ตอนที่ 640 พบหน้าทว่าไม่รู้จัก

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

‘เผ่าเลี่ยหยาง’ คือเผ่าที่ลึกลับที่สุดในชนเผ่าเอลฟ์ หลัวจื้อเลี่ย—ผู้ปกครองของเผ่าดังกล่าวถือว่ามีสถานะที่เป็นรองเพียงราชินีเอลฟ์เท่านั้นและเป็นที่เคารพอย่างสูงในหมู่ชาวเอลฟ์ทุกชีวิต

เผ่าเลี่ยหยางตั้งอยู่ในทางตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเป็นจุดทำเลที่ดีที่สุดของชนเผ่าเอลฟ์ ที่นั่นมีทิวทัศน์งดงามรายล้อมและมีสภาวะพลังที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ภายในเผ่าดังกล่าวประกอบไปด้วยเมืองสามเมืองและหมู่บ้านเล็ก ๆ อีกหลายสิบหมู่บ้าน เรียกได้ว่าพวกเขาก็มีพลังอำนาจและอิทธิพลที่มากพอสมควร

หลัวหมิงฮ่าวนำทางฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือและสั่วซีหย่าเดินทางติดต่อกันนานเจ็ดวันก่อนมาถึงเมืองใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางของเผ่าเลี่ยหยาง—เมืองเลี่ยหยาง

เมืองเลี่ยหยางตรงหน้าทุกคนดูสงบสุขราวกับไม่ได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่เกิดขึ้นในชนเผ่าเอลฟ์แม้แต่น้อย ชีวิตของชาวเอลฟ์ในเผ่ายังคงดำเนินต่อไปเช่นเดิมตามปกติ

ในระหว่างทาง ฉินอวี้โม่และอีกสองคนก็ได้ทราบข้อมูลมากมายเกี่ยวกับเผ่าเลี่ยหยางและหลัวจื้อเลี่ยจากปากของหลัวหมิงฮ่าวจนมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นมาก

เชื่อว่าด้วยลักษณะนิสัยส่วนตัวของหลัวจื้อเลี่ย เขาก็คงจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในชนเผ่าเอลฟ์บ้าง อย่างไรก็ตาม ครานี้การเคลื่อนไหวของเขากลับนิ่งเงียบเป็นพิเศษราวกับว่าเขาไม่สนใจความเป็นอยู่ของชาวเอลฟ์แม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรก็ตาม

ทั้งสามคาดเดาได้ทันทีว่าคงจะเกิดเรื่องบางอย่างกับหลัวจื้อเลี่ยตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาซึ่งส่งผลให้เขาเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้

เมื่อได้ยินข่าวว่าหลัวหมิงฮ่าวเดินทางมาถึง ชาวเผ่าเลี่ยหยางหลายคนก็เป็นมิตรกับเขาอย่างมากและนำทางไปที่จวนเจ้าเมืองเลี่ยหยางซึ่งเป็นที่พักของหลัวจื้อเลี่ยทันที

ภายในเวลาเพียงไม่นาน กลุ่มคนหลายคนก็เดินออกมาจากลานด้านใน

ผู้นำของกลุ่มดังกล่าวคือบุรุษวัยกลางคนที่ดูมีส่วนคล้ายกับทั้งหลัวหมิงฮ่าวและสั่วซีหย่า

นอกเหนือจากบุรุษผู้นั้นก็ยังมีสตรีงดงามนางหนึ่งข้างกายเขา แววตาของนางฉายแววความอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งสองคือผู้นำของเผ่าเลี่ยหยางซึ่งหนึ่งในนั้นคือบุรุษผู้ทรงพลังในตำนานของชนเผ่าเอลฟ์—หลัวจื้อเลี่ย และสตรีวัยกลางคนข้างกายก็คือภรรยาของเขา—ตู้ซีรั่วผู้เป็นนายหญิงของเผ่าเลี่ยหยาง

ข้างหลังของทั้งสองก็มีบุรุษหนุ่มและสตรีที่เดินตามออกมาไม่ห่าง ทั้งสองถือว่ามีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นอย่างมากในหมู่เอลฟ์ ไม่ว่าจะเป็นด้านความแข็งแกร่งหรือรูปลักษณ์ที่งดงามชวนมอง ทั้งสองก็มีคุณสมบัติที่โดดเด่นในหมู่คนรุ่นเยาว์ของชาวเอลฟ์ทั้งหมด

ทั้งสองมิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นพี่สามของหลัวหมิงฮ่าว—หลัวหมิงเฟย และองค์หญิงเล็กแห่งชนเผ่าเอลฟ์—หลัวอวิ๋นซี

“หลานผู้นี้ขอคารวะท่านลุงและท่านป้าขอรับ”

เมื่อพบกับหลัวจื้อเลี่ยและตู้ซีรั่ว หลัวหมิงฮ่าวก็โค้งคำนับแสดงความเคารพด้วยท่าทางสุภาพนอบน้อมทันที เขามีความเคารพต่อท่านลุงผู้นี้อย่างมาก ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย เขารักและชื่นชมท่านลุงมาเสมอ แม้จะไม่ได้พบหน้ากันนานหลายปี ทว่าความผูกพันที่มีก็ยังคงชัดเจนเหมือนเดิม

“ฮ่า ๆ ๆ ลุกขึ้นเถอะ ไม่ได้พบหน้ากันหลายปี ไม่คิดเลยว่าหลานข้าจะโตขึ้นมากถึงเพียงนี้แล้ว”

หลัวจื้อเลี่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้มสบายใจ เขาตบไหล่หลานชายเบา ๆ แสดงให้เห็นถึงความรักและความเอ็นดูอย่างมาก

“ข้าได้ยินมานานแล้วว่าองค์ชายห้ามีพรสวรรค์ที่โดดเด่นไม่น้อย เมื่อได้พบหน้ากันครานี้ ข้าเชื่อแล้วว่าคู่ควรดังคำร่ำลืออย่างแท้จริง”

ตู้ซีรั่วข้างกายหลัวจื้อเลี่ยกล่าวและคลี่ยิ้มอบอุ่นเช่นกัน นางพยักศีรษะเบา ๆ ให้กับหลัวหมิงฮ่าวด้วยท่าทางอ่อนโยน

“พี่ห้า ข้าเพิ่งเดินทางมาที่เผ่าเลี่ยหยางเพื่อพบท่านลุงท่านป้าเมื่อไม่กี่วันก่อน ทันทีที่ได้ยินข่าวว่าท่านพี่มาที่นี่ ข้าก็รีบออกมาต้อนรับท่านด้วยตนเองเลยเจ้าค่ะ”

หลัวอวิ๋นซี—องค์หญิงเล็กของชนเผ่าเอลฟ์เป็นผู้ได้รับความรักจากราชินีเอลฟ์อย่างที่สุด นางมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาและมีรูปลักษณ์งดงามยากจะหาผู้ใดเปรียบ นางมีลักษณะนิสัยที่ไม่ยอมน้อยหน้าหรืออ่อนข้อให้กับบุรุษผู้ใดและเป็นที่ชื่นชอบของบุรุษชาวเอลฟ์มากมาย องค์หญิงเล็กผู้นี้ก็สนใจในตำแหน่งผู้ปกครองของชนเผ่าเอลฟ์เป็นอย่างมากและต้องการแข่งขันชิงตำแหน่งกับพี่ชายทุกคน การที่นางเดินทางมาที่เผ่าเลี่ยหยางด้วยตัวเองครานี้ก็เพราะต้องการความสนับสนุนจากผู้เป็นลุง

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่มาถึง หลัวหมิงเฟย—พี่สามของนางก็มาที่นี่เช่นกัน หลังจากอยู่ที่นี่นานหลายวันทว่าไม่มีความคืบหน้าใด จู่ ๆ พี่ห้าก็พาคนแปลกหน้ามากับเขา สิ่งนี้ทำให้หลัวอวิ๋นซีกังวลขึ้นมาและไม่พอใจเล็กน้อย ทว่านางซ่อนความรู้สึกดังกล่าวได้อย่างแนบเนียน

ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่มีความคิดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อหลัวหมิงฮ่าวมากนัก เพราะถึงอย่างไรพี่ห้าผู้นี้ก็ไม่ได้สนใจในตำแหน่งหรืออำนาจแต่อย่างใด

“เข้าใจแล้ว”

การตอบรับของหลัวหมิงฮ่าวทั้งเรียบเฉยและไม่บ่งบอกความรู้สึกใด ๆ เขาไม่เคยสนิทสนมกับน้องสาวคนนี้มาก่อนและแน่นอนว่าเขาไม่แสดงท่าทีกระตือรือร้นเมื่อได้พบหน้ากัน

“พี่สามก็อยู่ที่นี่เช่นกัน”

เขาชำเลืองมองหลัวหมิงเฟยและคลี่ยิ้มเล็กน้อย หลัวหมิงฮ่าวยำเกรงต่อพี่ชายผู้ชาญฉลาดผู้นี้อย่างมาก ในบรรดาพี่น้องทุกคน หากจะกล่าวว่าผู้ใดล้ำลึกยากเกินหยั่งถึงมากที่สุด เขาก็มั่นใจว่าเป็นพี่สามผู้นี้อย่างแน่นอน

“โอ้ ข้ามีเวลาว่างและไม่มีอะไรทำก็เลยเข้ามาเยี่ยมท่านลุง ไม่คิดเลยว่าจะได้พบทั้งน้องเล็กและน้องห้าที่นี่ ช่างบังเอิญจริง ๆ”

หลัวหมิงเฟยกล่าวด้วยแววตาที่ยากเกินคาดเดา

“การที่น้องห้าเดินทางมาที่เผ่าเลี่ยหยางด้วยตัวเองในครานี้ คงจะมีธุระบางอย่างเป็นแน่”

หลังจากกวาดสายตามองคนทั้งสามข้างหลังหลัวหมิงฮ่าว หลัวหมิงเฟยก็กล่าวเข้าประเด็นและทำให้ความสนใจของทุกคนมุ่งตรงไปที่คนแปลกหน้าทั้งสามทันที

เมื่อเห็นบุรุษสตรีที่รูปลักษณ์โดดเด่นทั้งสองและสตรีลูกครึ่งเอลฟ์ที่งดงามไม่น้อยยืนนิ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย สีหน้าของทุกคนในห้องโถงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้หลัวหมิงเฟยเพียงสังเกตเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ข้างหลังหลัวหมิงฮ่าวทว่าไม่ทันสังเกตเห็นรูปลักษณ์ของพวกเขาอย่างชัดเจน แต่เมื่อมองอย่างตั้งใจในเวลานี้ เขาก็ถึงกับชะงักไปเล็กน้อยและหัวใจเกิดความรู้สึกปั่นป่วนทันที

เขาเคยมั่นใจว่าตนถือเป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดในชาวเอลฟ์ ถึงอย่างไรแล้วหลัวหมิงรุ่ยก็มีรูปลักษณ์ที่ด้อยกว่าเขา หลัวหมิงหล่างก็ดูเย็นชามากเกินไป ในขณะที่หลัวหมิงซีมีชื่อเสียงแต่ในด้านเสื่อมเสีย แม้แต่หลัวหมิงฮ่าวเองก็ไม่แข็งแกร่งมากเท่าตน ส่วนชาวเอลฟ์คนอื่น ๆ ก็ล้วนแต่ด้อยกว่าเขาทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับหานโม่ฉือ เขารู้สึกถึงความกดดันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับว่าบุรุษผู้นี้เหนือกว่าเขาในทุก ๆ ด้าน

เพียงเขายืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยก็ยากที่ผู้ใดจะมองข้ามได้ แม้แต่รูปลักษณ์ก็หล่อเหลาอย่างมากจนองค์ชายสามมีใบหน้าถอดสีเล็กน้อย

สตรีข้างกายเขาก็งดงามไม่แพ้กัน รูปลักษณ์งดงามชวนหลงใหลดุจเทพเซียนของนางเหนือชั้นกว่าน้องเล็กของเขาหรือแม้กระทั่งราชินีเอลฟ์เสียอีก อีกทั้งนางยังดูแข็งแกร่งและทรงพลังมากกว่าเช่นกัน นอกจากทั้งสองนี้ สตรีลูกครึ่งเอลฟ์ที่ติดตามมาด้วยก็งดงามในรูปลักษณ์และมีเรือนร่างไร้ที่ติซึ่งสามารถทัดเทียมกับองค์หญิงเล็กได้โดยที่ไม่ตกเป็นรอง

ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อใดกันที่ในชนเผ่าเอลฟ์ของเรามีผู้ที่งดงามและโดดเด่นอย่างเช่นสามคนตรงหน้านี้…

ในขณะเดียวกัน กิริยาท่าทางของหลัวอวิ๋นซีแตกต่างจากหลัวหมิงเฟยอย่างสิ้นเชิง สายตาของนางหยุดอยู่ที่หานโม่ฉืออย่างมิอาจละสายตาได้ องค์หญิงเล็กหลัวอวิ๋นซีเชื่อมั่นว่าตนเพียบพร้อมทั้งรูปลักษณ์และความสามารถซึ่งยากที่ชายใดจะคู่ควร ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางไม่เคยหมายปองหรือถูกใจบุรุษคนใด ทว่าเมื่อได้พบหานโม่ฉือในตอนนี้ หัวใจที่เคยสงบนิ่งกลับปั่นป่วนและเต้นแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว

บุรุษผู้นี้ช่างหล่อเหลายิ่งนักจนหลัวอวิ๋นซีแทบรอไม่ไหวที่จะพาตัวเขากลับไปด้วยกันและยกตำแหน่งให้เขากลายเป็นสามีข้างกายตน

สำหรับฉินอวี้โม่และสั่วซีหย่าซึ่งยืนอยู่ข้างกายเขา นางเมินเฉยต่อทั้งสองอย่างชัดเจน ไม่ว่าสตรีใดก็ไม่เคยมีความสำคัญหรืออยู่ในสายตาของนาง เพราะในทั่วทั้งชนเผ่าเอลฟ์ ไม่มีสตรีนางใดที่จะงดงามและครบเครื่องไปกว่านาง—หลัวอวิ๋นซีอีกแล้ว

หลัวจื้อเลี่ยกวาดสายตามองคนทั้งสามอย่างช้า ๆ และเมื่อสายตาบรรจบลงที่สั่วซีหย่า เขาก็ชะงักไปชั่วคราวและขมวดคิ้วเล็กน้อยทว่าเขาละสายตาไปอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกได้ว่าสตรีลูกครึ่งเอลฟ์ตรงหน้าดูคุ้นเคยยิ่งนักขณะความรักและเอ็นดูปรากฏขึ้นในหัวใจ อย่างไรก็ตาม เขาก็คิดไม่ออกเลยว่าเขาเคยรู้จักนางมาจากที่ใด

ตู้ซีรั่วมองคนทั้งสามและยิ้มน้อย ๆ ด้วยสีหน้าอ่อนโยนไม่เปลี่ยนแปลง

“อะแฮ่ม ! เสี่ยวซี รักษาท่าทีด้วย”

เมื่อสังเกตเห็นสายตาของหลัวอวิ๋นซี หลัวจื้อเลี่ยก็กระแอมเบา ๆ และเรียกสตินางกลับคืนมา

“ฮ่า ๆ ๆ เห็นทีเสี่ยวฮ่าวจะมีมิตรสหายที่น่าสนใจทีเดียว”

เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม แขกทั้งสามล้วนโดดเด่นทั้งรูปลักษณ์และพลังที่ไม่ธรรมดา คาดว่าคงจะเป็นสหายของหลัวหมิงฮ่าวที่นำมาเยี่ยมเยียนที่นี่ด้วยกัน

หลัวหมิงฮ่าวหันมองสหายทั้งสามของตนและเพียงยิ้มเบา ๆ โดยไม่กล่าวสิ่งใด

ฉินอวี้โม่บีบมือบางของสั่วซีหย่าที่เริ่มมีสีหน้าบ่งบอกถึงความรู้สึกซับซ้อนและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าได้ยินมานานแล้วว่าเผ่าเลี่ยหยางเป็นเผ่าที่สวยงามที่สุดในชนเผ่าเอลฟ์ เมื่อได้มาเห็นด้วยตัวเองครานี้ ข้าเชื่อแล้วว่าสมดังคำร่ำลืออย่างแท้จริง หากเราทั้งสามจะขอรบกวนท่านอยู่ที่นี่สักสองสามวัน ไม่ทราบว่าท่านผู้นำเลี่ยหยางและท่านหญิงจะรังเกียจหรือไม่ ?”

เวลานี้เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของหลัวจื้อเลี่ย ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกได้ว่าเขามิได้รู้จักสั่วซีหย่ามาก่อนและไม่มีความรู้สึกใด ๆ ที่แสดงออกอย่างชัดเจน สำหรับลักษณะท่าทางอ่อนโยนและเป็นมิตรของตู้ซีรั่ว นางก็ไม่อาจคาดเดาความคิดที่แท้จริงได้เช่นกัน

“ฮ่า ๆ ๆ พวกเจ้าทั้งสามเป็นสหายของเสี่ยวฮ่าว แน่นอนว่าเรายินดีต้อนรับอย่างเต็มใจ เพียงแต่พวกเจ้าทั้งสามจะแนะนำตัวกันก่อนได้หรือไม่ ? เราจะได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันก่อน”

ตู้ซีรั่วกล่าวพร้อมรอยยิ้มและไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด นางก็สังเกตเห็นสายตาที่หลัวอวิ๋นซีมองหานโม่ฉือก่อนหน้านี้และต้องการยื่นมือเข้ามาช่วย

“ข้ามีนามว่าฉินอวี้โม่ นี่คือสามีของข้านามว่าหานโม่ฉือ ส่วนนี่คือสาวรับใช้ส่วนตัวของข้า…สั่วซีหย่า”

หลังจากกล่าวแนะนำตัวสั้น ๆ ฉินอวี้โม่ก็นึกสงสัยเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเผ่าอู๋เหวยจะไม่แพร่สะพัดมาถึงที่นี่ มิฉะนั้น โดยหลักการแล้วตัวตนของพวกนางน่าจะเป็นที่รู้จักกันไปทั่วทั้งชนเผ่าเอลฟ์

สีหน้าของหลัวอวิ๋นซีเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าบุรุษที่ตนหมายปองคือคู่ครองของฉินอวี้โม่ ในที่สุดสายตาของนางก็เลื่อนไปมองที่สตรีผู้นั้น และเมื่อพบว่าฉินอวี้โม่มีรูปลักษณ์ที่งดงามยิ่งกว่าตน ร่องรอยความริษยาก็ปรากฏในสายตาของนางทันทีทว่ามันก็หายไปอย่างรวดเร็ว

“หานโม่ฉือ…ยินดีที่ได้พบ ข้าคือหลัวอวิ๋นซี—องค์หญิงเล็กของชนเผ่าเอลฟ์ เจ้าน่าจะเคยได้ยินชื่อของข้ามาก่อน”

นางไม่รอช้าและก้าวออกไปข้างหน้าพร้อมชำเลืองมองฉินอวี้โม่อย่างยั่วยุขณะกล่าวแนะนำตัวกับหานโม่ฉือ

“อืม”

หานโม่ฉือเพียงส่งเสียงตอบรับอย่างไม่แยแสนักและไม่คิดที่จะเสวนากับนางต่อไป เขาสังเกตเห็นสายตาของนางก่อนหน้านี้แล้วและไม่ต้องการทำให้ฉินอวี้โม่หงุดหงิดใจหรือหึงหวงเพราะการตอบรับที่สุภาพเกินไป

ท่าทางของหานโม่ฉือทำให้หลัวอวิ๋นซีชะงักไปทันที มีบุรุษเพียงน้อยคนเท่านั้นที่จะปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ความเย็นชาของเขาทำให้นางสนใจมากยิ่งขึ้นและหมายมั่นที่จะเอาชนะใจหานโม่ฉือให้จงได้

“ฮ่า ๆ ๆ ส่วนข้าคือหลัวหมิงเฟย เป็นพี่สามของหมิงฮ่าว”

หลัวหมิงเฟยกล่าวแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน เขาเห็นแววตาความสนใจที่น้องสาวของตนมองหานโม่ฉือและเห็นความเป็นปฏิปักษ์ที่นางแสดงต่อฉินอวี้โม่อย่างชัดเจน

เขาถอนหายใจเบา ๆ กับตัวเอง เกรงว่าในช่วงเวลาหลายวันนี้จะเกิดเรื่องที่น่าสนใจขึ้นมากมายในเมืองเลี่ยหยางเป็นแน่…

.

.