“ไอ้พวกทุนนิยมโสโครกไปตายซะ! พวกเราต้องการความยุติธรรม!”
เฉียนมองไปยังฮานเฟิงที่โบกมืออยู่ด้วยความตะลึง แถมพวกนิโคลัสกับฉางกวงเองก็รู้สึกอับอายไม่ต่างกัน
“พี่เสี่ยว หมอนี่แม่งปากหมาฉิบหายเลย”
เจาซือพูดอย่างหมดความอดทน
“ใช่แล้วพี่เสี่ยว! ฆ่าแม่งเลยดีกว่า!”
เสี่ยวเฟิงที่อยู่บนเสี่ยวสุยไม่ได้พูดอะไร เขาแค่จ้องไปยังฮานเฟิงเท่านั้น แม้ว่าอีกฝ่ายจะอายุ 20 ต้นๆแต่ก็ดูฉลาดแกมโกงสุดๆ
“มึงเป็นหัวหน้ามันเรอะ?”
เขาจ้องมาที่เสี่ยวเฟิง ก่อนที่จะกลืนน้ำลายเมื่อเห็นเสี่ยวสุย
ชายหนุ่มคิดว่าปีกและเขาของม้าเขาน่าจะปกปิดได้อยู่ แต่ส่วนอื่นของมันน่าจะไม่อาจทำได้เพราะม้าตัวอื่นที่NPCขายนั้นมันไม่ตัวใหญ่แบบนี้
ฮานเฟิงมองเสี่ยวเฟิงตั้งแต่หัวจรดเท้าและพบว่าเขาสวมแหวนว่องไวอยู่ด้วย
“นั่นมันแหวนที่กูขายไปนี่? มึงใส่มันเหรอ? ไอ้ชั่วเอ้ย! เอาเงินกูคืนมานะ! ไม่งั้นกูจะประจานมึงในฟอรั่ม!”
เขาพูดออกมาอย่างมั่นใจพร้อมสายตาแห่งความยโส
“นายคือคนที่เกรียนที่สุดในโลกอินเตอร์เน็ตสินะ”
เสี่ยวเฟิงยิ้มและไม่ได้พูดอะไรต่อ ยังไงเสียหมอนั่นมันก็คงไม่ฟังเขาอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงชักโทเทมออกมาพร้อมขี่เสี่ยวสุยพุ่งเข้าไปหาฮานเฟิงทันที
“จะฆ่ากูปิดปากสินะ? เข้ามาเด้!”
ชายคนนั้นตะโกนด้วยความตื่นเต้น แต่ก็ยิงธนูใส่เสี่ยวเฟิงแล้วเริ่มวิ่งหนีอีกครั้ง
“พี่เสี่ยวระวังด้วย หมอนั่นมันมีอาชีพลับเป็นเรนเจอร์! แถมสกิลยังโหดมาด้วย”
เฉียนตะโกนบอกด้วยสกิลสอดแนมของเธอ ทำเอาฮานเฟิงต้องเบิกตากว้าง
เสี่ยวเฟิงเอียงหัวหลบลูกศรนั้นได้แถมม้าของเขาก็ยังไม่หายไปอีกด้วย
“นี่มันสัตว์ขี่ตัวเก่งนี่หว่า!”
ฮานเฟิงเพิ่งจะระลึกได้ เพราะถ้าเป็นสัตว์ธรรมดาน่าจะหายไปแล้ว
แต่เขาก็ไม่มีเวลามากพอจะสังเกตมันซักเท่าไหร่ ประสาทสัมผัสบอกเขาว่าชายขี่ม้าคนนี้อันตรายสุดๆ ยิ่งไปกว่านั้นเฉียนยังพบอาชีพลับของเขาอีก
“จีจี!”
เขาวิ่งแล้วยิงธนูกลับมาใส่เสี่ยวเฟิง
ศรสองดอกพุ่งผ่านอากาศและกำลังจะเสียบหัวของพระหนุ่มแล้ว
แต่เสี่ยวเฟิงก็เอียงหัวหลบมันอย่างง่ายดาย ศรพวกนั้นพุ่งผ่านเส้นผมของเขาไป
ทว่า ฮานเฟิงก็ไม่ได้ดูประหลาดใจมากเท่าไหร่ แถมยังดูพึงพอใจที่แผนสำเร็จแล้วยังไงยังงั้น
พระหนุ่มขมวดคิ้วและมองไปรอบๆก่อนที่จะพบว่ามีศรสองดอกกำลังพุ่งมาหาเขาจากด้านหลัง
เสี่ยวเฟิงพบว่าศรพวกนั้นเมื่อมันพุ่งพลาดเป้าไปแล้วมันก็ได้วนกลับมาหาเขาอีกครั้งราวกับจรวดติดตาม
ชายหนุ่มไม่คิดว่าธนูพวกมันจะมีความสามารถแบบบนี้ เขาจึงใช้โทเทมซัดมันออกไป
บล็อก!
บล็อก!
เสียงปัดป้องอาวุธดังขึ้น
ฮานเฟิงรู้แล้วว่าพระคนนี้ต้องเป็นผู้เล่นระดับสูงแน่ๆ เขาจึงรีบวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
“เสี่ยวสุย ตามเขาไป”
พระหนุ่มพูดสั้นๆ ดูจากท่วงท่าแล้วเขาดูคล้ายกับทหารม้าที่ถือหอกเงินก็ไม่ปาน
“หึ!”
เสี่ยวสุยกัดฟันด้วยความหงุดหงิดและเร่งความเร็ว แต่พวกเขาทั้งสองก็ใกล้เข้ามากันทุกที
จริงๆแล้วนี่ยังไม่ใช่ความเร็วที่สุดของม้าตัวนี้ด้วยซ้ำ
“จีจี!”
ฮานเฟิงยิงศรสามดอกไปยังพระหนุ่มโดยไม่หันกลับไปมอง
เสี่ยวเฟิงปัดป้องมันได้เช่นเดิม
“ว้าว! พี่เสี่ยวโคตรเจ๋ง! ตามมันไปเลย!”
เพื่อนๆของเขารีบวิ่งตามไปด้วย
น่าประหลาดใจที่ว่าฮานเฟิงนั้นกำลังสติแตก เขาวิ่งด้วยความรวดเร็วแต่ก็ยังสลัดเสี่ยวเฟิงไม่หลุด เขาไม่อาจทำอะไรอื่นได้นอกจากใช้สกิลเดิมๆโจมตีซ้ำไปมา
แต่พระหนุ่มก็หลบได้โดยไร้รอยขีดข่วน ศรส่วนมากถูกเขาปัดไปได้และมีเพียงความเสียหายเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ไม่อาจทำให้เขาระคายเคืองได้เพราะค่าสเตตัสที่สูงอยู่แล้ว แถมในฐานะของอาชีพพระแล้วเขาก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องการลดของพลังชีวิต
แต่โทเทมมันก็มีระยะการใช้งานที่ไม่นานนักเขาจึงต้องใช้โล่มือเดียวในการป้องกัน แจ่ดูเหมือนว่าเขาจะใส่มันไม่ได้เพราะด้วยอาชีพที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้
“หลีกไปโว้ย!”
ฮานเฟิงวิ่งอย่างบ้าคลั่งจนสุดท้ายก็ถูกเสี่ยวสุยเหยียบเข้าที่กลางหลังจนล้มลง
มันกัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิดและมองต่ำไปยังฮานเฟิง ก่อนที่จะยกขาหน้าขึ้นมาราวกับกำลังหัวเราะเยาะ
“เดี๋ยว! กูจำมึงได้แล้ว! มึงมันคนที่อยู่อันดับแรกนี่หว่า! พระเทพคนนั้น!” ฮานเฟิงกรีดร้องออกมาอย่างน่าสมเพช
เสี่ยวเฟิงไม่ได้พูดแล้วกำลังจะจัดการเขาด้วยโทเทมในมือแล้ว
“ช้าก่อน! กูมีข้อเสนอ อย่าทำกูเลย!”
“เฮ้ย หยุดทำไมวะ หัวเราะฉันต่อสิ!”
ตอนนี้พวกนิโคลัสและฉางกวงเองก็ตามมาถึงที่แล้ว ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ได้ห่างกันไปไกลมากเท่าไหร่หรอก
“ไม่ยุติธรรมเลย! กูตัวคนเดียวแต่มึงมี 4 คนอ่ะ! แถมยังมีคนที่เก่งที่สุดด้วย!” ฮานเฟิงพยายามดิ้นรนอยู่ใต้กีบของเสี่ยวสุยแต่ก็ไม่สามารถออกมาได้
“เฮ้ย แกต้องการอะไรวะ? ดูเหมือนจะปากดีเหรอเกินนะ!”
ทั้งสามเข้ามาเตะฮานเฟิงพร้อมถามไปด้วย
“กูแค่สู้กับพวกมึงแต่ก็โดนมึงรังแกอ่ะ! ให้กูเรียกเพื่อนมาบวกกันปะล่ะจะได้เท่าเทียมกัน!” ฮานเฟิงถาม
“ก็เอาเด้! ไปเรียกเพื่อนแกมาให้หมดเลยนะ พี่เสี่ยววจะฆ่าแม่งให้เหี้ยนตรงนี้เลย” ฉางกวงตอบกลับมา
เสี่ยวสุยยกขาขึ้นจากฮานเฟิง และพระหนุ่มเองก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้
“เอาเลย รอกูอยุ่ตรงนี้นะ เพื่อนกูตามมาฆ่าพวกมึงแน่!”
ฮานเฟิงลุกขึ้นปัดฝุ่นออกแล้วก็หยิบคัมภีร์วาร์ปออกมา
“ไปเรียกเพื่อนแกมาเลย! ไม่ครนามือพวกฉันหรอก!” เจาซือตะโกนและฮานเฟิงก็หายไป
พวกเขารอกันเป็นชั่วโมงแล้วมันก็ยังไม่กลับมา
สายลมพัดผ่านพวกเขาที่ยืนกันอย่างโดดเดี่ยว
“พี่เสี่ยว ฉันว่ามันไม่กลับมาแล้วล่ะ”
ฉางกวงพูดออกมา
“หมอนั่น! คราวหน้าจะฆ่าแม่งให้เหี้ยนเลยคอยดู!”
“ไปตามหามันกันดีกว่า”
พวกนิโคลัสเองก็พูดอย่างหงุดหงิดเพราะไม่คิดว่าจะโดนมันหลอกเข้าจนได้
เสี่ยวเฟิงยังคงสงบอยู่ แล้วก็พูดขึ้นเบาๆ
“ไปกันเถอะ”
…
เสี่ยวเฟิงออกมาจากเกมแล้วไปเตรียมอาหารเช้าให้กับเสี่ยวหลิงพร้อมทิ้งโน้ตไว้ก่อนที่จะกลับเข้ามาในเกมอีกครั้ง
ฮานเฟิงหายตัวไปเลย ไม่แม้แต่จะโผล่มาที่สมาพันธ์ด้วยซ้ำ เสี่ยวเฟิงจึงไปช่วยเฉียนทำเควสให้ผ่าน
เขาบอกบิชอปไคเซอร์ว่าเฉียนอยากจะเป็นผู้ศรัทธาในวิหารแห่งแสง ไคเซอร์จึงมองเควสให้กับเขาด้วยความเกรงใจในตัวอาร์คบิชอป
มีเควสยากมากมายแต่เฉียนก็ทำมันสำเร็จได้ด้วยความช่วยเหลือของเสี่ยวเฟิง จนเธอได้ตราผู้ประกอบพิธีแสงเป็นรางวัล
แต่เสี่ยวเฟิงเองก็รู้ดีว่าไคเซอร์ก็มอบเควสให้กับเขาเช่นกัน เขาได้เควสเนื้อเรื่องมาหลังจากที่ช่วยเฉียนจนหมดแล้ว
“ไม่นานมานี้ พวกทหารแห่งอาณาจักรพบว่ามีกองทหารมากมายในป่าโลหิต และไม่ใช่ทหารธรรมดาเสียด้วยเพราะพวกมันคือกองทหารปีศาจ! พวกเราต้องขอร้องไปทางวิหารแห่งแสงเพื่อหาคนมาช่วยเก็บข้อมูลพวกมัน”
“เฮ้ คุณจะรับเควสเนื้อเรื่อง ผู้ถือสาห์นแห่งความมืด หรือไม่?”
เสี่ยวเฟิงจำใจรับเควสนี้เพราะเกรงว่าหากปฏิเสธไปแล้วจะไม่ได้อะไรกลับคืนมาแน่ๆ และถ้าเป็นแบบนี้เขาก็ต้องล้มเลิกแผนเก็บเลเวลช่วงเที่ยงซะแล้ว