คนเฉยชารักสันโดษอย่างกูเยว่อู๋เหินไม่เพียงไม่ปฏิเสธ ซ้ำยังเอ่ยประโยคที่ค่อนข้างหยาบโลนออกมาด้วยเสียงเรียบๆ “ข้าไม่ถือสาที่จะนอนห้องเจ้า ในเมื่อต้องการเล่นให้สมบทบาท ร่วมเรียงเคียงหมอนก็ทำได้”
เยี่ยเม่ยหมดคำพูด
นางคร้านจะแปลกใจแล้ว บุรุษที่ดูเหมือนเย็นชาผู้หนึ่ง ทำไมเอะอะก็พูดคำพูดประเภทนี้ออกมา ยามนี้นางแปลกใจเสียเหลือเกิน เพราะอะไรคำพูดหยาบโลนพวกนี้ เมื่อเขาใช้น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยออกมา กลับไม่ทำให้คนรู้สึกถูกล่วงเกินเลยสักนิด
ซ้ำยังรู้สึกว่าเขาบริสุทธิ์ผุดผ่องเหลือเกิน หากนางจะคิดเล็กคิดน้อยกับเขากลับเป็นนางที่ด่างพร้อย
ช่างอำมหิตนัก!
เยี่ยเม่ยไม่ถกเถียงเรื่องนี้กับเขาต่อ ลุกขึ้นเสริมว่า “หากถึงยามจำเป็นจริงๆ เพื่อทำให้เขาถอดใจ ข้าก็ยินดีแสร้งทำเป็นร่วมเรียงเคียงหมอนกับท่าน!”
ครั้นเอ่ยจบ นางไม่รอให้กูเยว่อู๋เหินตอบกลับก็หมุนกายจากไป
กูเยว่อู๋เหินเลิกคิ้ว มองแผ่นหลังของนางเงียบๆ ไม่เคยคิดเลยว่า เพื่อทำให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยอมปล่อยมือ แม้กระทั่งเรื่องที่ไม่ใส่ใจชื่อเสียงแบบนี้ นางยังยินยอมทำ
เขาเริ่มใคร่รู้แล้วว่า เกิดอะไรขึ้นระหว่างนางกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกันแน่
เยี่ยเม่ยเดินมาถึงหน้าประตู หันกลับมองเขาทีหนึ่ง เอ่ยว่า “ข้าขอตัวกลับไปก่อน …”
เมื่อสิ้นเสียง นางก็จากไป
หลังจากนางเดินออกไป ซินเยว่เยี่ยนที่เพิ่ง ‘ท้องเสีย’ ก็วิ่งเข้ามาอย่างเบิกบาน “อู๋เหิน นางกลับไปแล้วหรือ เมื่อครู่พวกเจ้ามีอะไรพัฒนาหรือไม่”
เมื่อซินเยว่เยี่ยนถามออกมา สายตาเรียบเฉยของกูเยว่อู๋เหินก็มองบนร่างนาง ไม่รู้เพราะอะไร ซินเยว่เยี่ยนถูกมองด้วยสายตาเช่นนั้นก็รู้สึกหนาววาบไปทั้งหัวใจ
นางกลืนน้ำลายเอื๊อก คิดได้ถึงคำโกหกของตัวเองครั้งก่อน ยามนี้หนังศีรษะชาวาบ เริ่มถอยออกไปด้านนอกอย่างระวัง ทั้งเอ่ยว่า “คือว่า อู๋เหินเอ๋ย ไม่ใช่เพราะข้ารู้ว่าเจ้านิสัยเฉยชา ครั้งก่อนถึง…เรื่องก็ผ่านไปแล้ว เจ้าก็อย่าได้จดจำอีกเลยดีไหม…”
ระหว่างเอ่ยไป นางก็ถอยไปถึงหน้าประตูแล้ว “อีกอย่าง ถึงเจ้าจะเป็นท่านประมุข แต่อย่างไรข้าก็เป็นพี่สาวบุญธรรม เจ้าอย่าได้ลงมือทำเรื่องโหดเ**้ยมอย่างเช่นฆ่าพี่สาวบุญธรรมเชียว!”
ซินเยว่เยี่ยนเอ่ยด้วยคำพูดหนักแน่น สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก
หลังจากกูเยว่อู๋เหินมองนางครู่หนึ่ง กลับแค่นเสียงเย็นออกมา ไม่มองซินเยว่เยี่ยนอีก น้ำเสียงเรียบเฉยค่อยๆ กล่าวว่า “นางบอกให้ข้าช่วยนางแสดงละคร แกล้งทำเป็นสนิทสนมเพื่อทำให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนตัดใจ”
“หา?” ซินเยว่เยี่ยนคิดถึงคำพูดที่เยี่ยเม่ยถามนางก่อนหน้าไม่นาน พลันหัวใจเต้นระส่ำ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
“ท่านรู้ว่านี่คือเรื่องอะไรหรือ” กูเยว่อู๋เหินถามนิ่งๆ อีกครั้ง
เกิดอะไรขึ้นระหว่างเยี่ยเม่ยกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนนอกจากพวกเขาสองคนแล้ว คล้ายไม่มีใครรู้อีก บางทีอาจมีแค่คนสนิทของพวกเขารับรู้เรื่องนี้ ซินเยว่เยี่ยนอยู่ข้างกายเยี่ยเม่ยตลอด บางทีนางอาจรับรู้อะไรบ้าง
ซินเยว่เยี่ยนย่นคิ้ว ส่ายหน้าทันที “เรื่องนี้ข้าไม่รู้สักน้อย แต่ว่า…หลายวันนี้ข้าเห็นซือหม่าหรุ่ยทำหน้าเศร้าอยู่ตลอด บอกว่าชะตาเล่นตลกกับชีวิตคน ข้าถามนางว่าเป็นอะไร นางก็ไม่พูด ข้ารู้สึกแปลกๆ บางทีอาจเกี่ยวกับเยี่ยเม่ยและเป่ยเฉินเสียเยี่ยน”
อย่างนั้น ชะตาเล่นตลกกับชีวิตคน เล่นตลกอย่างไรซินเยว่เยี่ยนก็ไม่รู้เช่นกัน
นางขมวดคิ้ว “เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะกลับไปตั้งใจลองสืบดูสักหน่อย ไม่แน่อาจรู้อะไรบ้าง หากสืบหาเบาะแสอะไรได้ ข้าจะบอกเจ้าทันที!”
“อืม” กูเยว่อู๋เหินรับคำ
ไม่ช้าซินเยว่เยี่ยนก็คลี่ยิ้มอย่างมีเล่ห์นัย เอ่ยปาก “อย่างนั้นข้าขอตัวก่อนแล้ว เยี่ยเม่ยขอให้เจ้าช่วยแสดงละคร เจ้าต้องฉวยโอกาสนี้ให้ดี ไม่แน่ว่าเจ้าสองคนอาจจะ…หึหึหึ…”
กูเยว่อู๋เหินไม่พูดอะไร ซินเยว่เยี่ยนถือว่าเขาเข้าใจแล้ว หลังจากยิ้มเจ้าเล่ห์ ก็ปิดประตูวิ่งดุกดิกออกไป
ในใจนางรู้สึกว่า ดีเหลือเกิน เยี่ยเม่ยเห็นจิ่วหุนเป็นน้องชาย อีกทั้งทะเลาะกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เมื่อเป็นเช่นนี้ โอกาสที่อู๋เหินจะก้าวขึ้นมาก็สูงมาก นี่หมายความว่าอย่างไร
ก็หมายความว่าในที่สุดนางก็ไม่ผิดต่อคำฝากฝังของพ่อบุญธรรม หมู่ตึกกูเยว่ก็ไม่ต้องกังวลจะขาดผู้สืบทอดอีก
คิดเช่นนี้ ในใจซินเยว่เยี่ยนพลันเกิดความรู้สวยหรูชนิดหนึ่ง
ซ้ำยังรู้สึกลึกๆ ว่า ตนมีไหวพริบอยู่ลับๆ เยี่ยเม่ยถามนางว่าจะทำให้คนปล่อยมือได้อย่างไร นางจับพลัดจับผลูตอบได้ดีถึงขั้นนี้ ช่วยสร้างโอกาสอันงดงามให้กับอู๋เหิน
……
ใกล้ๆ ทะเลตงไห่
เซียวเซ่อหยางและโอวหยางเทาได้รับจดหมายของซือหม่าหรุ่ย
โอวหยางเทามองเซียวเซ่อหยางเปิดจดหมาย ถามขึ้นว่า “เป็นยังไง คงไม่ใช่ว่าเจ้าหนูที่อยู่ข้างกายเยี่ยเม่ยทนไม่ไหว ส่งจดหมายมาเร่งพวกเราหรอกนะ”
แต่พวกเขาก็พยายามอย่างมากแล้วนะ ความเร็วก็มากแล้วไม่ใช่บอกว่ามีเวลาครึ่งปีหรือ ไม่น่าจะรีบร้อนถึงเพียงนี้กระมัง
เซียวเซ่อหยางอ่านจดหมาย สีหน้าพลันเปลี่ยนไปหนักอึ้ง เมื่ออ่านจบ ก็ส่งจดหมายให้โอวหยางเทา “เจ้าดูเองเถอะ!”
โอวหยางเทาเห็นท่าทางขึงขังของอีกฝ่าย ก็เริ่มกังวลรีบรับจดหมายไปอ่านอย่างรวดเร็ว สีหน้าเปลี่ยนไปหนักใจเช่นเดียวกับเซียวเซ่อหยาง “อะไรนะ องค์หญิงซียังมีชีวิตอยู่จริงๆ?”
“ไม่เพียงแค่นั้น นางยังคิดใช้ฐานะเยี่ยเม่ยแทรกซึมเข้าในราชสำนักเป่ยเฉิน ทำเช่นนี้อันตรายมาก!” เซียวเซ่อหยางวิเคราะห์
โอวหยางเทาครุ่นคิดชั่วครู่ กลับเอ่ยว่า “ถึงจะอันตรายก็จริง แต่ต้องบอกว่าวิธีการขององค์หญิงซีก็นับว่าใช้ได้ อย่างไรเสียตอนนี้พวกเราไม่มีอะไรในมือเลย นอกเสียจากขุมสมบัติที่ซ่อนไว้ ก็มีเพียงพวกเราไม่กี่คน หากไม่เสี่ยงเช่นนี้ แทบจะไม่มีโอกาสชนะ!”
เซียวเซ่อหยางมองโอวหยางเทา “ดังนั้นซือหม่าหรุ่ยส่งจดหมายมาเพื่อยืนยันจุดยืนของพวกเรา โอกาสทำเรื่องนี้สำเร็จน้อยมาก แต่ข้ามั่นใจ เมื่อองค์หญิงซีคิดวิธีการแทรกซึมเข้าไปในราชสำนักเป่ยเฉินได้ ขอเพียงมั่นใจในจุดยืนของพวกเรา ไม่ช้าก็จะมีแผนอื่นอีก!”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น!”
ไม่ช้าเซียวเซ่อหยางถาม “ข้าย่อมเดินตามราชสำนักจงเจิ้ง แล้วเจ้าล่ะ”
“พี่น้องอยู่ที่ใด ข้าก็อยู่ที่นั่น!” โอวหยางเทายักไหล่ พูดจาคลุมเครือ
เซียวเซ่อหยางคร้านจะใส่ใจเขา หรืออาจเรียกว่าชินมานานแล้ว จึงพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นก็ตอบจดหมายกลับไปเถอะ รอดูแผนการขององค์หญิงซี หวังว่านางจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง!”
“อืม!” โอวหยางเทารับปาก จากนั้นถาม “จะติดต่อกับ…”
เซียวเซ่อหยางไม่รอให้โอวหยางเทาเอ่ยจบ ก็รู้ว่าเขาหมายถึงใคร พยักหน้า “รีบติดต่อไปเถอะเรื่องนี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับพวกเราทุกคน!”
……
เยี่ยเม่ยกลับถึงห้อง ก็รินชาให้ตัวเองจอกหนึ่ง…