ตอนที่ 828 สุดจึงเปลี่ยน
คืนนั้นหลินสวินสังหารราชันกึ่งระดับสี่คนอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็จากไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนชนะอย่างงดงาม แต่ความจริงแล้วสิ้นเปลืองพลังเขามากนัก
เพียงแต่เขายังไม่ทันได้ฟื้นฟูพลังกาย ก็ถูกสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันอย่างโก่วหยางป๋อและโก่วหยางทงตามฆ่า จึงต้องหนีตายโดยพลัน
ยานขนส่งอวกาศถูกเขาเร่งจนถึงขีดสุด ยังดีที่สมบัติอริยะที่ไม่สมบูรณ์ชิ้นนี้แม้ต้องใช้แกนวิญญาณจำนวนมาก แต่นำมาใช้หนีเอาชีวิตรอดกลับเป็นอาวุธล้ำเลิศชั้นหนึ่ง
ระหว่างทางเป็นเพราะอาศัยยานขนส่งอวกาศ ทำให้หลินสวินหลบเคราะห์สังหารถึงชีวิตได้ไม่รู้กี่ครั้ง พูดได้อย่างแท้จริงว่าเป็นการรอดตายอย่างหวุดหวิด
ทว่าแม้จะโชคดีหนีรอดมาถึงตอนนี้ แต่เขากลับได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังขับเคลื่อนภายในกายเริ่มแปรปรวน มีเค้าลางจะพังทลายอยู่กลายๆ
นี่ก็คือความน่ากลัวของสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชัน แม้พวกเขาไม่อาจปลิดชีพหลินสวินได้ในเวลาอันสั้น แต่ทุกครั้งที่ลงมือกลับทำร้ายหลินสวินอย่างหนักหน่วงยิ่ง
หากไม่มียานขนส่งอวกาศป้องกันไว้ ก็คงสิ้นชื่อไม่รู้กี่ครั้งไปนานแล้ว
เวลานี้หลินสวินเลือดไหลไปทั้งกาย ผิวหนังเริ่มปรากฏรอยแตก สีหน้าซีดขาว ริมฝีปากยังคงมีรอยเลือดไหลออกมา ท่าทางน่าสลดนัก
และก็เพราะได้อมฤตแกนสุวรรณช่วยไว้ ถึงทำให้เขาฝืนทนมาถึงตอนนี้ ยังคงมีพลังและต้นทุนที่จะหนีเอาชีวิตรอดได้
สวบ!
ยานขนส่งอวกาศรวดเร็วอย่างอัศจรรย์ โบยบินเหนือท้องฟ้าสูงเวิ้งว้าง หลินสวินกำลังเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ไม่กล้าผ่อนคลายแม้สักนิด
สำหรับเขา ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ยังไม่เคยเข้าตาจนขนาดนี้มาก่อน ร่างกายแทบจะแหลกสลายแล้ว
โครม!
คลื่นน่าหวาดหวั่นมาเยือนอีกครั้ง กดทับอย่างรุนแรง
แม้หลินสวินเคลื่อนยานขนส่งอวกาศหลบหนีอย่างเต็มกำลังก็ยังคงได้รับผลกระทบดังเดิม ยานสำเภาทั้งลำส่งเสียงโครมครามจนหูแทบดับราวถูกคีรีเทพกระแทกเข้าอย่างจัง
หลินสวินกระอักเลือดอย่างรุนแรง อีกทั้งภาพข้างหน้าก็มืดลง เลือดพุ่งออกมาจากร่างกายทุกกระเบียดนิ้ว กระดูกถูกโคลงจนแตกไปไม่รู้กี่ซี่ แทบจะสลบไปทันที
อึกๆ!
เขากรอกอมฤตแกนสุวรรณในขวดหยกอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็กัดฟันบังคับยานขนส่งอวกาศอย่างเต็มกำลังราวบ้าระห่ำ รวดเร็วกว่าเมื่อกี้นี้ไม่น้อย
ตั้งแต่ถูกตามฆ่าเมื่อคืนจนถึงตอนนี้ผ่านไปแล้วสิบกว่าชั่วยาม ตัวหลินสวินเองก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปได้ไกลแค่ไหน
แต่ว่า เวลานี้เขากลับรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าตนแทบทนไม่ไหวแล้ว!
“สู้ตาย!”
เด็กหนุ่มปลุกสติตัวเองอย่างแข็งขัน ไม่สนใจอาการบาดเจ็บทั่วร่างอีก โคจรพลังทั้งกายถึงขีดสุด
ตู้ม!
ถ้ำสวรรค์ภายในร่างของเขาส่งเสียงครึกโครม แท่นมรรคโบราณส่งเสียงกึกก้อง รัศมีเทพพวยพุ่ง กลิ่นอายพรุ่งพรวดขึ้นมากในครู่เดียว
เพียงแต่บนร่างของเขา ผิวหนังแตกระแหงปริออกเป็นดอกเลือด อาการบาดเจ็บยิ่งรุนแรงขึ้น
ทว่าตอนนี้หลินสวินไม่สนใจสิ่งเหล่านี้แล้ว หากไม่แก้ไข ใช้เวลาไม่นานเขาก็จะพังทลายลงโดยสมบูรณ์
ถึงตอนนั้นไม่ต้องให้ศัตรูลงมือ เขาก็จะเสียท่าก่อนเอง
ซ่า!
หมอกตลบอบอวลราวนิมิตมายากระจายออกมาจากตัวหลินสวิน แล้วปกคลุมไปทั่วยานขนส่งอวกาศ
ไอซวนหนี!
……
หืม?
ทันใดนั้นนัยน์ตาของโก่วหยางป๋อหรี่ลง ร่องรอยและกลิ่นอายทั้งหมดของยานขนส่งอวกาศกลับหายไปจากจิตรับรู้ของเขาในทันใด ไม่อาจเพ่งเป้าได้อีก
ประหนึ่งระเหยไปกลางอากาศ
“เกิดอะไรขึ้น”
อีกด้านหนึ่งโก่วหยางทงก็ใจสั่นขึ้นมา รับมือไม่ทันอยู่บ้าง
สวบ!
ครู่หนึ่งผ่านไป สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันทั้งสองปรากฏกายกลางห้วงอากาศในจุดที่ยานขนส่งอวกาศหายไป แล้วสัมผัสอย่างถี่ถ้วน
แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย!
นี่ทำให้สีหน้าพวกเขาอึมครึมลง
ตั้งแต่เมื่อคืนวานพวกเขาก็ตามสังหารหลินสวิน แต่กระทั่งตอนนี้กลับยังไม่สำเร็จ นี่ทำให้ใบหน้าชราของพวกเขาออกจะข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่
ตนมีฐานะเป็นบุคคลระดับราชัน อย่าว่าแต่ฆ่าเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะผู้หนึ่งเลย ต่อให้ไปฆ่าราชันกึ่งระดับก็ไม่ต่างอะไรกับเชือดหมูเชือดไก่
แต่ตอนนี้ราชันสองคนอย่างพวกเขาร่วมกันลงมือ กลับไม่สามารถจัดการหลินสวินได้ในเวลาอันสั้น หากเรื่องนี้กระจายออกไป ผู้คนในใต้หล้าจะมองพวกเขาอย่างไรกัน
เดิมทีด้วยฐานะของพวกเขา ไปสังหารหลินสวินก็ดูน่าขายหน้าพออยู่แล้ว ตอนนี้ยังเจอสถานการณ์เช่นนี้อีก ทำให้พวกเขาถูกไฟโทสะแผดเผา รู้สึกอับอายอย่างยิ่ง
“เห็นชัดว่ายานสำเภาที่เจ้าเด็กนั่นครอบครองจะต้องเป็นสมบัติอริยมรรค!”
โก่วหยางทงสายตาวาวโรจน์ เจือไปด้วยความประหลาดใจและความละโมบ
“สมบัติที่อยู่กับตัวเขาไม่ได้มีแค่ชิ้นเดียว รอฆ่าเขาได้ เจ้ากับข้าเอาศุภโชคบนตัวมันมาแบ่งกันก็พอแล้ว”
โก่วหยางป๋อสูดหายใจลึก สีหน้าเหี้ยมเกรียม “เรื่องที่เร่งด่วนคือรีบหาร่องรอยเจ้าเด็กนั่นให้เร็วที่สุด อย่าให้มันหนีไปได้เด็ดขาด!”
สวบ!
สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันสองคนออกโจมตีและตามหาอีกครั้ง
…….
หลินสวินในตอนนี้ก็เหมือนแผดเผาตัวเอง แม้พลังปราณเกรียงไกร แต่สภาพร่างกายกลับยิ่งเลวร้ายลง
เดิมทีตามที่หลินสวินคำนวณไว้ หลังจากหยั่งรู้พลังเจตจำนงแห่งมรรคธาตุน้ำ ก็จะเริ่มเตรียมบรรลุระดับกระบวนแปรจุติ
แต่การตามสังหารที่มาอย่างกะทันหันกลับทำลายแผนทั้งหมดของเขา กระทั่งทำให้เขาเกือบตาย!
ตุ้บ!
ผ่านไปหนึ่งเค่อ หลินสวินอดทนต่อไปไม่ไหวโดยสมบูรณ์แล้ว เขาแข็งใจเก็บยานขนส่งอวกาศ จากนั้นก็เคลื่อนที่ลงมาจากห้วงอากาศ เงาร่างแทรกเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำอย่างโซซัดโซเซ ในที่สุดก็ล้มลงนอนราบที่นั่นเสียงดังตุ้บ
เขาปลุกตัวเองให้มีสติอย่างแข็งขัน ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ สร้างความแข็งแรงให้ร่างกายตน
แต่การรับรู้กลับคลุมเครือรางเลือน ศึกนี้ทำให้เขาอ่อนล้าเกินไป ใช้พลังไปจนหมดสิ้น ร่างกายกำลังจะแหลกสลายถึงที่สุด อยู่ในสภาพที่พลังเหือดแห้งราวตะเกียงที่ไร้น้ำมัน
‘หลับไม่ได้ ซย่าจื้อกับเจ้าคางคกยังปิดด่านอยู่ในเจดีย์สมบัติไร้อักษร ยังไม่ตื่นขึ้นมา’
‘ยังมีซย่าเสี่ยวฉง…’
‘ยังต้องไปล้างแค้นอวิ๋นชิ่งไป๋…’
‘ยังต้องไปเสาะหามรรคา…’
‘บนภูเขาชำระจิต พวกเขาก็ยังรอให้ข้ากลับไป…’
‘ยังต้อง…’
หลินสวินพึมพำในใจ เตือนตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า
เขารู้ว่าทันทีที่ตนหลับไป ก็อาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว
ดังนั้น จะหลับไม่ได้!
‘แต่ถ้าไม่หลับแล้วอย่างไร ด้วยสภาพของเราในตอนนี้ไม่อาจฟื้นฟูในเวลาอันสั้นได้เลย และหากไม่ผิดจากที่คาด เจ้าหมาสองตัวนั่นใช้เวลาไม่นานก็จะตามทัน จุดจบเหมือนจะกำหนดไว้นานแล้ว ไม่อาจเปลี่ยนได้แล้ว…’
‘ไม่!’
‘ต้องมีชีวิตรอด!’
‘หากท่านลู่รู้ว่าข้ายอมจำนนเท่านี้ มีหรือตอนนั้นจะยังช่วยข้าไว้’
‘เจ้าจิ้งจอกเฒ่าจ้าวไท่ไหลผู้นั้นหากรู้ว่าข้าก้มหัวยอมแพ้ จะล้อว่าข้าไปสมรภูมิกระหายเลือดเสียเปล่าหรือไม่นะ’
‘นั่นสิ ในสมรภูมิกระหายเลือด ก็ทำให้ข้าเห็นความเป็นความตายจนชินตามานานแล้ว เข้าใจความหมายของการมีชีวิต เวลานี้… จะพูดว่าล้มเลิกง่ายๆ ได้อย่างไร’
‘อีกอย่าง ถ้าตายไปแล้วจะสังหารสุนัขมายาทมิฬทั่วหล้าได้อย่างไร’
‘มีชีวิตต่อไป!’
‘ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม!’
หลินสวินฝืนหยัดร่างที่เจ็บปวดแสนสาหัสไปทั้งตัว ดวงตาแดงก่ำราวหลั่งเลือด ดูดุร้ายอย่างไม่เคยมีมาก่อน
สุดจึงเปลี่ยน เปลี่ยนจึงผ่าน!
พริบตานั้นหลินสวินนึกขึ้นมาได้ว่ายังมีของอัศจรรย์และลี้ลับบางอย่างอยู่กับตัว
น้ำเต้าหลอมวิญญาณ ภายในนั้นมีเลือดหัวใจหยดหนึ่งของผู้ยิ่งใหญ่บางคนในยุคบรรพกาล ในหยดเลือดเก็บกักมรดกแก่นมรรคบางอย่าง
เพียงแต่สำหรับตอนนี้แล้ว กลับใช้การไม่ได้
เขาเดี่ยวราหู เป็นสิ่งที่เขาได้มาจากแดนวิญญาณโบราณ ลือกันว่าเป็นสิ่งที่ราชาอสูรมารราหูในยุคบรรพกาลหลงเหลือไว้ ภายในนั้นมีแผนภาพสมบัติวิชาลี้ลับแผ่นหนึ่ง
แต่ตอนนี้ก็ใช้การไม่ได้เช่นกัน
อมฤตแกนสุวรรณ สมบัตินี้แม้สามารถช่วยชีวิตคนเจ็บเจียนตาย แต่สำหรับหลินสวินที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในตอนนี้แล้ว ทำได้เพียงใช้ฟื้นฟู แต่ไม่อาจช่วยให้เขาคลี่คลายการตามสังหารตรงหน้าได้
เศษเสี้ยวเจตจำนง สิ่งนี้เป็นของประหลาดที่ได้มาจากในสุสานสมุทรฝังมรรคซึ่งอยู่ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณ ภายในประทับเศษเสี้ยวการหยั่งรู้ของผู้ยิ่งใหญ่ในยุคบรรพกาล ทำได้เพียงใช้ฝึกปราณเปิดหูเปิดตาดูมรรควิถี
หนอนกินเทพหรือ
ไม่ได้!
พวกมันยังเป็นตัวอ่อน มีพลังต่อสู้จำกัด ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันได้เลย
เจดีย์สมบัติไร้อักษรหรือ
ไม่ได้
คันธนูวิญญาณไร้แก่นสารหรือ
ไม่ได้
…….
หลายปีมานี้หลินสวินรอนแรมไปทั่วสารทิศ สะสมสมบัติอัศจรรย์ไว้กับตัวไม่น้อย เพียงแต่ในตอนนี้ ที่สามารถคลี่คลายวิกฤตตรงหน้าได้กลับน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
ท้ายที่สุดหลินสวินก็เพ่งความสนใจไปที่ ‘ห้องโถงมรรคาสวรรค์’ ในห้วงนิมิต!
สมัยอยู่ในแดนลับอสูรมารอริยะ เขาเคยรับด่านเคราะห์อสนีไร้เทียมทานที่พบได้ยากครั้งหนึ่ง
หลังจากข้ามด่านเคราะห์ ยังได้รับแผลมรรคน่าหวาดหวั่นถึงที่สุด ระหว่างทางต่อจากนั้นก็ถูกเหล่าผู้กล้าตามสังหารจนเกือบสิ้นชีพ
ในตอนนั้นก็เป็นเพราะได้เคล็ดวิชาตัดวิถีจากห้องโถงมรรคาสวรรค์ ทำให้เขาหลอมพลังเคราะห์แผลมรรคในกาย และฟื้นฟูพลังโดยสมบูรณ์
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ หลินสวินจำได้อย่างแจ่มชัดว่าตอนที่มายังแดนวิญญาณโบราณ ตนถูกห้องโถงมรรคาสวรรค์พาเคลื่อนย้ายผ่านห้วงเวลาออกมานอกจักรวรรดิจื่อเย่า!
‘คราวก่อนตอนออกจากห้องโถงมรรคาสวรรค์ เสียงลี้ลับนั้นเคยพูดว่า ทะลวงด่านครั้งหน้าต้องครอบครองพลังเจตจำนงแห่งมรรค…’
‘เพื่อคลี่คลายวิกฤตตรงหน้า อาจจะลองดูก็ได้!’
ในที่สุดหลินสวินก็กัดฟัน กลั้นลมหายใจรวบรวมสติด้วยใจสู้หัวชนฝา ใช้จิตรับรู้สัมผัสถึงห้องโถงมรรคาสวรรค์
ฮูม!
ทิวทัศน์ที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง ฟ้าดินเวิ้งว้างราวไร้ขอบเขต ทางเดินเมฆาหยกที่ตรงแน่วปูลาดกลางห้วงอากาศ
สุดทางเดินก็คือประตูลี้ลับที่ตั้งตระหง่านเทียมฟ้าบานหนึ่ง ราวกับไม่ได้เปิดออกมานานชั่วกัลป์
เพียงแต่มายืนที่นี่คราวนี้ หลินสวินกลับไม่มีความรู้สึกทอดถอนใจราวกลับมาเยือนถิ่นเก่าแล้ว
คลื่นคลุมเครือที่คุ้นเคยคลื่นหนึ่งอบอวลอย่างเงียบเชียบ กวาดไปทั่วทั้งร่างหลินสวิน ทันใดนั้นฟ้าดินบริเวณก็นั้นมีเสียงว่างเปล่าเยียบเย็นราวน้ำแข็งดังขึ้น…
“ผู้แสวงมรรค ด่านที่หกของทางเดินเมฆาหยกคือ ‘จิตขับเคลื่อน’ จะเริ่มทะลวงด่านตอนนี้หรือไม่”
หลินสวินสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า “เริ่มเถอะ!”
จะแพ้หรือชนะก็อยู่ที่การเคลื่อนไหวนี้ เขายินดีจะลองดู
ต่อให้ความหวังน้อยนิด แต่อย่างไรก็เป็นความหวังอยู่ดี ไม่ใช่หมดหวัง!
เพียงแต่…
ด่านนี้มีนามว่า ‘จิตขับเคลื่อน’ จะเกี่ยวกับการฝึกพลังจิตหรือเปล่า
หากเป็นเช่นนี้ อาจจะสามารถเก็บรักษาพลังจิตได้ส่วนหนึ่ง ละทิ้งกายเนื้อ รอเมื่อพ้นอันตรายแล้วค่อยสร้างร่างกายอีกครั้งก็ได้
แต่ก่อนหลินสวินก็เคยได้ยินว่า ในอดีตกาลก็มีผู้ฝึกปราณมากมายถอดร่าง ทำให้พลังจิตโบยบินออกมานอกกาย ท่องไปในฟ้าดิน เพียงแต่วิธีนี้อันตรายเกินไป เสียสมาธิเพียงนิดเดียวก็จะจบลงที่สลายสิ้นทั้งกายจิต
แต่สำหรับหลินสวินในตอนนี้แล้ว แม้วิธีนี้จะอันตรายกว่านี้เขาก็รับได้ ยังดีกว่าถูกศัตรูฆ่าอยู่ดี
ถึงกระนั้นที่ทำให้เขางงงวยก็คือ เขารออยู่นาน การทะลวงด่านก็ยังไม่เริ่มเสียที
หรือเป็นเพราะว่าตนได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป ไม่มีคุณสมบัติเข้าทะลวงด่าน
หลินสวินนิ่วหน้า
ก็เป็นตอนนี้เอง เสียงเยียบเย็นราวน้ำแข็งเสียงนั้นก็ดังขึ้น เพียงแต่วาจาที่กล่าวออกมากลับไม่เกี่ยวข้องกับการทะลวงด่าน ทำให้เขาเกือบคิดว่าตนได้ยินผิดไปแล้ว!
__