ยาดาบ

หลังจากผ่านไปหลายวัน โจวเหวินที่ฝึกดาบกับเชดี้เรื่อยๆ เขาอยากจะฝึกวิชาทั้ง3000กระบวนท่าดาบให้หมดเพื่อที่ว่าจะได้ดูว่าวิชาดาบไหนที่เหมาะกับการพัฒนายาลมปราณที่สุด และบางทีวิญญาณชีวิตยาลมปราณอาจจะพัฒนาไปเลยก็ได้

เฟิงชิวเยี่นเองที่ไม่ได้ฝึกดาบในช่วงพักฟื้น2-3วันนี้ก็มาดูการฝึกซ้อมของโจวเหวินกับเชดี้ทุกวัน

จากตกใจในตอนแรก สู่ความเฉยชาในตอนสุดท้าย ตอนนี้เชดี้ไม่ได้คิดอะไรมากแล้ว เธอแค่รู้สึกว่าต้องสู้กับโจวเหวินแบบทุ่มสุดใจ ใช้พลังของดวงตาโอดินเก็บข้อมูลการต่อสู้ของโจวเหวินมาให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้

เธอไม่ได้คิดอยากจะฝึกวิชาดาบมากมายแบบที่โจวเหวินทำหรอก แต่ถ้าเธอสามารถนำไปปรับใช้กับวิชาดาบของเธอได้ละก็เธอก็จะพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วเหมือนกัน

เอาจริงๆ เชดี้เองก็พัฒนาไประหว่างที่ฝึกด้วย ในตอนที่สู้กับโจวเหวินอยู่นั้น เธอเองก็พยายามปรับวิชาดาบของเธออยู่เรื่อยๆ

บางทีเธออาจจะยังไม่รู้ตัวแต่เพราะว่าเธอมาฝึกกับโจวเหวินทำให้วิชาดาบที่เธอกำลังฝึกอยู่ก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกัน

โจวเหวินใช้วิชาดาบ13กระบวนท่าในการลองพัฒนาวิญญาณชีวิตแล้ว แต่ดูว่าความเข้าใจในจิตแห่งดาบของโจวเหวินนั้นยังไม่พอทำให้ยาลมปราณนั้นไม่มีทีท่าจะพัฒนาเลย

โจวเหวินเองก็ไม่ได้รีบ ค่อยๆฝึกไปเรื่อยๆ จนในที่สุดโจวเหวินก็ได้สำเร็จจิตดาบ(เจตจำนงแห่งดาบ)ทั้ง3000 ในตอนที่เขาใช้จิตดาบสุดท้ายสำเร็จนั้น โจวเหวินยืนถือดาบแล้วนิ่งไป

เชดี้พอเห็นโจวเหวินเป็นแบบนั้นจึงพุ่งเข้ามาแทงโจวเหวินด้วยดาบในมือ แต่ก่อนที่ดาบจะแทงเข้าร่างไปนั้น เชดี้กลับพบว่าดาบนั้นแทงไม่เข้า โจวเหวินยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แต่ทั้งร่างกายของเขานั้นปลดปล่อยปราญดาบจำนวนมหาศาลออกมา

จิตแห่งดาบรอบนี้มันต่างจากจิตดาบก่อนหน้านี้ ปรกติที่โจวเหวินใช้นั้นส่วนมากจะเป็นวิชาดาบที่มีเจตจำนงที่ชัดเจน แข็ง อ่อน บุก รับ ช้า เร็ว ด้อย สูง แต่ละจิตดาบนั้นจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

แต่จิตดาบที่โจวเหวินปลดปล่อยออกมาตอนนี้มันต่างออกไปอย่างชัดเจน เชดี้เองก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าจิตดาบของโจวเหวินในตอนนี้มันคืออะไร แต่เธอรู้สึกได้ว่า ตอนนี้มีจิตดาบนับไม่ถ้วนไหลเวียนอยู่ในร่างของโจวเหวิน ไม่ว่าเธอจะฟันจะแทงยังไงเธอก็เหมือนกับว่าจะโดนสวนดอกเดียวตายไปซะทั้งหมด ถึงเธอจะถอยหลัง เธอก็จะโดนรุกเข้าใส่อยู่ดี จะเดินหน้าก็ไม่ได้ถอยก็ไม่ได้ ถ้าขยับแม้แต่นิดเดียวโจวเหวินจะโจมตีทันที

ฮรุ้ม!!

เสียงระเบิดพลังออกมาจากร่างกายของโจวเหวินแต่ดาบซ้อมในมือของเขานั้นมันแตกไปแล้ว

พลังของดาบที่ไหลเวียนอยู่นั้นยังคงอยู่ ถึงแม้จะไม่มีดาบก็ตาม เหมือนกับว่าดาบทั้งหมดนั้นอยู่ในร่างกายของโจวเหวิน และตัวของโจวเหวินกลายเป็นคลังแสงที่หลอมรวมดาบทั้งหมดในโลกนี้เอาไว้

โจวเหวินดีใจมาก เพราะในที่สุดยาลมปราณของเขาก็เลื่อนขั้นไปเป็นขั้นพัฒนาแล้ว ลมปราณของเขาบริสุทธ์ขึ้น ดูโล่งมากขึ้น แต่ยาลมปราณกลับยังไม่กลายเป็นดาบ มันยังคงเป็นรูปแบบยาเม็ดเหมือนเดิม

แต่ภายในยาเม็ดนั้น มีดาบอยู่เต็มไปหมด

หลังงจากที่วิญญาณชีวิตพัฒนาสมบูรณ์แล้ว พลังปราณดาบที่อยู่รอบตัวของโจวเหวินก็หายไปพร้อมๆกับจิตดาบนับไม่ถ้วน

เชดี้เหงื่อท่วมตัว ตอนที่ปราณดาบหายไปขาของเธออ่อนลงแล้วนั่งลงกับพื้นทันทีพร้อมหอบหายใจอย่างหนัก

เฟิงชิวเยี่ยนที่ดูการฝึกอยู่นั้นเองก็ปาดเหงื่อบนหัวเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ปะทะเข้ากับปราณดาบตรงๆแบบเดียวกับที่เชดี้เจอ แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของจิตดาบโจวเหวินเหมือนกัน

“โทษทีนะ ไหวไหม”โจวเหวินถามแล้วมองเชดี้ที่นั่งทรุดอยู่กับพื้น

เชดี้ส่ายหัวเล็กน้อย แต่สีหน้าของเธอยังคงยิ้ม “โค้ช อย่าขอโทษเลยค่ะ ฉันตั่งหากที่ต้องขอบคุณโค้ช ถ้าไม่ได้การฝึก ฉันเองก็คงหาวิถีดาบของตัวเองไม่ได้แน่ๆ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ”

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”โจวเหวินหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วมองไปที่วิญญาณชีวิต

ยาดาบ ขั้นพัฒนา สวรรค์และโลกาต่างเป็นเตาหลอม ลมปราณคือดาบ เม็ดยาคือศูนย์รวมดาบทั้ง3000

“ทีนี้ละขั้นสุดท้าย”โจวเหวินคิด

ยาดาบสำเร็จแล้ว โจวเหวินไม่จำเป็นต้องฝึกดาบอีกต่อไปแล้ว เขายังไม่ได้คิดเลยว่าจะพัฒนายาดาบต่อยังไงดี โจวเหวินเลยทำได้แค่ดูดซับผลึกกลมปราณต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้ยาลมปราณค่อยๆพัฒนา ให้มันได้สกัดพลังงานลมปราณรอโอกาสที่จะได้ขึ้นเป็นขั้นสมบูรณ์

วิญญาณชีวิตเนตรกระจกก็เช่นกัน หลังจากที่พัฒนามันอยู่นาน มันก็ได้เลื่อนขั้นเป็นขั้นพัฒนาเช่นกัน

หลังจากเลื่อนขั้นแล้ว เนตรกระจกก็แข็งแกร่งขึ้นแถมชื่อยังเปลี่ยนอีกด้วย

เนตรมรดก (ขั้นพัฒนา) ดวงตามรดกจากเทพปีศาจ

เนตรมรดกนั้นสืบทอดพลังของเนตรกระจกมาทั้งหมด ในขณะเดียวกันมันก็มีความสามารถเพิ่มขึ้นมาด้วย คือโจวเหวินสามารถสแกนร่างกายของสิ่งมีชีวิตต่างมิติ จากนั้นเขาก็สามารถกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติตัวนั้นได้

การแปลงร่างเป็นสิ่งมีชีวิตตัวนั้น ไม่ใช่แค่ภาพลวงตา แต่มันคือการก๊อปปี้ไปเลยมากกว่า ยกตัวอย่างเช่นถ้าโจวเหวินสแกนมังกรเทียน หลังจากแปลงร่างแล้ว โจวเหวินจะมีร่างกายเหมือนมังกรเทียน และสามารถใช้สกิลได้แบบมังกรเทียนทุกอย่าง ทั้งความสามารถและดวงตากระจกของมังกรเทียน

มันเป็นความสามารถที่แข็งแกร่งและน่ากลัวมาก แต่มันมีปัญหาตรงที่การใช้ความสามารถของเนตรมรดกนี้ มันกินเวลาและพลังงานอย่างมหาศาล แค่การแสกนร่างกายของมังกรเทียนก็กินเวลาสุดๆแล้ว การแปลงร่างยิ่งต้องใช้ลมปราณมากเข้าไปใหญ่ และต้องใช้ลมปราณอีกมหาศาลในการคงร่างมังกรเทียนนั้นไว้ด้วย

ถ้านับแค่พลังลมปราณของโจวเหวินในตอนนี้ แค่สแกนกับแปลงร่างเป็นมังกรเทียนยังทำไม่ได้เลย ตอนนี้มากสุดเขาก็ทำได้แค่แปลงร่างเป็นระดับมหากาพย์ไม่ก็ระดับที่ต่ำกว่าได้พักเดียวเท่านั้น และต้องใช้เวลาในการแสกนนานมากด้วย

“ถ้าเกิดใช้วิญญาณชีวิตฆาตกรกับเนตรมรดกได้นะ ถ้ามีลมปราณไร้ขีดจำกัดละก็ จะแสกนสิ่งมีชีวิตต่างมิติเก่งๆ แล้วก็จะไม่มีใครต้านทานได้”โจวเหวินคิด

แต่น่าเสียดาบที่มันไม่มีทางทำได้ วิญญาณชีวิตนั้นจะใช้ได้ต่อเมื่อใช้วิชาลมปราณแบบเดียวกันอยู่เท่านั้น การแปลงร่างจะหายไปทันทีที่เปลี่ยนวิญญาณชีวิต

“เราสามารถใช้วิญญาณชีวิต2แบบพร้อมๆกันได้ไหมนะ”โจวเหวินคิด แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้

ถ้าเกิดอยากจะใช้วิญญาณอื่นปรกติแล้ว โจวเหวินจะต้องเปลี่ยนวิชาลมปราณ ซึ่งปรกติแล้วมันไม่มีทางเปิดใช้วิชาลมปราณที่ต่างกันพร้อมๆกันได้

“จะว่าไปแล้ว มันเป็นไปได้ไหมนะที่จะใช้วิชาลมปราณ2อย่างที่คล้ายๆกันพร้อมกัน”โจวเหวินลองดูในเกมส์แต่ก็ล้มเหลว

การบังคับเปิดใช้วิชาลมปราณ2อย่างพร้อมๆกันนั้นก็เหมือนกับคนธรรมดา มันจะทำให้เกิดความขัดแย่งภายในและทำลายร่างกายของโจวเหวินทั้งหมดทันที

“ดูเหมือนว่าจะต้องรอให้เป็นระดับเร้นลับก่อนซินะถึงจะลองดูได้ว่ามันทำได้ไหม”โจวเหวินยอมแพ้กับความคิดที่จะใช้วิชาลมปราณหลายวิชาพร้อมกัน

เวลาผ่านไปเรื่อยๆตั้งแต่ที่โจวเหวินฝึก และมันก็ถึงเวลาที่เขาตกลงไว้กับจักรพรรดินี