บทที่ 553 คลานเข่ามาหาข้า!

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 553 คลานเข่ามาหาข้า!

เย่ฉิงเสี่ยว คือผู้เชี่ยวชาญของเขตจักรพรรดิ ต่อให้เขาจะไม่ใช้ความแข็งแกร่งเต็ม 10 ส่วน พลังของเขาก็ยังคงน่าสะพรึงอยู่ดี

หลิงตู้ฉิงจ้องไปที่เย่ฉิงเสี่ยวด้วยสายตาเย็นชา ส่วนหมิงยู่ก็เคลื่อนที่มายืนอยู่ข้าง ๆ หลิงตู้ฉิงเพื่อเตรียมพร้อม

หากมีอะไรเกิดขึ้น นางก็พร้อมที่จะผสานร่างกับหลิงตู้ฉิ เพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะของเขาในทันที

แต่แล้วในที่สุด หลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้ลงมือทำอะไร เนื่องจากมู่หลงหยานปรากฏตัวขึ้นขวางพวกเขาเอาไว้พอดี นางจ้องไปที่เย่ฉิงเสี่ยวและพูดว่า “ฉิงเสี่ยว นี่เจ้ากำลังจะทำอะไร?”

“นายหญิง ไอ้หนุ่มคนนี้มันไม่รู้จักมารยาท ข้าเพียงแค่ต้องการสั่งสอนเขาเท่านั้น!” เย่ฉิงเสี่ยวรีบตอบกลับทันที

มู่หลงหยานพ่นลมออกจมูก “เจ้าไม่รู้หรือยังไงว่าเขาคือสามีของชิงเฉิง และมีฐานะเป็นลูกเขยของข้า เจ้ากล้าดียังไงถึงบังอาจมาสั่งสอนลูกเขยของข้ากัน?”

เย่ฉิงเสี่ยวพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “นายหญิง ท่านคิดดีแล้วเหรอที่จะทำตัวขัดแย้งกับการตัดสินใจของทุกคน? ไม่ว่าจะยังไงเมื่อถึงเวลา ชิงเฉิงก็ต้องแต่งงานกับเล้งหวงอยู่ดี และไอ้เจ้าหนุ่มคนนี้มันก็ไม่มีค่าอะไรให้เราพูดถึง ดังนั้นเพื่อเป็นการไม่ให้เขารู้เรื่องของเรามากไปกว่านี้ เราก็ควรไล่เขาออกไปให้พ้นจากสำนักโดยเร็วที่สุด”

สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเหมือนเช่นสำนักอื่น ๆ ที่ห่วงชื่อเสียงของตนเอง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะไม่ต้องการให้คนนอกรู้ถึงปัญหาภายในสำนักมากเกินไป

“ก่อนที่เฉินจี้ซีจะช่วยสามีของข้าได้ ตามที่ทุกคนคุยกันไว้ในห้องโถงใหญ่ หลิงตู้ฉิงจะยังคงเป็นลูกเขยของข้าอยู่!” มู่หลงหยานตอบกลับ

เย่ฉิงเสี่ยวมองไปที่มู่หลงหยานอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อท่านยังดึงดันเช่นนี้อยู่ก็ไม่เป็นไร งั้นไว้เราค่อยมาคุยเรื่องจัดการกับเขายังไงกันใหม่ก็ได้! แต่ไม่ว่าจะยังไง ชิงเฉิงก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากสำนักของเราเด็ดขาด เมื่อครู่ เฟิงหลิวกำลังจะพาทั้งสองหนีไป ซึ่งต่อให้ท่านจะไม่สนใจช่วยสามีกับพ่อของท่าน แต่ข้ายังต้องการที่จะช่วยพ่อของข้าออกมาจากหมอกนั่นอยู่!”

มู่หลงหยานหันกลับไปมองหลิงตู้ฉิงและเย่ชิงเฉิง จากนั้นนางพูดขึ้นว่า “ถอนจิตสำนึกของเจ้าเก็บไปซะ ข้าจะสาบานแทนพวกเขาเอง! ข้าขอสาบานต่อเต๋าแห่งสวรรค์ ก่อนที่สามีของข้าจะถูกช่วยเหลือ หากพวกเขาหนีไปจากสำนักก็ขอให้สวรรค์ส่งทัณฑ์สวรรค์มาสังหารข้าได้เลย!”

“ท่านแม่!” เย่เฟิงหลิวอุทานขึ้นด้วยความตกใจทันที

ทำไมท่านแม่ของเขายอมสาบานง่ายขนาดนั้น? ที่สำคัญหลังจากสาบานแบบนี้ไปแล้วน้องสาวของเขาจะหนีไปได้ยังไง?

ในทางกลับกัน เย่ชิงเฉิงกลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เลย สิ่งที่นางทำก็เพียงแค่เหลือบมองไปที่หลิงตู้ฉิงเท่านั้น

เมื่อเห็นว่ามู่หลงหยานถึงกับสบายต่อกฎสวรรค์ เย่ฉิงเสี่ยวพยักหน้า และพูดว่า “ในเมื่อนายหญิงทำเช่นนี้แล้ว ข้าก็คงทำได้แต่เคารพการตัดสินใจของท่าน”

เมื่อพูดจบเขาดึงจิตสำนึกของตนเองกลับ และเตรียมตัวจะจากไปทันที

แต่ก่อนที่เขาจะได้จากไป หลิงตู้ฉิงก็ถามขึ้นว่า “พ่อของเจ้าอยู่ในเขตแดนหมอกนั่นด้วยงั้นเหรอ?”

เย่ฉิงเสี่ยวเหล่มองไปที่หลิงตู้ฉิง แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับ แต่ถ้าหากดูจากสีหน้าของเขา มันก็สามารถบ่งบอกถึงคำตอบได้อย่างชัดเจน

หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ในอนาคต หากเจ้าต้องการขอให้ข้าช่วยพ่อของเจ้า จงอย่าลืมว่าเจ้าจะต้องคลานเข้ามาหมอบแทบเท้าของข้าก่อนที่จะขอร้องข้า”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ฉิงเสี่ยวถึงกับอารมณ์พุ่งปรี๊ด เขาคือตัวตนที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ แต่กลับถูกผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณหยามหน้าเช่นนี้

มู่หลงหยานที่เห็นว่าสถานการณ์เริ่มจะไม่ดี นางก็รีบพูดขึ้นแทรกทันที “ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องรีบไปหาเฉินจี้ซี เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องเขตแดนหมอกไม่ใช่เหรอ?”

เย่ฉิงเสี่ยวจ้องไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาอาฆาตและตะคอกขึ้นว่า “ไอ้หนุ่ม เมื่อไหร่ที่เรื่องหมอกนี้จบ ข้าจะทำให้เจ้าต้องคุกเข่าขอความตายจากข้า!”

หลังจากพูดจบ เย่ฉิงเสี่ยวก็ไม่อยากจะเห็นหน้าหลิงตู้ฉิงอีกต่อไป เขารีบบินจากไปในทันที

มู่หลงหยานส่ายหัวถอนหายใจ จากนั้นนางก็หันกลับไปมองหลิงตู้ฉิง และพูดว่า “เอาล่ะในเมื่อเจ้าพูดจาใหญ่โตไปซะขนาดนั้นแล้ว ต่อไปพวกเราจะทำอะไรต่อดี?”

เย่เฟิงหลิวพูดเสริมขึ้นเช่นกัน “เป็นไง? ตอนนี้พวกเจ้าพอใจแล้วรึยัง? ข้าบอกพวกเจ้าตั้งแต่แรกแล้วว่าให้พวกเจ้ารีบหนีไปแต่พวกเจ้ากลับไม่หนี แล้วตอนนี้เป็นยังไง? แม่ของข้าในตอนนี้กลับต้องมาสาบานกับกฎสวรรค์ ซึ่งคราวนี้พวกเราจะไปทำอะไรต่อได้อีก?”

สิ่งที่ทำให้เขารำคาญใจมากที่สุดก็คือ น้องเขยของเขาที่มีระดับการบ่มเพาะเพียงแค่ขอบเขตประสานทะเลปราณแต่กลับกล้าพูดจาใหญ่โตข่มเย่ฉิงเสี่ยว ซึ่งมันทำให้เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า น้องเขยของเขาเบื่อชีวิตมากนักรึไง?

หรือว่าเป็นเพราะการมีแม่ของเขาให้ท้าย น้องเขยของเขาเลยกล้าที่จะทำตัวโอหังเหมือนคนบ้าแบบนี้?

ทางด้านของมู่หลงหยานไม่คิดว่าหลิงตู้ฉิงทำตัวโอหังแม้แต่น้อย เนื่องจากก่อนที่จะมาถึงสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ หลิงตู้ฉิงก็ได้ทำให้ฉีหานเฟิงยอมถอยมาแล้ว

ฉีหานเฟิงนั้นมีระดับการบ่มเพาะถึงขอบเขตจักรพรรดิขั้นสูงสุด ซึ่งอีกก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ขอบเขตมหาจักพรรดิ แต่เย่ฉิงเสี่ยวนั้นอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิขั้นต้นเท่านั้น ดังนั้นนางจึงมั่นใจว่าหากสู้กันจริง ๆ หลิงตู้ฉิงน่าจะมีวิธีกำราบเย่ฉิงเสี่ยวได้ไม่ยาก

“สามี ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงกันต่อดี?” เย่ชิงเฉิงถามขึ้น

หลิงตู้ฉิงยิ้ม “พวกเราจะทำอะไรต่อไปน่ะเหรอ? ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ตั้งใจฝึกฝนไปเรื่อย ๆ รอเวลาให้มีคนมาอ้อนวอนขอร้องข้าก็เท่านั้น แต่มันก็คงน่าจะใช้เวลาประมาณสัก 10 ปี พวกเขาถึงจะรู้สึกสิ้นหวังและร้อนรน ดังนั้นใน 10 ปีนี้จงอย่าให้มันผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ เจ้าจงใช้เวลา 10 ปีนี้ในการทะลวงขอบเขตจักรพรรดิไปให้ได้ ซึ่งใช้เวลาแค่ 10 ปีมันก็คงน่าจะเพียงพอ”

หลังจากที่หลิงตู้ฉิงแนะนำมู่หลงหยานเสร็จ เขาก็หันไปพูดกับเย่เฟิงหลิว “ส่วนเจ้า ระดับการบ่มเพาะของเจ้าในตอนนี้ใกล้จะทะลวงไปถึงระดับนภาครามได้แล้ว นี่คือโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ จงใช้มันเพื่อทำการทะลวงระดับของเจ้า อ๋อ หลังจากที่เจ้ารับโอสถของข้าไปแล้วเจ้าก็ต้องทำงานให้ข้าชิ้นหนึ่ง เจ้าจงไปหาหานซ่งหยวนและหยูจิ้งเฉิง เพื่อทวงหินจันทราศักดิ์สิทธิ์และหินแก่นแท้ปฐพีที่พวกเขาติดข้าอยู่ก่อนหน้านี้ด้วย พวกเขาได้ทำการสาบานต่อกฎแห่งสวรรค์ไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่ปฏิเสธเจ้าแน่นอน และหลังจากที่เจ้านำหินจันทราศักดิ์สิทธิ์และหินแก่นแท้ปฐพีมาให้กับข้าแล้ว เจ้าค่อยไปเก็บตัวและทะลวงระดับต่อได้”

มู่หลงหยานได้แต่ส่ายหัวเมื่อได้ยินท่าทีการออกคำสั่งของหลิงตู้ฉิงที่มีต่อลูกชายของนาง นางยิ้มอย่างจนใจและจากนั้นก็หันหลังจากไป

ข้อมูลที่เย่หยูหลันเล่าให้นางฟังเกี่ยวกับลักษณะนิสัยของหลิงตู้ฉิงกับท่าทีของเขาที่แสดงออกในตอนนี้นั้นช่างถูกต้องเต็ม 10 ส่วนไม่มีผิดเพี้ยนกับที่นางได้ยินมา

นอกจากนั้น นางก็จำเป็นที่จะต้องทะลวงขอบเขตจริง ๆ เช่นกัน เพราะถ้าหากทุกอย่างเป็นอย่างที่หลิงตู้ฉิงเอ่ยว่า เฉินจี้ซีนั้นไม่สามารถเปิดเขตแดนหมอกได้แน่นอน ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ นางเองก็จำเป็นที่จะต้องใช้ขอบเขตจักรพรรดิของนางในการกำราบคนบางกลุ่มด้วยเช่นกัน

หลังจากมู่หลงหยานจากไปได้สักพักใหญ่ เย่เฟิงหลิวก็ได้สติจากอาการตกตะลึง จากนั้นเขาก็มองไปที่โอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์คุณภาพสูงสุดในมือด้วยอาการพูดไม่ออก

ไม่ต้องพูดถึงโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์คุณภาพสูงสุด เอาแค่คุณภาพต่ำสุดมันยังมีมูลค่ามหาศาลจนเขายังไม่สามารถซื้อมันได้ด้วยตัวเอง

“พี่สอง นี่ท่านยังรออะไรอยู่? รีบ ๆ ไปทำสิ่งที่สามีของข้าบอกให้ทำให้เสร็จเร็ว ๆ ท่านจะได้รีบไปทะลวงระดับสักที!” เย่ชิงเฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ารำคาญ

เมื่อได้ยินที่น้องสาวของตนเองพูดใส่ เย่เฟิงหลิวก็ได้สติมาอีกรอบ เขารีบเก็บโอสถใส่แหวนมิติทันที จากนั้นเขารีบพูดขึ้นว่า “ขะ ข้า จะรีบไปเดี๋ยวนี้! เอ่อ…น้องเขย ข้าขอบคุณเจ้ามากนะ!”

เมื่อพูดจบเขาก็รีบพุ่งตัวจากไปทันที