ตอนที่ 833 มังกรปีศาจจ่านคง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ปัง! มู่เฉียนซีตกลงมาจากที่สูง

รอบ ๆ มืดดำสนิท และเต็มไปด้วยพลังอันแปลกประหลาด

ฉ่า ฉ่า! นางคล้ายกับว่าได้ยินเสียงน้ำไหล

นางมองไปทางเสียงน้ำที่ไหลนั้น และได้เห็นกับดวงตาสีเขียวเข้มที่แปลกประหลาดคู่หนึ่งราวกับภูตผีก็มิปาน กำลังมองมาที่นาง……

เสียงแข็งกระด้างอันแปลกประหลาดนั้นดังขึ้น “ในกลุ่มมดปลวกเหล่านั้น กลิ่นอายของเจ้าพิเศษที่สุดแล้ว เพราะฉะนั้น ข้าแปลกใจในตัวเจ้ามาก”

ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ได้เห็นรูปร่างของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ตัวนี้อย่างชัดเจนแล้ว

มันมีลำตัวขนาดใหญ่สีเขียวเข้มดุจดั่งศิลา และยิ่งใหญ่ดุจดั่งขุนเขาหลายลูกที่เชื่อมต่อกัน

ข้างปากมีหนวดยาวสองเส้น แววตาคู่นั้นโหดร้ายเป็นอย่างยิ่ง

มู่เฉียนซีกล่าวเสียงต่ำว่า “นี่คือ……”

“มังกร!”

ผู้ควบคุมหอศิลา และสิ่งที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหอศิลา นึกไม่ถึงว่าจะเป็นมังกร!

มังกรสีเขียวเข้มตัวหนึ่ง บนลำตัวยังมีรอยบาดแผลอันโหดร้ายบางส่วนที่ไม่สามารถหายสนิทได้ ทำให้คนมีความรู้สึกมืดมนและอันตรายเป็นอย่างยิ่ง

“เป็นเจ้า ที่ฆ่าของเล่นเหล่านั้นของข้า ข้างกายข้าก็เหลือแค่ของเล่นเหล่านั้นแล้ว แต่กลับถูกเจ้าทำลายไปจนสิ้น เจ้าว่า ข้าควรจะทำเช่นไรกับเจ้าดีล่ะ?”

สายตาอันเย็นยะเยือกคู่นั้นจ้องมองมาที่มู่เฉียนซี มู่เฉียนซีรีบใช้พลังวิญญาณต้านทาน ถึงแม้ว่าผลจะมีจำกัด แต่ตอนนี้ก็ทำได้เพียงแค่นี้แล้ว

“พลังของเจ้า นึกไม่ถึงว่าจะอ่อนแอถึงเพียงนี้!” มังกรยักษ์ตัวนี้มองมู่เฉียนซีด้วยความประหลาดใจ

ผู้ที่สามารถฆ่าหุ่นเชิดสัตว์สงครามเหล่านั้นได้ เป็นไปไม่ได้ที่พลังจะอ่อนแอเช่นนี้

“เห็นได้ชัดว่ามีแค่เจ้าเพียงผู้เดียวที่มีพลังและดวงจิตพิเศษ แต่เหตุใดกลับไม่ใช่เจ้า!”

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นผู้ที่มีหอศิลาอยู่ แต่มันก็ไม่สามารถควบคุมเรื่องทุกอย่างของภายนอกได้

ทำได้เพียงแค่อาศัยความผันผวนของพลังกับความผันผวนของดวงจิตตัดสิน จึงทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาดเช่นนี้

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว คนผู้นั้นไม่ใช่ข้าแน่นอน ข้าเป็นแค่จักรพรรดิแห่งภูตระดับสาม และข้าก็อ่อนแอที่สุดในกลุ่มของพวกเขา”

“อ่อนแอที่สุด!” มังกรมองไปที่มู่เฉียนซี

“ไม่เพียงแต่อ่อนแอที่สุด แต่ยังอัปลักษณ์ที่สุดอีกด้วย เจ้าไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ต่อแล้ว ที่รักของข้า ก็ไม่อยากเห็นหน้าเจ้าแล้ว!”

สายลมอันน่าสะพรึงกลัวพัดกระโชกไปทางมู่เฉียนซี

นี่เป็นพลังแห่งมิติที่สามารถทำให้ร่างของคนแหลกสลายกลายเป็นชิ้น ๆ ได้ภายในชั่วพริบตา หากกระทบกับร่างของมู่เฉียนซีเข้าแล้ว มู่เฉียนซีต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

แสงสีเขียวอ่อนได้ห่อหุ้มร่างของมู่เฉียนซีขึ้น พลังแห่งเวลาทำให้พลังแห่งมิตินี้ล่าถอยกลับไป!

ดวงตาของมังกรยักษ์ตัวนั้นเบิกกว้างด้วยความตกใจมองไปที่มู่เฉียนซี “นี่มัน……พลังนี้……”

“ศาลานิรันดร์ ศาลาเลือนรางเก้าชั้น!”

“อาถิง นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอเจ้าที่นี่!”

มู่เฉียนซีผงะตกใจไปครู่หนึ่ง มังกรยักษ์ตัวนี้แค่เห็นพลังก็รู้แล้วว่าเป็นอาถิง อีกทั้งยังรู้ชื่ออาถิงอีกด้วย

นี่มัน นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะรู้จักอาถิงด้วย!

อาถิงส่งเสียงไปให้มู่เฉียนซีว่า “รีบให้ท่านพี่ข้าส่งหวงจิ่วเยี่ยมาที่นี่ ข้าจะช่วยเจ้าขวางเจ้าหมอนี่เอาไว้ก่อน ต้องเร็วที่สุด! มิเช่นนั้นพวกเราได้ตายแน่!”

มู่เฉียนซีร่นตัวถอยหลังไปหลายก้าว การต่อสู้ระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่นางจะเข้าร่วมได้

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “เจ้าระวังตัวด้วย!”

แสงสีเขียวอ่อนสว่างวาบขึ้น ชายหนุ่มผู้บริสุทธิ์เดินออกมาราวกับภูตก็มิปาน

เพียงแต่ดวงตาสีเขียวอ่อนคู่นั้นที่มองไปที่มังกรยักษ์กลับเย็นยะเยือกเป็นอย่างยิ่ง “เจ้ามังกรปีศาจจ่างคง เจ้ารีบเปิดทางมิติให้ทุกคนออกไปเดี๋ยวนี้นะ แล้วข้าจะไม่เอาความเจ้า”

“อาถิง ไม่ได้เจอกันนานหลายปี เจ้ายังคงกำเริบเสิบสานอยู่เช่นเดิมเลยนะ แต่เจ้าในตอนนี้……” มังกรยักษ์มองไปที่อาถิงกับมู่เฉียนซีอย่างพิจารณา “หลายปีที่ผ่านมานี้ พลังของเจ้าฟื้นกลับมาก็ไม่เท่าไหร่ อีกทั้งยังมาเจอนายที่พลังอ่อนแอเช่นนี้อีก ช่างน่าเวทนายิ่งนัก เคยเชิดหน้าอย่างทระนงอยู่บนฟากฟ้า เป็นศาลานิรันดร์หนึ่งในมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ของเหล่าเทพ นึกไม่ถึงว่าจะตกอยู่ในสภาพที่ตกอับในที่นาเช่นนี้”

“อย่ามาพูดไร้สาระกับข้า ตกลงเจ้าจะปล่อยหรือไม่ปล่อย?” อาถิงกล่าวด้วยความรำคาญ

“ข้าไม่เพียงแต่จะไม่ปล่อย แต่ข้าจะฆ่าเจ้าอีกด้วย!” ทันที่ร่างของมังกรยักษ์เคลื่อนไหวขึ้น บริเวณรอบก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าจะถล่มแผ่นดินจะทลายก็มิปาน

นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะฆ่าศาลานิรันดร์ เขาจะพลาดโอกาสนี้ไปได้เช่นไร

อาถิงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “จะฆ่าข้า นี่ก็ต้องดูแล้วล่ะว่าเจ้ามีความสามารถนั้นหรือไม่”

“ตอนนี้เจ้าอ่อนแอถึงเพียงนี้ ความสามารถที่จะฆ่าเจ้านั้นข้ามีอยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะฆ่าเจ้า ข้าก็อยากจะพูดคุยกับเจ้าสักหน่อย ข้าอยู่ที่นี่มานานหลายปียังไม่เคยพูดคุยกับใครดี ๆ เลย ถึงอย่างไรเสีย เราก็รู้จักกันมานานไม่ใช่เหรอ?” จ่านคงยิ้มพลางกล่าว

“รู้จักกันมานานอย่างนั้นเหรอ ใครรู้จักมดปลวกเช่นเจ้ามานานกันล่ะฮะ!” อาถิงกล่าวเย้ยหยัน

“แต่ข้าว่า มดปลวกในตอนนี้ เป็นเจ้ามากกว่า!” มังกรปีศาจจ่านคงกล่าวดูถูก

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! คมมีดแห่งมิติจำนวนมากพุ่งไปทางอาถิง

อาถิงกระโดดขึ้น และได้เปลี่ยนแปลงเวลา ทำให้พลังแห่งมิตินั้นย้อนกลับไป

“เจ้าก็มีความสามารถเพียงเล็กน้อยแค่นี้น่ะเหรอ ท่านสุ่ยจิงอิ๋งต้องผิดหวังในตัวเจ้ามากเป็นแน่!” จ่านคงกล่าว

อาถิงโกรธเกรี้ยวขึ้น “คนเช่นเจ้า ไม่มีสิทธิ์มากล่าวถึงท่านพี่ข้า!”

จ่านคงกล่าว “เหตุใดข้าจะกล่าวถึงท่านสุ่ยจิงอิ๋งไม่ได้ ตอนนี้ท่านสุ่ยจิงอิ๋งก็อยู่กับข้ามานานมากแล้ว”

อาถิงโกรธเกรี้ยวขึ้น “นี่เจ้าว่าอะไรนะ เจ้าบอกว่าท่านพี่ข้าอยู่ที่นี่อย่างนั้นเหรอ นี่เจ้า……”

มังกรปีศาจจ่านคงกล่าว “ก็ใช่น่ะสิ ท่านสุ่ยจิงอิ๋ง อยู่กับข้ามาโดยตลอด ท่านสุ่ยจิงอิ๋งผู้น่าสงสาร เพื่อปกป้องเจ้าเด็กชั่วร้ายที่ถูกฟ้าดินไม่ยอมรับผู้นั้นผู้เดียว นึกไม่ถึงว่าถึงกับยอมสละชีวิตของตัวเอง ทำให้จิตวิญญาณของตัวเองบาดเจ็บสาหัส แม้กระทั่งร่างของตัวเองก็ต้องแตกกระจายออกมาชิ้น ๆ เช่นนี้”

มู่เฉียนซีตกใจผงะไปครู่หนึ่ง ผู้ที่ถูกเรียกว่าฟ้าดินไม่ยอมรับผู้นั้น เป็นจิ่วเยี่ยเหรอ!

“เจ้าพูดออกมาให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้นะ!”

“ตอนนั้นข้าได้รับคำสั่งให้เอาของล้ำค่าอย่างหนึ่งมามอบให้กับพวกไร้ประโยชน์กลุ่มนั้นของแดนคุก เพื่อให้พวกมันกำจัดชายผู้น่ากลัวผู้ที่ถูกกำจัดมายังแดนคุกผู้นั้น เดิมทีทุกอย่างกำลังเป็นไปอย่างราบรื่น แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะพบกับท่านสุ่ยจิงอิ๋ง นางผู้ที่มีฐานะสูงส่ง นึกไม่ถึงเลยว่าจะลดตัวลงมาในสถานที่ชั่วร้ายและสกปรกเช่นนั้น อีกทั้งยังช่วยปีศาจร้ายผู้นั้นอีก จนในที่สุดตัวเองได้รับบาดเจ็บ”

“เนื่องจากพลังของท่านสุ่ยจิงอิ๋งนั้นร้ายแรงอย่างไม่อาจเทียบได้ แม้แต่ตัวข้าเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าดูรอยแผลเป็นบนร่างข้าสิ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ท่านสุ่ยจิงอิ๋งประทานให้แก่ข้าทั้งสิ้น ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมานานหลายปี แต่มันก็ยังไม่หายกลับมาเป็นเหมือนเดิม และข้าก็ไม่ได้หวังให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วล่ะ”

“นี่เป็นรอยแผลที่ท่านสุ่ยจิงอิ๋งทิ้งไว้บนร่างของข้า!”

หนวดของมันปัดไปที่บาดแผลอันสยดสยองเหล่านั้นเบา ๆ ประดุจว่านี่ไม่ใช่บาดแผล แต่เป็นของล้ำค่าที่มีค่าที่สุดก็มิปาน

“เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้นะ!” ตอนนี้อาถิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นแล้ว

“ส่วนที่แตกออกมาของท่านพี่ข้า อยู่กับเจ้าใช่หรือไม่ เอาออกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

ตอนนี้เขาไม่อยากจะสนใจคนก่อนหน้านี้ที่จ่านคงกล่าวถึง ไม่สนใจว่าจะมีแผนการร้ายอันใดที่จะมุ่งเป้าไปที่เจ้าหวงจิ่วเยี่ยนั่น และไม่ต้องการรู้ว่าเจ้าหวงจิ่วเยี่ยนั่นทำสิ่งใด เขาถึงได้ส่งเจ้ามังกรปีศาจมาตามฆ่าเช่นนี้

เขาคิดเพียงแค่จะทำเช่นไรที่จะให้ท่านพี่ของเขาอยู่ห่างจากเจ้าผู้น่ารังเกียจผู้นั้นได้

ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ได้เรียกสุ่ยจิงอิ๋งฟื้นขึ้นมาแล้ว และกำลังคิดจะให้สุ่ยจิงอิ๋งพาจิ่วเยี่ยมาที่นี่

ดูเหมือนว่ามังกรปีศาจตนนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นอย่างมากกับการต่อสู้ในครั้งนั้นที่จิ่วเยี่ยได้รับคำสาปมา ถึงแม้จะไม่ใช่ที่บงการอยู่เบื้องหลัง ก็เกรงว่าจะเป็นหนึ่งในมือสังหารนั้น!