บทที่ 1503 ฉันสุดกู่อย่างนี้มาตลอดอยู่แล้ว / บทที่ 1504 โจมตีกลางดึก

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1503 ฉันสุดกู่อย่างนี้มาตลอดอยู่แล้ว

ถึงยังไงก็เป็นผู้ชาย ต้องถือสาเรื่องอย่างงี้แน่นอน เยี่ยหวันหวั่นเปลี่ยนเรื่อง “เมื่อวานนักเรียนจากโรงเรียนชื่อเหยียนกับโรงเรียนซิงหยางตีกันในถิ่นของพันธมิตรอู๋เว่ยเรา…”

จี้ซิวหร่านเอ่ย “งั้นเหรอ แล้วเป็นไงบ้าง?”

“ก็ต้องจับแยกน่ะสิ! ถ้าเกิดเรื่องอะไรในถิ่นฉัน จะไปคิดบัญชีกับใครล่ะ? ใช่สิ ฉันได้ยินว่า …ผอ.โรงเรียนชื่อเหยียนเก่งเรื่องสะกดจิตเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นถามหยั่งเชิง

จี้ซิวหร่านนัยน์ตาไหวระริก วางแก้วน้ำในมือแล้วมองหญิงสาว “ใช่ ผู้อำนวยการคนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ แต่หลายปีมานี้เขาเหมือนเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง[1] คนที่ติดต่อเขาได้ก็มีแต่นักเรียนระดับ SSS ไม่กี่คนของโรงเรียนชื่อเหยียนเท่านั้น”

“นักเรียนระดับ SSS…” เยี่ยหวันหวั่นอดผิดหวังไม่ได้

ฝีมืออย่างเธอจะถึงระดับ F รึเปล่ายังไม่รู้ แล้ว SSS เนี่ยนะ?

งั้นก็แสดงว่าไม่มีทางได้เจอผอ.คนนั้นเลยน่ะสิ?

“ทำไมจู่ๆ ก็สนใจเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?” จี้ซิวหร่านถาม

“อ้อ ไม่มีอะไรหรอก เบื่อๆ น่ะ! เลยถามไปเรื่อย!” เยี่ยหวันหวั่นบอกปัด

พอกินข้าวเย็นเสร็จ เยี่ยหวันหวั่นเห็นว่าดึกมากแล้ว จึงเช็คบิลแล้วกลับ

เป่ยโต่วยืนรอด้วยความร้อนใจ สุดท้ายก็เห็นทั้งสองเดินออกมาหลังกินข้าวเสร็จ

ทั้งสองเพิ่งจะออกมา เป่ยโต่วก็รีบกระซิบถามเยี่ยหวันหวั่นว่า “พี่เฟิ่ง พี่ไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม?”

“กินข้าวไง จะทำอะไรได้ล่ะ?” เยี่ยหวันหวั่นมองหน้าเขางงๆ

เป่ยโต่วเงียบ

เขาแอบมองจี้หวงแวบหนึ่ง เสื้อผ้ายังอยู่ครบจริงๆ ด้วย สีหน้าก็ดูปกติ เห็นอย่างงั้นเขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

หน้าร้านอาหาร

“ฉันไปส่งคุณแล้วกัน” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย

จี้หวงเป็นผู้ชายอกสามศอกจะให้ผู้หญิงไปส่งกลับบ้านได้ยังไงกัน?

นี่พี่กำลังใช้มุกเต๊าะสาวอยู่นะรู้ตัวไหม!

เป่ยโต่วทำท่าจะห้าม แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับพูดออกไปแล้ว

จี้หวงยิ้ม “โอเค”

เป่ยโต่วอึ้ง

เขารู้สึกไปเองรึเปล่านะ?

ทำไมรู้สึกเหมือนจี้หวงยอมพี่เฟิ่งตลอดเลย?

เยี่ยหวันหวั่นขับรถสปอร์ตที่ดูสะดุดตาคันนั้นพาจี้หวงไปส่งถึงบ้าน

พอจี้หวงลงจากรถไป เป่ยโต่วก็ตบหน้าอกแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก เขานั่งขับรถอยู่ข้างหน้าพลางบอกว่า “พี่เฟิ่ง วันนี้ผมตกใจแทบตาย โชคดีที่ไม่มีเรื่องอะไร…กลับบ้านได้ซักที…”

เยี่ยหวันหวั่นที่นั่งอยู่ข้างหลังเอามือเท้าหัว ใช้นิ้วมือเคาะหน้าผากเบาๆ แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “เป่ยโต่ว…”

“พี่เฟิ่ง ทำไมเหรอ?” เป่ยโต่วหันหลังมาหาเธอ

เยี่ยหวันหวั่นกล่าว “ยังไม่ต้องกลับ”

เป่ยโต่วเอ่ย “หา? ไม่กลับ? แล้วไปไหนล่ะ? ดึกขนาดนี้แล้ว…”

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “ไปคฤหาสน์อาชูร่า…”

เสียง “เอี๊ยด” อันแสบแก้วหูดังลั่น เป่ยโต่วขับรถซิกแซกเป็นรูปตัว “S” บนถนน

จากนั้นเสียงสบถคล้ายสติแตกของเป่ยโต่วก็ดังตามมา “ให้ตายเถอะ!”

สุดท้าย ยังคงเป็นชีซิงที่บังคับพวงมาลัยทำให้รถกลับมาวิ่งเป็นปกติ สีหน้าของทั้งสองยังคงแตกตื่นไม่หาย

ชีซิงเองก็เหมือนจะนึกไม่ถึงว่าเยี่ยหวันหวั่นเพิ่งส่งจี้หวงกลับบ้าน ตอนนี้กลับจะไปอาชูร่า

“พี่เฟิ่ง พี่ล้อเล่นรึเปล่า? เมื่อกลางวันพี่เฟิ่งจะมีเรื่องกับจี้หวงไป ตกดึกก็จะไปหานายแห่งอาชูร่า! พี่จะลอยขึ้นฟ้าไปเลยรึไง!” เป่ยโต่วสติแตก

เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “บอกให้ไปก็ไปสิ พูดมากทำไม?”

เป่ยโต่วมองเธออย่างมีความหมายแฝง “พี่เฟิ่ง…นี่พี่รู้ตัวว่าตัวเองเหลือเวลาอีกไม่นาน…ก็เลยจะใช้ชีวิตแบบสุดกู่ใช่ไหม?”

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “ฉันใช้ชีวิตสุดกู่อย่างงี้มาตลอดอยู่แล้ว ขอบใจ”

เป่ยโต่วไม่รู้จะพูดอะไร โอเค เหมือนจะเถียงไม่ออกแฮะ…

————————————————————————————-

บทที่ 1504 โจมตีกลางดึก

“แต่ว่านะพี่เฟิ่ง…ดึกขนาดนี้แล้ว…พี่คิดจะไปทำอะไรที่อาชูร่ากันแน่?” เป่ยโต่วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ

เยี่ยหวันหวั่นเท้าคาง “นายคิดว่าไงล่ะ”

ก็ต้องไปตรวจสอบผลลัพธ์อยู่แล้ว…

เป่ยโต่วเงียบ ช่างมันเถอะ เขาไม่ได้อยากรู้ซักหน่อย

……

เป่ยโต่วไม่ยอมขับรถ สุดท้ายเยี่ยหวันหวั่นก็เลยจับเขาโยนไปข้างหลัง แล้วซิ่งรถด้วยตัวเอง

“พี่เฟิ่ง! พี่เฟิ่งคิดดูให้ดีๆ นะ! พี่อยากได้ผู้ชายแบบไหนก็มีหมด ผมจะไปหาให้พี่เอง พี่อยากได้แบบไหนผมจะไปหาให้พี่หมดเลย! พี่เฟิ่งตั้งสติหน่อยเถอะ…” เป่ยโต่วกอดขาเยี่ยหวันหวั่น

บุกคฤหาสน์อาชูร่ากลางดึก เป็นการกระทำที่ไม่รักชีวิตเอาซะเลย

“พี่เฟิ่ง ทำแบบนี้ไม่เหมาะสมจริงๆ” ชีซิงบอก

เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองพวกเขาสองคน “โอเคๆ ฉันจะบอกพวกนายตรงๆ แล้วกัน คนในดวงใจฉันก็คือนายแห่งอาชูร่า เพราะงั้น ขอแค่นายแห่งอาชูร่ารักฉันก็แก้พิษกู่ได้แล้ว…ฉันทำไปก็เพื่อรักษาชีวิตไม่ใช่รึไง!”

เป่ยโต่วรีบบอก “พี่เฟิ่งอย่าเล่นอีกเลยน่า กลางวันพี่ยังส่งดอกไม้ให้จี้หวงแถมยังนัดคนอื่นเขาไปกินดินเนอร์อีก ตกดึกก็มาบอกว่านายแห่งอาชูร่าคือชายในดวงใจ ตกลงพี่มีผู้ชายในดวงใจกี่คนกันแน่?!”

เยี่ยหวันหวั่นปากกระตุก อุตส่าห์พูดความจริงแล้วก็ยังไม่มีใครเชื่ออีก?

เยี่ยหวันหวั่นใช้เวลาอยู่นานกว่าจะสลัดเป่ยโต่วกับชีซิงออกไปได้ จากนั้นก็กระโดดข้ามกำแพงเข้าไปในคฤหาสน์

ตอนมาครั้งที่แล้ว เธอสังเกตเส้นทางไว้หมดแล้ว ฉะนั้นครั้งนี้จึงหาห้องนอนของนายแห่งอาชูร่าเจออย่างราบรื่น

เยี่ยหวันหวั่นแอบเปิดหน้าต่างห้องนอนเงียบๆ จากนั้นก็กระโดดเข้าไป

ในห้องดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ สไตล์เหมือนคฤหาสน์ข้างนอก เฟอร์นิเจอร์ข้างในเรียบง่ายมาก บนหัวเตียงมีหนังสือภาษาเยอรมันวางอยู่ไม่กี่เล่ม

“ทำไมไม่มีใครเลยล่ะ…” เยี่ยหวันหวั่นพึมพำ

เวลานี้ควรเป็นเวลาเตรียมตัวเข้านอนสิ อีกอย่างไฟในห้องก็เปิดไว้นี่นา…

เยี่ยหวันหวั่นกำลังสงสัย จู่ๆ เสียงเปิดประตูก็ดังมาจากทางห้องน้ำ

เยี่ยหวันหวั่นหันไปมองโดยจิตใจ้สำนึก แล้วก็เห็นชายหนุ่มกำลังเปลือยกายท่อนบน ท่อนล่างมีแค่ผ้าขนหนูผืนหนึ่งพันไว้ เสี้ยววินาทีที่เห็นเธอ นัยน์ตาของเขาหดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด

เส้นผมของชายหนุ่มเปียกชุ่ม หยดน้ำใสๆ ไหลลู่ไปตามร่างกายที่เปลือยเปล่า…

เหตุการณ์ชวนใจเต้นที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้เยี่ยหวันหวั่นยืนอึ้งอยู่กับที่

อือ เธอนี่เลือกเวลาได้ถูกจริงๆ ไม่นึกเลยว่าจะมาตอนหนุ่มหล่ออาบน้ำเสร็จพอดี…

“ฮะๆ นายแห่งอาชูร่า เจอกันอีกแล้ว” เยี่ยหวันหวั่นทักทายพร้อมรอยยิ้มแห้งๆ ไม่ได้สำนึกเลยว่าตัวเองแอบย่องเข้ามากลางดึก

สมกับเป็นนายแห่งอาชูร่า เขาเพียงสะดุดไปเล็กน้อย ไม่นานสีหน้าก็กลับมาเป็นปกติ

“หัวหน้าไป๋มาเยือนกลางดึก ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไร” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ

เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองร่างกายของชายหนุ่มอย่างนึกเสียดาย น่าเสียดาย ร่างกายของซือเยี่ยหานไม่มีรอยแผลเป็นหรือปานที่เป็นสัญลักษณ์เฉพาะ ไม่งั้นนี่คงเป็นโอกาสดี

พอสัมผัสได้ถึงสายตาของหญิงสาวที่จับจ้องร่างกายเขาไม่ละสายตา แววตาของชายหนุ่มก็เริ่มมืดมนขึ้นเรื่อยๆ

เยี่ยหวันหวั่นได้สติ เธอเดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่วางไว้ด้านหนึ่งเอง จากนั้นก็รินน้ำชาให้ตัวเอง เอามือเท้าคางแล้วเอ่ยว่า “ก็ต้องเรื่องแก้พิษกู่อยู่แล้วสิ ไม่ทราบว่านายแห่งอาชูร่าผู้ยิ่งใหญ่พิจารณาไปถึงไหนแล้ว?”

นัยน์ตาของชายหนุ่มในตอนนี้มืดมิดยิ่งกว่าท้องฟ้ายามกลางคืนด้านนอกเสียอีก ราวกับกำลังขังอะไรบางอย่างที่น่ากลัวสุดขีดเอาไว้ในนั้น

ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเย็นว่า “ดูเหมือนความรู้สึกที่หัวหน้าไป๋มีต่อจี้หวง ก็ไม่ได้พิเศษอะไรมากมาย”

……………………………………………………….

[1] เทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง หมายถึง ไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตา