องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 868 ตามหาหมอผี
หนานกงเย่คล่องแคล่วว่องไว ถือโอกาสตอนที่ชายชุดขาวกำลังด่าทอ ทะลวงกระบี่เข้าใส่ ชายชุดขาวชะงักงัน มือทั้งสองข้างกอบกุมกระบี่ไว้เพื่อจะดึงออก แต่ทว่ามือทั้งสองข้างกลับมีเลือดไหลอาบ
“ปล่อย ปล่อยเดี๋ยวนี้!”ชายชุดสีขาวกล่าวตะคอก ตอนนี้เขาแทบบ้าแล้ว
หนานกงเย่ออกแรงทะลวงเข้าไป ชายชุดขาวส่ายศีรษะ นำพลังภายในออกมาใช้ ดึงกระบี่ออกมา
ชายชุดขาวถอยหลังไป คนจำนวนหนึ่งได้ปกป้องเขาไว้ กระบี่ของหนานกงเย่ชี้ลงบนพื้น แววตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม กล่าวว่า“เจ้ามันก็ไม่เท่าไหร่หรอก หงอิ่น!”
“เป็นเจ้าที่วางแผนคิดร้ายต่อข้า ไม่อย่างนั้นเจ้าจะบรรลุเป้าหมายหรือ?”หงอิ่นเป็นพี่ชายของหงเสี่ยว แต่เขาเป็นคนที่ถือดีตั้งแต่เกิด เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะบาดเจ็บได้ง่ายอย่างนี้
หนานกงเย่ใช้กระบี่ชี้หงอิ่น แล้วกล่าวว่า“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ไม่คู่ควร เจ้ามันเป็นคนขี้ขลาดที่หลบอยู่ในมุมมืด เจ้าเทียบกับหนานกงเซวียนเหอไม่ได้เลย อย่างน้อยเขาก็แบกรับหน้าที่ เสียสละเพื่อจงชินเป็นอย่างมาก เจ้าล่ะ?
เจ้าทำได้เพียงหลบอยู่ที่แห่งนี้ รอให้คนช่วยเจ้าแย่งอำนาจมา เจ้าค่อยวางแผนมา
หนึ่งเจ้ามาโดยไม่มีความสามารถ สองเจ้าไม่มีฝีมือ”
“เจ้าหุบปากเสีย!”หงอิ่นรู้สึกไม่ยินยอมไม่พอใจ หันไปตะคอกใส่หนานกงเย่
หนานกงเย่เดินไปทางหงอิ่น จากนั้นกล่าวว่า“สังหารเจ้าแล้วสามารถแก้ไขปัญหาได้ ข้าก็ไม่ได้ใส่ใจที่กระบี่ในมือนี้จะเปื้อน”
“ไป รีบพาข้าไป เขาบ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว!”หงอิ่นตกใจเป็นอย่างมาก จนความเย่อหยิ่งเมื่อครู่นี้จางหายไป จากนั้นเขาได้วิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว
ฉีเฟยอวิ๋นมองแล้วมึนงงชั่วขณะ นี่มันคืออะไรกัน?
หนานกงเย่ไม่ได้ตามไป คนกลุ่มนั้นวิ่งราวกับคนจนตรอก
คนไปแล้วหนานกงเย่เลยหันมามองฉีเฟยอวิ๋น อีกาดำโบยบินตามหาคน ซูมู่หรงก็ถูกอีกาดำปล่อย หนานกงเย่เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นกับซูมู่หรงโดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นยกกระบี่ขึ้นแล้วหมุนตัวเดินไป เขาด้านเข้าไปในห้องใหญ่ของจวน
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกผิดปกติ เลยสาวเท้าก้าวเดินตามไป
แต่เพิ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ได้ยินเสียงฝีเท้าอันหนักอึ้งของซูมู่หรง เธอเลยหันกลับไปมอง ตอนนี้เขาได้ล้มลงอยู่บนพื้นแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นรีบวิ่งไปดู แล้วประคองเขาลุกขึ้น ซูมู่หรงหายใจหอบ กล่าวขึ้นว่า“ผมเหนื่อย อยากพักสักครู่ เขาโกรธแล้ว มากับพวกเรา เข้าใจผิดแล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นชะงักงัน นี่ถึงได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น!
“ไม่ต้องสนใจเขาหรอก “ฉีเฟยอวิ๋นหันไปตรวจให้ซูมู่หรง เขาไม่ได้อ่อนแอมาก เพียงแค่เหนื่อย
ฉีเฟยอวิ๋นอยู่เป็นเพื่อนสักพักหนึ่ง ซูมู่หรงลุกขึ้นเดินไปทางด้านของห้องนั้น ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้เดินไปด้วยกัน หนานกงเย่ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ไม่เคยมีคนพัก มันเป็นเพียงฐานที่มั่นชั่วคราว
“ไปเถิด”เห็นฉีเฟยอวิ๋นหนานกงเย่เลยกล่าวขึ้น สาวเท้าออกไปอย่างเยือกเย็น
เขาเดินผ่านข้างกายของฉีเฟยอวิ๋นไป แต่ทว่ากลับไม่สนใจฉีเฟยอวิ๋น แน่นอนว่าเธอรู้ว่าเขาไม่พอใจแต่นี่ไร้สาระไม่มีเหตุผลเกินไปแล้ว ไม่ถามสักคำก็ใช้อารมณ์แล้ว?
ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัว หนานกงเย่ได้ออกไปแล้วซูมู่หรงเลยกล่าวว่า“ดูไม่ออก นิสัยอารมณ์ของเขานี่ไม่ธรรมดา!”
“ไม่ต้องสนใจเขา พวกเราไปเถิด”ฉีเฟยอวิ๋นประคองซูมู่หรงออกมาตากด้านในเรือน และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอเรื่องแบบนี้ พูดตามความจริง เธอปลอบคนไข้เป็น แต่ปลอบหนานกงเย่ไม่เป็น
ทั้งสองคนออกมาหนานกงเย่ได้เดินไปไกลแล้ว ซูมู่หรงถามว่า“เพราะผมพวกคุณเลยแยกจากกันเหรอ?”
ฉีเฟยอวิ๋นมองซูมู่หรงแล้วกล่าวว่า“หากแยกจากกันง่ายขนาดนั้น ก็ไม่ใช่ว่าแยกจะกันนานแล้วเหรอ ทำไมจะต้องรอถึงตอนนี้ คุณเอาใจวางในท้องเถิด พรุ่งนี้ฉันจะเอาวิธีการให้ ไม่ง่ายที่คุณจะมาได้ ฉันอยากไปสู่ขอเมียให้คุณ ให้คุณแต่งงานมีลูก หลังจากนั้นทั้งสองครอบครัวเป็นเพื่อนต่อกัน คุณตายแล้ว ใครจะมาดูแลปีกใต้ ฉันกลัวว่าพอถึงเวลานั้นเฟิงอู๋ชิงตะผลักดันฉันขึ้นเป็นตำแหน่งองค์จักรพรรดิ ฉันไม่ไปหรอกนะ!”
เธอประคองซูมู่หรงกลับไป รู้สึกสับสนว้าวุ่นเหลือเกิน
เธอคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะเป็นแบบนี้
ซูมู่หรงมู่ไม่ได้พูดอะไร พอกลับมาถึงจวนอ๋องเย่ก็กลับไปพักผ่อน ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปที่ห้องของเธอกับหนานกงเย่ก่อน หนานกงเย่ไม่อยู่ ฉีเฟยอวิ๋นเลยไปหาทางด้านเรือนจวินจู่ พอมาถึงด้านในห้องของลูกๆหนานก็เย่ก็ไม่อยู่ ฉีเฟยอวิ๋นเห็นแม่ทัพฉีกับอวิ๋นจิ่นกำลังพักผ่อน ลูกๆก็กำลังหลับ ฉีเฟยอวิ๋นเลยเดินไปหาเจ้าห้า เจ้าห้าก็หลับเหมือนกัน
ฉีเฟยอวิ๋นเลยหมุนตัวเดินไป
กลับเข้ามาถึงด้านในห้องพัก ฉีเฟยอวิ๋นจึงเดินไปทางสระกำมะถัน เธอไม่เห็นหนานกงเย่ก็เลยอาบน้ำ ฉีเฟยอวิ๋นอาบเสร็จเลยออกมาเปลี่ยนชุด จากนั้นเลยเดินออกไปดู เฟยอิงได้กลับมาแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นเลยถามเขาว่า“ท่านอ๋องล่ะ?”
“ออกไปแล้ว เขาออกไปจับคน ช่วงไม่กี่วันนี้จะไม่กลับมาที่จวนพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนที่เฟยอิงพูดเขานั้นไม่กล้าสบตาฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นเลยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เลยไม่ได้ถามมาก ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวเข้าห้อง เธอไม่ได้ไปพักผ่อน เธอไปดูตำรา หาอยู่ครึ่งค่อนคืน ถึงหาตำราที่สามารถทำให้คนตายแล้วฟื้นขึ้นมาได้
แต่มันเป็นตำราคาถาเวทมนต์ เธอจะต้องไปหาหมอผี
เป็นครั้งแรกที่ฉีเฟยอวิ๋นสัมผัสสิ่งนี้ บนตำรานั้นเขียนว่าคนที่ตายแล้วสามารถฟื้นคืนชีพได้ เพียงแค่ต้องเรียกนำวิญญาณของคนที่ตายแล้วกลับมา
ฉีเฟยอวิ๋นไม่เข้าใจเรื่องนี้ และก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือหลอก
แต่อย่างไรก็อยากจะลองดู
ตอนเช้าตื่นมา ฉีเฟยอวิ๋นได้กล่าวชี้แจงทุกเรื่องราว จากนั้นได้สั่งให้แม่ทัพฉีอยู่ที่เรือนเสียเลย อย่างไรอวิ๋นจิ่นก็ต้องสงบครรภ์ กลับจวนอ๋องเย่หรือจวนแม่ทัพก็ไม่มีอะไรแตกต่าง
ชี้แจงอย่างชัดเจนแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้า และเอายาไว้ให้องค์จักรพรรดิปีกใต้ จึงพาเฟยอิงไปที่วัดของราชวงศ์เพื่อค้นหาหลวงพ่ออาวุโสผู้นั้น
เรื่องสิ่งลี้ลับ ฉีเฟยอวิ๋นไม่เข้าใจ เธอสามารถถามได้เพียงพระแล้ว อยู่ด้านนอกเมืองหลวงมีวัดของราชวงศ์
รถม้าของฉีเฟยอวิ๋นมาถึง เธอลงรถและเดินเข้าไปด้านในวัด
หลวงพ่ออาวุโสเป็นสมภารของวัด พอเห็นแล้วรู้สึกแปลกใจ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะมาอีกแล้ว
เมื่อก่อนฉีเฟยอวิ๋นเคยเจอหลวงพ่ออาวุโส เธอจึงเดินไปทำความเคารพ จากนั้นได้ถามเกี่ยวกับเรื่องหมอผีอย่างตรงไปตรงมา เธอมีธุระ และก็ไม่มีเวลาไปพูดเกี่ยวกับเรื่องราวที่ไม่มีประโยชน์พวกนั้น
หลวงพ่ออาวุโสแปลกใจกล่าวว่า“เหตุใดโยมถึงได้ถามเรื่องเหล่านี้?”
“ข้าเพียงแค่อยากจะถามว่าหมอผีช่วยคนรักษาคนได้จริงหรือไม่?”
หลวงพ่ออาวุโสลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง มองทางเจ้าห้า แล้วนึกว่าฉีเฟยอวิ๋นทำเพื่อเจ้าห้า
“หมอผีก็สามารถเป็นหมอได้ แต่พวกเขาก็รู้วิชาคาถาด้วย ดังนั้นมันขึ้นอยู่กับว่าเป็นโรคอะไร” หลวงพ่ออาวุโสตอบตามความจริง และฉีเฟยอวิ๋นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“อยากถามเจ้าอาวาส ว่ามีไสยศาสตร์หรือไม่?”
“เมื่อมีศรัทธาอย่างแท้จริง จะเห็นการมีอยู่ ยิ่งเชื่อน้อยลง จะทรงปรากฏให้เห็นน้อยลง เพราะคุณธรรมไม่สามารถไปถึงสิ่งนั้นได้”
”เช่นนั้นหากต้องการวิญญาณคนที่ตายคืนกลับมา ได้หรือไม่?”
“เคยได้ยินเรื่องฟื้นคืนชีพ แต่หากเป็นการเรียกคืนวิญญาณ จะไม่สามารถปล่อยดวงวิญญาณไปได้ที่ไหนกันล่ะ มันไม่ยุติธรรมกับชาติหน้าของพวกเขา”
ฉีเฟยิวิ๋นพยักหน้ากล่าวว่า“เพราะฉะนั้นเจ้าอาวาสอยากบอกข้า ว่าไม่สามารถทำเช่นนี้ แต่สามารถเรียกวิญญาณได้จริงใช่หรือไม่?”
“พูดไม่ได้!”
“ข้ารู้แล้ว”ฉีเฟยอวิ๋นตอบแล้วหมุนตัวเดินออกไป เจ้าอาวาสสีหน้ามึนงง แค่นี้นะหรือ?
ฉีเฟยอวิ๋นออกมาจากวัด ขึ้นรถม้าแล้วถามเฟยอิงว่า“ที่ไหนมีหมอผีที่มีชื่อเสียง”
“…..”เฟยอิงไม่แน่ใจ เขานั้นไม่เคยได้ยิน
ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าเฟยอิงช่วยอะไรไม่ได้ เลยสอบถามทั่วทุกแห่งหน สอบถามอยู่วันสองวัน กินอาหารเสร็จก็ออกไป เจ้าห้าเริ่มไม่กินไม่ดื่ม ต่อมากลับกินเล็กน้อย
เขาเดินได้ สามารถนั่งเอง ตอนกินอาหารฉีเฟยอวิ๋นป้อน
หลังจากนั้นไม่ใช่ศึกษาเรื่องช่วยคน ก็ไปสอบถาม
สวรรค์ไม่มีทางทำให้ผู้มีความเพียรพยายามผิดหวัง สามารถทำให้เธอสามารถหาหมอผีเจอคนหนึ่ง อีกทั้งยังมีชื่อเสียงด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมตัวอยู่สักครู่หนึ่ง เพื่อที่จะออกตามหา!