มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 678
ในพิภพระดับล่าง แดนนิรันกาลที่ว่า เป็นแดนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ในพิภพระดับกลางขึ้นไป เป็นเพียงเทพมาร เทพมารธรรมดาทั่วไปเท่านั้น

เหนือเทพมาร เทพมารยังมีที่แข็งแกร่งกว่าอย่าง เทพฟ้า ราชาเทพ มกุฎเทพ……

ดังนั้นถึงบอกว่า อัจฉริยะที่พบได้ยากในหมื่นปีในโลกแสดงดาว บางที่มีความเป็นไปได้มากว่าจะสามารถฝึกตนจนถึงแดนนิรันกาลและกลายเป็นเทพมาร เทพมารแต่ความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นเทพฟ้า ราชาเทพ กลับแทบจะเป็นศูนย์ น้อยเอาเสียมาก ๆ

หนทางแห่งการฝึกยุทธ์นั้นยาวไกลไร้ขีดสุด อาจมีอัจฉริยะบางคนที่ส่องประกายแวววาว แต่ท้ายที่สุดก็เป็นเพียงแค่อัจฉริยะ ตามิใช่ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง พรสวรรค์ของพวกเขาก็ใช่ว่าจะรักษาเอาไว้ตลอดไปได้ บางทีอีกสักสิบปี ก็อาจจะไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา หรืออาจเกิดอุบัติเหตุบางประการ จนดับสิ้นชีวิตไป

เทพฟ้า ราชาเทพที่อยู่ในพิภพระดับสูงเหล่านั้น ต่างก็เกิดจากการผ่านวันเวลามาอย่างไม่รู้จบ ในพิภพระดับร่างหมื่นปีจะปรากฏเทพมาร เทพมารอยู่หนึ่งครั้ง พิภพระดับกลางแสนปีถึงจะเกิดเทพฟ้าขึ้นมาหนึ่งคน

“การทดสอบของดินแดนศักดิ์สิทธิ์พึ่งจะเริ่มขึ้น จะมีคุณสมบัติพอให้ข้าแนะนำให้กับเบื้องบนหรือไม่ ยังต้องดูว่าเขามีความสามารถเช่นนั้นหรือเปล่า” สตรีชุดม่วงกล่าวออกมาอย่างเรียบ ๆ และไม่ได้ชายตามองซิงหลิงที่กำลังทะลวงด่านอยู่ในหอคอยสุดหล้าอีกเลย

สำหรับผู้ที่มีชีวิตมาเป็นเวลานานอย่างนางแล้ว อัจฉริยะที่อายุยี่สิบกว่าถึงได้ตระหนักรู้กฎ นางได้เห็นมานับไม่ถ้วน แม้กระทั่งว่าตัวนางเองก็เป็นอัจฉริยะแบบนี้เช่นเดียวกัน

แต่เมื่อหันกลับไปดู ผู้คนที่โดดเด่นเช่นนั้น ต่างก็ดับสูญไป ตกต่ำไปในช่วงเวลาของการเติบโต มีเพียงตัวนาง ที่เดินมาถึงขั้นนี้

……

หลังจากกลับมาที่พักของตนเอง หลัวซิวก็ตัดขาดกระแสสัมผัสทุกอย่างกับด้านนอก

ในตัวหยั่งรู้ของเขามีความล้ำลึกของตัวสำนึกกลายรูปปรากฏขึ้นมาอยู่ไม่ขาดสาย แม้กระทั่งเขายังค้นพบว่า พลังแห่งกฎสามารถผสานเข้าไปในการโจมตีทางวิญญาณ

การฝึกยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นกลั่นวิญญาณหรือกลั่นร่าง สุดท้ายแล้วก็เป็นการฝึกฝนตัวของจอมยุทธ์เอง ล้วนมีจุดหมายเดียวกัน

นอกจากนี้แล้วไม่ว่าจะเป็นนักยุทธ์ที่ฝึกกลั่นวิญญาณหรือกลั่นร่าง เมื่อถึงแดนที่แน่นอนแล้ว ล้วนกำหนดว่าจะต้องตระหนักรู้กฎ

พลังแห่งกฎชุบร่างเนื้อ สามารถชุบร่างเนื้อให้แข็งแกร่งขึ้นได้ และทุกการโจมตี สามารถผสานพลังแห่งกฎเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งได้

และการโจมตีทางวิญญาณ ก็เป็นเช่นนี้ ถ้าหากผสานพลังแห่งกฎและตัวสำนึกเข้าด้วยกันได้ เช่นนั้นในตอนที่แสดงการโจมตีทางวิญญาณออกมา ก็จะได้รับการหนุนจากพลังแห่งกฎเช่นเดียวกัน

การค้นพบนี้ ทำให้หลัวซิวตื่นเต้นดีใจเป็นพิเศษ!

เขาเชื่อว่าหากเขาสามารถรู้และเข้าใจวิธีเช่นนี้ได้ อานุภาพพลังก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่า จะต้องก้าวรุดเดินหน้าอย่างรวดเร็วอีกครั้งแน่นอน

ใช้กฎความตายขับเคลื่อนการโจมตีวิญญาณ อานุภาพจักต้องเพิ่มขึ้นมาหลายเท่า ส่วนกฎชีวิตสามารถนำมาปกป้องตัวหยั่งรู้ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันหรือฟื้นฟูพลัง ล้วนสามารถเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

ทันใดนั้น หลัวซิวค่อย ๆ ยกมือขึ้น รอบกายของเขา เพลิงมรณะสีดำรวมตัวกันขึ้นมาที่ฝ่ามือของเขา

เห็นเพียงสายตาของเขาเคร่งขรึมขึ้นมา และซัดฝ่ามือออกไปหนึ่งครั้ง ช่องอากาศที่อยู่ตรงหน้าถูกฝ่ามือของเขาซัดเป็นรอยแตกระแหง

เขาไม่ได้ลงมือต่ออีก ดวงตาทั้งสองข้างกลับกลายเป็นสีดำสนิทขึ้นมาทันที ช่องอากาศที่แตกระแหงอยู่แล้ว ก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยง ๆ ทันที กลายเป็นช่องสุญญากาศสีดำยาวหนึ่งเมตร

“การโจมตีด้วยพลังแห่งกฎที่ขับเคลื่อนด้วยตัวสำนึก ร้ายกาจกว่าการโจมตีโดยปกติของข้ามากนัก!” เมื่อหลัวซิวเห็นภาพตรงหน้า สายตาก็เป็นประกายขึ้นมา มีท่าทางดีอกดีใจ

ร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเขาในตอนนี้อยู่ในระดับร่างยุทธ์แดนมกุฎช่วงปลายเท่านั้น เนื่องจากการฝึกฝนโดยกฎการเวียนว่ายตายเกิด จึงสามารถทัดเทียมได้กับร่างยุทธ์แดนมหายุทธ์

ส่วนผลการฝึกตนด้านพลังจิตแท้ของเขานั้นยิ่งต่ำไปอีก พึ่งจะอยู่ในแดนมกุฎยุทธ์ขั้นหนึ่ง