นทางก็ไม่ใช่อสูรระดับธรรมดา พวกเธอจึงรู้สึกเกรงกลัว
แต่เมื่อเห็นร่างของมนุษย์ ความหวาดกลัวก็พลันสลายหายไปทันที เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้าเป็นเพียงโครงกระดูกสวมชุดเกราะ ยืนนิ่งอยู่กับที่ในมือถือขวานยักษ์ส่องประกายแสงแวววาว