หวังเป่าเล่อเพิ่งจะพลิกกายและก้าวออกไปได้ไม่เท่าใด จู่ๆ กระดาษรูปมนุษย์บนเรือสำปั้นก็ยกมือซ้ายขึ้น มีวงแหวนเลือนรางแผ่กระจายออกมา และในวินาทีที่มันปรากฏขึ้นนั้น…ร่างของหวังเป่าเล่อก็หยุดนิ่งทันที สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเมื่อค้นพบว่าร่างกายของตน…ไม่อาจเคลื่อนที่ได้!
เหมือนว่าหวังเป่าเล่อถูกควบคุมด้วยพลังประหลาด ที่ทำให้ตัวเขาต้องหันหลังกลับก่อนจะก้าวย่างอย่างไร้อารมณ์…มุ่งหน้าไปหาเรือสำปั้น!
*เกิดอะไรขึ้นกัน!*หวังเป่าเล่อตื่นกลัวอยู่ในใจและพยายามจะขัดขืนดิ้นรน แต่ก็ไม่เป็นผล ชายหนุ่มทำได้เพียงจ้องมองขณะที่ร่างของตนเองเดินอาดๆ เข้าไปหาเรือสำปั้นราวกับเป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่ง!
ช่างเป็นฉากที่ประหลาดมากทีเดียว!
เรือสำปั้นวิญญาณแผ่รัศมีเก่าแก่โบราณออกมา ด้านหน้าเรือมีกระดาษรูปมนุษย์ที่ยืนโบกมืออย่างไร้อารมณ์ ส่วนด้านหลังใกล้ๆ ห้องโดยสาร มีวัยรุ่นชายหญิงร่วมสามสิบคนที่ไม่อาจซ่อนสีหน้าแปลกแปร่งขณะจ้องมองไปยังหวังเป่าเล่อที่กำลังก้าวเดินเข้ามาหาเรือสำปั้นราวกับเป็นหุ่นเชิด
การที่หวังเป่าเล่อปฏิเสธไปครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนหน้านี้ รวมถึงความกลัวที่ฉายอยู่ในแววตาขณะก้าวเดินมาทางเรือก็ช่วยให้พวกเขาได้คำตอบด้วยตนเอง
“ใครสักคนกำลังควบคุมร่างกายของเซี่ยต้าลู่อย่างนั้นหรือ”
“หรือว่าคนเรือจะบังคับร่างกายเราหากปฏิเสธที่จะขึ้นเรือดาวตกครบจำนวนครั้ง”
“ข้าไม่เคยได้ยินอะไรเช่นนั้นมาก่อนเลย…”
ทุกคนรู้สึกแปลกๆ ขณะจ้องมองหวังเป่าเล่อเคลื่อนที่ใกล้เรือสำปั้นเข้ามาทุกขณะ ความกลัวในแววตาของชายหนุ่มเริ่มเข้มข้นขึ้นทุกที หวังเป่าเล่อแทบจะร้องไห้ออกมา เขาสะอื้นและตัวสั่น
นี่มันอะไรกัน ข้าไม่อยากขึ้นเรือ นี่มันจะมากเกินไปแล้ว!
หวังเป่าเล่อไม่ยอมขึ้นเรือสำปั้น แม้ว่าเรือจะปรากฏขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า ชายหนุ่มก็ปฏิเสธไปทุกครั้ง แต่ครั้งนี้…ทุกสิ่งทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปจนเหนือการควบคุมของเขา หวังเป่าเล่อเสียการควบคุมร่างกายตนเอง และทำได้เพียงจ้องมองขณะที่พลังประหลาดควบคุมร่างกายของเขาจนกระทั่ง…ขึ้นมาอยู่บนเรือสำปั้นในที่สุด
แต่ร่างกายของหวังเป่าเล่อถูกควบคุมให้มาอยู่ด้านหน้าเรือ แยกจากผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่อยู่ท้ายเรือ คลื่นความตกใจอันแรงกล้าถาโถมอยู่ในใจชายหนุ่ม
*แค่บังคับข้าขึ้นเรือก็แย่พออยู่แล้ว ทำไมตำแหน่งของข้ายังแตกต่างจากคนอื่นๆ อีกเล่า!*หวังเป่าเล่อรู้สึกขมขื่นในใจ แต่จนตอนนี้ ชายหนุ่มก็ยังควบคุมร่างกายตนเองไม่ได้ ขณะที่เขายืนอยู่ตรงหน้าเรือสำปั้นนั้น หวังเป่าเล่อหันศีรษะไปมายังไม่ได้ด้วยซ้ำ ชายหนุ่มใช้หางตาจ้องมองและเห็นสีหน้าแปลกประหลาดของบรรดาวัยรุ่นบนเรือ
เห็นได้ชัดว่า สิ่งที่เขาคิดไว้เป็นความจริง บรรดาผู้โดยสารคนอื่นๆ พากันสงสัยว่า หลังจากที่ขึ้นเรือมาทำไมหวังเป่าเล่อจึงไม่ได้ไปอยู่ที่ห้องโดยสาร แต่กลับมายืนอยู่หน้าเรือแทน…
แต่หลังจากนั้น กระดาษรูปมนุษย์หน้าเรือก็ทำกิริยาบางอย่าง แม้ว่าคำตอบจะถูกเผยออกมา แต่วิญญาณของหวังเป่าเล่อก็สั่นไหวอย่างรุนแรง แถมยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธและเกลียดชังที่ระเบิดออกมาจากใจเขา สำหรับคนที่เหลือ…ดวงตาของพวกเขาก็แทบจะหลุดออกมาจากเบ้า บางคนถึงกับทนนั่งเฉยอยู่ไม่ได้ต้องผุดลุกขึ้นยืน สีหน้าของพวกเขาแสดงความไม่เชื่อสายตา เห็นได้ชัดว่ามีพายุรุนแรงกำลังพัดกระแทกวิญญาณพวกเขาอยู่
“เกิดอะไรขึ้นกัน! จับตัวทาสอย่างนั้นหรือ”
“ทำ…ทำไม…ทำไมถึงเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นกัน!”
“ท่านทูตเหนื่อยแล้วอย่างนั้นหรือ”
ไม่ใช่ความผิดของบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ไม่อาจควบคุมความตื่นตกใจเอาไว้ได้ เพราะอันที่จริงแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเป็นหัวกะทิจากหลากหลายตระกูลและมีความรู้มาก แต่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นต่อหน้าตาต่อพวกเขานั้นเรียกได้ว่าเกินจินตนาการ แถมยังแตกต่างไปจากข้อมูลที่พวกเขาเคยได้รับการอบรมมาอย่างสิ้นเชิง!
ก่อนที่คนเหล่านี้จะมาอยู่ที่นี่ ความเคารพที่พวกเขามีต่อเรือสำปั้นนั้นสูงส่งนัก สำหรับพวกเขาแล้ว เรือสำปั้นศักดิ์สิทธิ์ลำนี้เป็นทูตจากดินแดนปริศนาและเป็นทางเดียวที่จะพาไปสู่สถานที่แห่งตำนานได้ ดังนั้น หลังจากที่ขึ้นเรือมา พวกเขาก็สงบเสงี่ยมและไม่กล้าทำอะไรเกินเลย
การวิวาทกับหวังเป่าเล่อเมื่อครู่ถือว่ารุนแรงที่สุด แต่พวกเขาก็ไม่เคยพยายามจะลงจากเรือแม้แต่น้อย มาบัดนี้…พวกเขาได้เห็นเต็มตาว่ากระดาษรูปมนุษย์ ผู้ซึ่งพายเรือไม่หยุดหย่อนด้วยสีหน้าขึงขัง พร้อมร่างกายที่แผ่รัศมีเย็นยะเยียบออกมา และเป็นผู้ที่มีพลังปราณแข็งแกร่งไร้ก้นบึ้ง ได้ส่งไม้พายกระดาษต่อ…ให้หวังเป่าเล่อ!
ไม่ใช่แค่ดวงวิญญาณของพวกเขาเท่านั้นที่สั่นไหว แต่หวังเป่าเล่อเองก็งุนงงเช่นกัน ชายหนุ่มคิดหาเหตุผลว่าเหตุใดกระดาษรูปมนุษย์จึงต้องควบคุมให้ตัวเขาขึ้นมาบนเรือลำนี้ แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้…
เขาจะให้ข้าแจวเรืออย่างนั้นหรือหวังเป่าเล่อสับสน และรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ ชายหนุ่มคิดว่าตนคงมีท่าทีหยิ่งยโส ในฐานะผู้ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งสหพันธรัฐและจักรพรรดิแห่งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ชายหนุ่มไม่มีปัญหากับการแจวเรือสำปั้น แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้ชายหนุ่มหญิงสาวบนเรือกลายเป็นทาสไปได้!
*แม้ว่าข้าจะควบคุมร่างกายไม่ได้ แต่ข้าก็มีกระดูกสันหลัง ลึกๆ ลงไปในใจข้า ข้าไม่ยอมรับ!*หวังเป่าเล่อฮึดฮัดอยู่ในใจก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ ชายหนุ่มกำลังเอื้อมมือออกไปรับใบพายมาอย่างไม่เต็มใจเพราะร่างกายถูกควบคุม ทว่า…ทันทีที่ชายหนุ่มสะบัดชายเสื้อนั้น จู่ๆ หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้น หวังเป่าเล่อก้มศีรษะลงมองมือ หลังจากที่ขยับมือทั้งสองไปมาและหันศีรษะไปมองสิ่งรอบข้าง ชายหนุ่มก็ได้รู้ว่า…เขาบังคับร่างกายตนเองได้แล้วตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบได้
สิ่งนี้ทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมองกระดาษรูปมนุษย์ที่ยังหยิบยื่นใบพายมาให้ ทันใดนั้น หวังเป่าเล่อก็สัมผัสได้ถึงแรงต่อต้านในใจตน
*นี่มันจะมากเกินไปแล้ว เจ้าแค่บังคับร่างกายข้าให้รับใบพายกระดาษมาเสียก็จบ…*ขณะที่หวังเป่าเล่อขัดขืนอยู่นั้น ชายหนุ่มก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะปฏิเสธใบพาย แต่กระดาษรูปมนุษย์กลับมีประกายตาเยือกเย็นสะท้อนขึ้นมาในดวงตา ก่อนที่มันจะปล่อยรัศมีน่าสะพรึงกลัวออกมาจากร่าง ราวกับไม่ยอมให้ชายหนุ่มปฏิเสธ
รัศมีนั้นทรงพลังราวกับเป็นใบมีดแหลมคมที่กำลังจะถูกชักออกจากฝัก และพร้อมสะบั้นทั้งสวรรค์และพื้นพิภพให้ขาดเป็นแล่ง ทำเอาหวังเป่าเล่อขนลุกไปทั่วร่าง ขนาดสารัตถะที่รวมตัวกันเป็นร่างของเขายังหยุดนิ่งแถมส่งสัญญาณเตือนไม่หยุด ราวกับรู้ว่ามีอันตรายใหญ่หลวงกำลังจะมาเยือน
เหงื่อเม็ดเป้งๆ เย็นเฉียบซึมออกมาบนหน้าผากของหวังเป่าเล่อ กระดาษรูปมนุษย์ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง ราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับรัศมีปีศาจอันรุนแรง ในวินาทีนั้น กระดาษรูปมนุษย์บนเรือดูเหมือนตัวในแหวนคลังเก็บไม่มีผิด หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ว่าหากไม่ยื่นมือออกไปรับใบพายกระดาษ มนุษย์กระดาษอาจเข้าโจมตีเขาก็เป็นได้
ในขณะนั้น ไม่ใช่เพียงหวังเป่าเล่อเท่านั้นที่รู้สึกกลัวจับใจ แต่บรรดาชายหญิงในห้องโดยสารของเรือก็รู้สึกเช่นกัน หลังจากที่สัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นจากกระดาษรูปมนุษย์ พวกเขาก็นิ่งเงียบพลางมองดูว่าหวังเป่าเล่อจะรับมือกับสถานการณ์อย่างไร พวกที่เคยทุ่มเถียงกับเขาอยู่ก่อนหน้านี้ ต่างก็เฝ้ามองอย่างหยามเหยียดขณะที่มีสีหน้าลุ้นระทึก
หวังเป่าเล่อไม่มีเวลามาสนใจสายตาของคนเหล่านั้น หลังจากที่สัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันรุนแรงจากกระดาษรูปมนุษย์ตรงหน้า ชายหนุ่มก็สูดลมหายใจเข้าลึก และยิ้มออกมาอย่างอบอุ่นพลางยื่นมือไปรับใบพายกระดาษอย่างแข็งขัน
“ทำไมศิษย์พี่ไม่พูดเช่นนี้ตั้งแต่แรกเล่า ข้าชอบพายเรือมากเลย ข้าขอขอบคุณศิษย์พี่ที่มอบโอกาสนี้ให้ หากศิษย์พี่บอกข้าเร็วกว่านี้ว่าจะให้ขึ้นมาแจวเรือ ข้าคงไม่ปฏิเสธแม้แต่น้อย ข้ารักการพายเรือ ข้าชอบมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ แล้ว”
ขณะที่พูดไปนั้น หวังเป่าเล่อก็ฉีกยิ้มจริงใจ ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มก็ขยับไปยืนหน้าเรือสำปั้นพลางถือใบพายกระดาษ ก่อนจะเริ่มออกแรงพายไปด้านข้าง เขาฉีกยิ้มค้างเอาไว้และถึงกับหันหน้ามามองกระดาษรูปมนุษย์อีกด้วย
“ศิษย์พี่ไปนั่งพักก่อนเถิด ข้าแจวเรือได้ถูกใจหรือไม่” ไม่มีร่องรอยการดิ้นรนขัดขืนหลงเหลือบนใบหน้าของหวังเป่าเล่อแม้แต่น้อย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ชายหนุ่มลอบถอนใจอยู่เงียบๆ โชคยังดีที่เขาเป็นคนปลอบใจตนเองเก่ง…
สิ่งนี้เรียกว่าการก้มหน้ายอมรับความจริง ก็แค่พายเรือเท่านั้น เขาใจดี น่ารักและคงต้องการให้ข้าช่วยเพราะเขาเหนื่อยเท่านั้น การช่วยเหลือผู้คนทำให้จิตใจข้าเป็นสุข!
ขณะที่รัศมีเย็นเยียบยังแผ่ออกมาจากร่างของกระดาษรูปมนุษย์อย่างไม่หยุดยั้ง สีหน้าของวัยรุ่นหนุ่มสาวบนเรือสำปั้นก็แปลกแปร่ง พวกเขาส่วนใหญ่รู้สึกรังเกียจ ในขณะเดียวกัน หวังเป่าเล่อก็ออกแรงสุดตัวเพื่อจ้วงใบพายกระดาษในมือไปในจักรวาลภายนอกเรือ จากนั้นจึงผลักออกไปเพื่อแจวครั้งหนึ่ง
เมื่อหวังเป่าเล่อแจวด้วยใบพายกระดาษไปครั้งหนึ่ง จู่ๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็นิ่งค้าง ชายหนุ่มจับจ้องไปด้านหน้าและส่งเสียงออกมาเบาๆ เขาหันศีรษะ มองไปทางจักรวาลที่อยู่ข้างๆ ใบพายกระดาษทันที
ที่นั่น…ไม่มีสิ่งใดอยู่ แต่หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ว่าใบพายกระดาษไปปะทะเข้ากับแรงต้านอันรุนแรงเมื่อเขาจ้วงพาย ชายหนุ่มต้องใช้แรงแทบหมดตัวเพื่อจะพาย มีคลื่นพลังอันนุ่มนวลก่อตัวที่จักรวาลบริเวณนั้น!