หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1012 บรรลุ

ตู้ม!

เมื่อราชันสงครามโลหิตก้าวออกมา ท้องฟ้าในสนามรบก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ คลื่นโลหิตพวยพุ่งกระจายออกไปครอบคลุมขอบฟ้า พลังอำนาจในการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้ทั้งสี่รู้สึกว่าหนังหัวชาวาบไป

พวกเขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าทำไมการทดสอบชั้นห้าถึงโหดหินนัก นั่นเป็นเพราะนี่ดูเหมือนไม่มีทางผ่านไปได้เลย!

แต่ไม่ว่าพวกเขาจะรู้สึกไม่เชื่อมากแค่ไหน จิตสังหารรอบร่างราชันสงครามโลหิตบนท้องฟ้าก็ถูกกวนถึงขีดสุดก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดลงมา

ครืน!

ทันทีที่หมัดถูกชกออก บนท้องฟ้าอากาศดูเหมือนจะถูกผลักออกจากบริเวณนี้ มากจนเกิดรอยแตกกระจายออกไปในมิติ

กำปั้นโลหิตที่มีขนาดใหญ่พันจั้งกดตัวลงมาจากฟากฟ้า!

ราวกับกำปั้นมารสวรรค์ก็มิปาน!

แม้ว่าหมัดนี้จะยังไม่ได้ลงมาถึง แต่พื้นที่ในรัศมีพันจั้งรอบตัวพวกเขาก็พังทลายลงแล้ว รอยเหวลึกมากมายแผ่ออกมาจากใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา

หมัดเดียวเกือบทำลายแผ่นดินนี้เลยทีเดียว

ทั้งสี่คนฉายสีหน้าหวาดผวาสุดขีดขณะที่จ้องมองหมัดโลหิต แม้ว่าหมัดจะยังอยู่ห่างไกลออกไป แต่ไอสังหารก็แทบจะกดพวกเขาแนบลงบนพื้นแล้ว

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพวยพุ่งรุนแรงจากทั้งสี่ต้านทานแรงกดดันที่น่ากลัว แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็รู้สึกว่าหัวเข่าค่อยๆ ทรุดลงจากแรงกดดันที่น่ากลัวนี้

ภายใต้สถานการณ์นี้หัวใจของทั้งสี่ก็สั่นเทา หมัดยังไม่ถึงพื้นแค่เพียงพลังอำนาจก็บังคับให้พวกเขาอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช ถ้าซัดลงมาจะไม่ตายคาตั้งแต่วินาทีแรกที่สัมผัสเลยเหรอ?!

ตอนนี้พวกเขาตระหนักได้ว่าคำสัญญาก่อนหน้าเป็นเรื่องบ้าบอเพียงใด

โอกาสในการได้รับทักษะเทพไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเพลิดเพลินได้!

แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเสียใจแค่ไหนในใจก็สายเกินไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาทำได้เพียงแค่กัดฟันแน่น สิ่งเดียวที่พวกเขารู้สึกโชคดีก็คือหมัดนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เล็งมาที่พวกเขา แต่เป็นพื้นดินเบื้องล่าง

มิฉะนั้นแค่พลังจากหมัดเพียงอย่างเดียว ก็เพียงพอที่จะบดร่างพวกเขาให้แหลกละเอียดแล้ว

โฮก!

หานซันคำรามลั่นฟ้า แสงสีดำพุ่งพรวดรอบตัวก่อเป็นแรดยุคดึกดำบรรพ์ตัวมหึมาเลือนราง แรดอสูรยืนตระหง่านบนโลกต่อต้านปรงกดจากกำปั้นใหญ่

แสงสีทองกระจายรอบร่างจงเถิง กระเรียนปีกทองคำปรากฏขึ้น ลวดลายนับไม่ถ้วนปรากฏบนปีกสีทองปกคลุมไปรอบๆ เป็นการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ

มั่วเฟิงสูดหายใจลึก เพลิงหงส์ฟ้าพุ่งทะยานรอบตัวก่อนที่รัศมีสูงส่งจะระเบิดออก เมื่อเพลิงลุกไหม้ก็รวมตัวเป็นหงส์ฟ้าสีแดงขนาดใหญ่ที่มีเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นบนร่าง ทำให้อุณหภูมิระหว่างสวรรค์และโลกเพิ่มสูงขึ้น

รูปแบบเทพอสูรของมั่วเฟิงไม่ได้เป็นของเผ่าวิหคโลกันตร์แต่กลับเป็นของเผ่าหงส์ฟ้า!

ที่จริงมั่วเฟิงไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องนี้ แต่ในเวลานี้ถ้าเขาต้องการทนรับหมัดนี้ เขาก็ต้องใส่ไม่ยั้งพุ่งไปสุดตัว

สัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาจากมั่วเฟิง หานซันและจงเถิงที่ใช้พลังทุกหยาดหยดที่มี มู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งเครียดไม่กล้าที่จะชักช้า แสงพราวพวยพุ่งออกมาจากร่าง เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าดังสะท้อนทั่วสรรพางค์กาย เขาเร้ากายามังกรหงส์ให้ถึงขีดสุด ซึ่งทำให้เขาดูราวกับว่าทำจากทองคำที่ไม่สามารถทำลายได้

ขณะที่ทั้งสี่เผยไพ่ตายออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ หมัดโลหิตที่กดลงมาจากขอบฟ้าก็พุ่งเข้ามาหาพื้นดินซึ่งห่างอีกไม่กี่ร้อยจั้ง พลังอันน่าสะพรึงกลัวของกำปั้นห่อหุ้มพวกเขาไว้อย่างแท้จริง

ปัง!

ผืนดินพังทลายเป็นชั้นๆ ผืนฟ้าโดยรอบหดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเกิดเป็นหลุมจากพื้นดินที่ยุบตัว โดยที่ทั้งสี่คนห่างจากขอบมากขึ้นเรื่อยๆ

ร่างเทพอสูรของมั่วเฟิง หานซันและจงเถิงระเบิดด้วยเสียงโศกเศร้าในเวลานี้ ร่างยักษ์ทรุดลงก่อนที่แสงจะหรุบหรู่อย่างรวดเร็ว

ทั้งสามคนไม่สามารถทนรับพลังหมัดนี้ได้อีก ทำให้ต้องคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ทันใดนั้นก้อนหินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าก็ระเบิดเป็นฝุ่น ใบหน้าแต่ละคนเขียวคล้ำ พวกเขาเร้าคลื่นหลิงรุนแรงพยายามปกป้องตัวเอง แต่ก็ไม่ยืนขึ้นมาได้

ร่างเทพอสูรรอบตัวพวกเขาทรุดลงบนพื้นพลางส่งคำรามแต่ก็ไร้ประโยชน์

ขณะที่ทั้งสามคนอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช มู่เฉินก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน แม้เขาจะเร้ากายามังกรหงส์ถึงขีดจำกัด ทำให้ร่างดูราวกับทำมาจากทองคำอย่างไรอย่างนั้น ทว่ากำปั้นที่น่ากลัวก็ยังทำให้เกิดเสียงลั่นเปรียะดังออกมาราวกับกระดูกกำลังจะแตกสลาย

เท้าทั้งสองฝังลึกลงไปในพื้นจนถึงน่อง รอยแตกกระจายออกมาจากท่อนขาของเขา

ที่ด้านนอกของเจดีย์ ทุกคนตกตะลึงบนใบหน้าขณะที่จ้องมองร่างน่าสมเพชทั้งสี่ในหน้าจอแสง ขณะนี้พวกเขาไม่ได้มีท่วงท่าของจอมยุทธ์ชั้นสูงอีกแล้ว

พวกเขารู้ว่าไม่ใช่เพราะทั้งสี่อ่อนแอ แต่หมัดโลหิตที่ตกลงมาจากท้องฟ้าทรงพลังจนถึงขั้นที่น่ากลัวต่างหาก

“การโจมตีที่น่ากลัวเช่นนี้ พวกเขาจะสามารถต้านทานได้อย่างไรกับขุมพลังที่มี?” สีหน้าของจิ่วโยวเปลี่ยนไปและอดไม่ได้ที่จะพูด ความยากนี้อย่างน้อยก็ต้องเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าถึงจะสามารถต้านทานและเอาชีวิตรอดจากหมัดนี้ได้

ใบหน้าของมั่วหลิงซีดเซียว เห็นได้ชัดว่านางกลัวกำปั้นนี้อย่างที่สุด

จอมยุทธ์เผ่าอื่นๆ ก็รู้สึกไม่ต่างกัน ความยากที่น่าสะพรึงนี้ชัดว่าไม่คิดที่จะให้ใครผ่านชั้นห้าเลย

การโจมตีแบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนในระดับพวกเขาจะรับได้

ครืน!

ขณะที่หมัดโลหิตกระแทกลงมา พลังอำนาจที่น่าสะพรึงก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็ห่อหุ้มร่างสามร่างจนถึงจุดที่ร่างเทพอสูรยิ่งใหญ่กำลังจะแตกสลาย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว

ใบหน้าทั้งสามซีดเซียวและรู้สึกว่าไม่สามารถขยับร่างกายภายใต้พลังหมัดนี้ได้ นอกจากนี้พวกเขายังสามารถสัมผัสได้ถึงจิตการละทิ้งชีวิตและแสวงหาความตายบนหมัด ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกว่าเจ้าของหมัดได้วางเดิมพันชีวิตไว้บนนั้น

หมัดปีศาจพลีชีพคือการสละชีวิตตัวเองงั้นรึ? ช่างน่าเกรงขามแท้จริง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงถูกเรียกว่าหมัดปีศาจ!

จอมยุทธ์ทั้งสี่หัวใจสั่นสะท้านรุนแรงภายใต้ปณิธานการเสียสละ ยามนี้พวกเขาเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อหมัดลงมาถึงตัวเมื่อไรก็จะเป็นเวลาตายของพวกเขา

เมื่อถึงตอนนั้นอยากหนีก็หนีไม่ได้แล้ว!

ทั้งสี่ทุ่มกำลังทั้งหมดลงไป แต่ก็ยังคงเป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์ เลือดสดเริ่มไหลซึมออกจากร่างกายแสดงให้เห็นร่องรอยของการบี้บด

แม้ว่ามู่เฉินจะบรรลุขั้นแรกของกายามังกรหงส์ แต่ร่างกายเขาก็เริ่มแตกสลาย ริ้วเลือดกระจายบนผิวหนังทำให้ดูน่ากลัวอย่างมาก

ครืน!

หมัดอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ถึงห้าสิบจั้งแล้ว ท้องฟ้าเหมือนถูกปกคลุมไว้ด้วยกำปั้นในเวลานี้

ปัง! ปัง! ปัง!

ร่างเทพอสูรของทั้งสามคนก็ทนไม่ได้อีกต่อไป ถูกบีบจนระเบิดออกอย่างสมบูรณ์

อั้ก! อั้ก!

ทั้งสามคนพ่นเลือดออกมาในเวลาเดียวกัน รัศมีก็ลดลงมาก

“บ้าเอ้ย ข้ายอมแพ้!” ใบหน้าของจงเถิงซีดเผือด เขารู้สึกว่าร่างกายแทบจะระเบิดจากแรงกดดัน ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและคำราม เขารู้สึกว่าถ้ารั้งไว้นานกว่านี้ เขาคงจะตายในสถานที่แห่งนี้จริงๆ

แม้ว่าวิทยายุทธระดับเสินทงเป็นรางวัลที่น่าดึงดูดใจ แต่เขาก็ต้องมีชีวิตเพื่อที่จะสนุกได้

ฮึ่ม

พร้อมกับที่จงเถิงเลือกยอมแพ้ แสงก็ปรากฏขึ้นรอบตัว ก่อนที่ร่างเขาจะหายวับไป ชัดว่าเขาถูกส่งออกจากเจดีย์เรียบร้อย

ต่อจากนั้นมั่วเฟิงและหานซันก็ต้านไว้อีกสิบกว่าลมหายใจ ก่อนที่จะรู้สึกว่าพลังหมัดที่ซัดเข้าใส่ ทำให้พวกเขาสิ้นหวัง

นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต่อต้านได้

ดังนั้นหลังจากดิ้นรนในใจ ทั้งสองก็เลือกยอมแพ้เช่นกัน

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

แสงกะพริบวาบขึ้น ร่างทั้งสองก็หายไป

เมื่อทั้งสามคนออกไป ก็เหลือมู่เฉินเพียงหนึ่งเดียวในสนามรบ แต่ตอนนี้เขาก็มีสภาพไม่ดีอย่างยิ่ง ร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดทำให้เขาดูเหมือนมนุษย์โลหิต

พลังอำนาจของหมัดที่ซัดมาจากทุกทิศทาง ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าตนเองอยู่ลึกในมหาสมุทรกว่าหนึ่งหมื่นลี้ รับแรงกดดันที่น่ากลัวอย่างมาก

แต่ก็เป็นแรงกดดันนี้ที่ทำให้เกิดความบ้าคลั่งในดวงตาของมู่เฉิน ถึงนี่จะอันตราย แต่ก็เป็นโอกาสสำหรับเขาเช่นกัน!

นี่เป็นโอกาสสุดยอดสำหรับเขาที่จะบรรลุขั้นสองของคัมภีร์หลงเฟิ่ง!

ทุกพัฒนาการล้วนเกิดจากการก้าวเท้าลงไปในหลุมแห่งความตายทั้งนั้น!

และตอนนี้นี่ก็เป็นสถานการณ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด!

“บรรลุซะ!”

มู่เฉินเปล่งเสียงคำรามต่ำ หมุนเวียนคัมภีร์หลงเฟิ่งเร็วรี่ เลือดในร่างกายพล่านไปทั่วในเวลานี้ จากนั้นก็เทลงในลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบนแขนของเขาโดยไม่มีที่สิ้นสุด

พร้อมกับเลือดจำนวนมากไหลเข้าไปในท่อนแขน ลวดลายสีม่วงทองก็เริ่มมีริ้วสีแดงเพิ่มขึ้น

แต่สีแดงสดนี้กลับเพิ่มความรู้สึกมีชีวิตชีวาให้กับลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง

ในอดีตแม้ว่าลวดลายนี้จะทรงพลังแต่ก็ขาดความมีชีวิตชีวา ราวกับว่าไม่มีชีวิตและไม่มีจิตวิญญาณ แต่ตอนนี้ภายใต้การคุกคามของความตาย มู่เฉินได้เทเลือดทั้งหมดลงบนลวดลาย ทำให้ลวดลายที่ดูดซับพลังมากเริ่มมีจิตวิญญาณก่อตัวขึ้น

ทันใดนั้นเมื่อจิตวิญญาณก่อตัวขึ้น ลวดลายที่อยู่ในท่อนแขนของมู่เฉินก็ลืมตาโพลง

เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าสะท้อนก้องระหว่างสวรรค์และโลก ราวกับว่าเป็นราชันแห่งโลกนี้

ในที่สุดยามนี้คัมภีร์หลงเฟิ่งก็บรรลุขั้นสองตามที่มู่เฉินปรารถนาแล้ว!

ทว่าจังหวะนี้เอง หมัดโลหิตก็พุ่งลงมากระแทกกับร่างมู่เฉินซึ่งไม่ได้เคลื่อนไหว…

ทั้งชั้นฟ้าและชั้นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น