บทที่ 408 ข่าวซุบซิบ EnjoyBook
บทที่ 408 ข่าวซุบซิบ
หลังวางแผนเรื่องอนาคตกันแล้ว ทั้งคู่ก็ไปที่โรงภาพยนตร์เพื่อไปดูหนัง
ร้านเสื้อผ้า ศูนย์ตัดเย็บเสื้อผ้าขนาดย่อมของหลินชิงเหอ และร้านเกี๊ยวของโจวชิงไป๋ปิดกันหมดแล้ว เหลือเพียงร้านเครื่องดื่มที่อยู่ใกล้โรงภาพยนตร์เท่านั้นที่ยังเปิดอยู่
ต่อให้อากาศจะหนาวเย็น ก็ยังมีคนบางคนดื่มเครื่องดื่มและกินไอศกรีมกันอยู่ โดยเฉพาะร้านตรงโรงภาพยนตร์ที่กิจการร้านดีขึ้นกว่าแต่ก่อนถึง 30 เปอร์เซ็นต์
จึงเป็นธรรมดานับจากวันที่ 20 ธันวาคมถึงช่วงปีใหม่ที่หลินชิงเหอจะจ่ายค่าแรงเป็นสองเท่าให้กับเฉิงหยางและเฉิงเยว่
ยิ่งกว่านั้นเธอบอกพวกเขาในเรื่องต้องทำงานล่วงเวลาและไม่มีวันหยุดแล้ว ซึ่งพวกเขาก็เต็มใจอย่างมากที่จะทำ
ปีใหม่ยังคงเป็นเหมือนเดิมอย่างที่ผ่านมา ขณะที่การได้รับค่าแรงสองเท่าไม่ใช่โอกาสที่เกิดได้ทั่วไป ทั้งคู่จึงมีความสุขที่จะทำงานนี้
แต่ถึงอย่างนั้นหลินชิงเหอก็ปล่อยให้พวกเขาได้พักในวันสิ้นปี พวกเขาทำงานเสร็จตอนบ่ายสามโมงและสามารถพักผ่อนได้จนถึงบ่ายสามโมงของวันถัดมา จากนั้นพวกเขาจะต้องกลับมาเปิดร้านต่อ
ปีนี้หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋พาครอบครัวของพวกเขาไปร่วมโต๊ะอาหารที่บ้านท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวอีกครั้ง
ไม่ได้มีแค่พวกเขาเท่านั้น หวังหยวนก็ไปที่นั่นด้วย เฒ่าหวังเองก็เช่นกัน ซึ่งโจวเฉวี่ยนกับโจวกุยหลายเป็นคนเชิญพวกเขาไปเมื่อนานมาแล้ว
“ปีนี้เจ้าใหญ่ไม่ได้กลับมาเลยนะ” ท่านแม่โจวเอ่ยขึ้น
หญิงชราคิดถึงหลานชายของนางมาก ในบรรดาหลานชายหลานสาวมากมาย นางล้วนรักใคร่พวกเขาทั้งหมด แต่คนที่นางรักมากที่สุดก็คือโจวข่ายหลานชายคนโต
“เขาโทรกลับมาบอกแล้วค่ะว่ากลับมาที่นี่ไม่ทัน” หลินชิงเหอเอ่ย
“วันปีใหม่ทั้งทีกลับต้องอยู่นอกบ้าน…ฉันไม่รู้เลยว่าเขาจะได้กินเกี๊ยวร้อน ๆ บ้างหรือเปล่า” ท่านแม่โจวเอ่ยต่อ
หลินชิงเหอไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอรู้ดีว่าหญิงชรามีความรู้สึกอย่างไรต่อหลานชายของนาง
“จะไม่ได้กินเกี๊ยวร้อน ๆ ได้อย่างไรล่ะครับ? คุณย่าคิดมากเกินไปแล้ว ตอนนี้มันยุค 80 แล้วนะครับ” โจวกุยหลายตอบ
“คราวที่แล้วฉันได้ยินกังจือบอกว่าเธอทำเนื้อแดดเดียวไว้เยอะเลยงั้นเหรอ?” ท่านแม่โจวหันมาถามลูกสะใภ้คนเล็กอีกครั้ง
“ค่ะ คราวที่แล้วเขาโทรกลับมาบอกฉันว่าปีหน้าให้ทำเนื้อแดดเดียวส่งไปให้เขามากกว่านี้น่ะค่ะ” หลินชิงเหอยืนยัน
“ถ้าถึงเวลาแล้วบอกฉันด้วยนะ ฉันจะได้ทำน่องไก่อบไปให้ มันคงมีรสชาติไม่ด้อยกว่าเนื้อแดดเดียวหรอก” ท่านแม่โจวพูด
หลินชิงเหอตกลง
ทั้งครอบครัวอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า ในบ้านมีคนทั้งหมด 17 คน ซึ่งถือว่าค่อนข้างมาก อาหารมื้อเย็นในวันสิ้นปีจึงต้องแบ่งออกเป็นสองโต๊ะ เพราะเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะนั่งเบียดกันในโต๊ะเดียว
พวกเขาดูทีวีขณะกินอาหารเย็นประจำวันสิ้นปี เสียงพูดคุยและหัวเราะดังก้องไปทั่ว ฟังแล้วช่างครึกครื้นยิ่งนัก
โดยเฉพาะเมื่อมีหวังหยวนผู้เป็นว่าที่ลูกเขยของครอบครัวโจวเข้ามาร่วมโต๊ะอาหารด้วย
หลังกินเสร็จแล้ว โจวเอ้อร์นีก็ทำหน้าที่ล้างจานกับโจวเฉวี่ยน หู่จือ และคนอื่น ๆ ซึ่งตอนที่อาศัยอยู่บ้านเก่าในชนบท พวกเด็กชายก็ได้ทำงานบ้านด้วยเหมือนกัน
หลังล้างจานเสร็จแล้ว โจวกุยหลายก็พูดกับหวังหยวน “พี่หวังหยวน กฎของตระกูลโจวเราก็คือผู้ชายต้องทำงานหาเงินนอกบ้าน และเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว พวกเขาก็ต้องช่วยทำงานบ้านด้วยนะครับ”
“ในอนาคตฉันคงทำพร้อมกับพี่เอ้อร์นีของนายล่ะ” หวังหยวนพยักหน้าราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ
โจวเอ้อร์นีเบือนหน้าไปอีกทางหนึ่งและเอ่ยกับหลินชิงเหอและโจวเสี่ยวเหมย “คุณอาสะใภ้สี่ คุณอาเล็ก หนูนำผ้าพันคอมาให้น่ะค่ะ ลองดูนะคะว่าชอบหรือเปล่า”
“หนูไม่จำเป็นต้องเอามาให้เลยนี่จ๊ะ” หลินชิงเหอยิ้ม
“ใช่แล้วล่ะ คุณอาเขยเล็กก็เพิ่งซื้อมาให้ฉันเมื่อสองวันก่อนนี้เอง” โจวเสี่ยวเหมยเอ่ยเช่นกัน
แต่ถึงจะบอกไปอย่างนั้น ทั้งสองก็ยังเดินเข้าไปในห้องอยู่ดี แล้วโจวเอ้อร์นีก็หยิบผ้าพันคอออกมาให้ ซึ่งพวกมันเป็นผ้าพันคอที่ดูทันสมัยเป็นอย่างมาก.
“คราวหน้าไม่ต้องใช้จ่ายเงินมากขนาดนี้แล้วนะ” โจวเสี่ยวเหมยบอกหล่อน
โจวเอ้อร์นียิ้ม จากนั้นก็กระซิบ “อาสะใภ้สี่คะ อาเล็กคะ หวังหยวนอยากให้ฉันไปกินอาหารเย็นที่บ้านของเขาในวันพรุ่งนี้น่ะค่ะ”
หลินชิงเหอกับโจวเสี่ยวเหมยมองสบตากัน
“เธอคิดว่ายังไงล่ะ?” หลินชิงเหอถามหล่อน
โจวเสี่ยวเหมยหันไปหาโจวเอ้อร์นีเช่นกัน ทำให้โจวเอ้อร์นีมีท่าทางเขินอายเล็กน้อย “หนูคิดว่ามันเร็วเกินไปค่ะ”
“เร็วอะไรกัน เขามากินอาหารเย็นวันสิ้นปีที่บ้านเราแล้วนะ” โจวเสี่ยวเหมยแจงเหตุผลอย่างตรงไปตรงมา
ทั้งคู่กำลังคบกันอยู่ ยิ่งกว่านั้นเขายังมากินอาหารเย็นวันสิ้นปีที่บ้านของฝ่ายสาวแล้วด้วย ไม่ใช่ครอบครัวของเขาเพียงครอบครัวเดียว เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าเขามีความคิดที่ชัดเจนเพียงใด
โจวเอ้อร์นีรู้สึกเขินอายเล็กน้อยและเอ่ยพึมพำ “หนูบอกเขาไม่ให้มาที่นี่แล้วให้กินข้าวที่บ้านของเขาแทนน่ะค่ะ”
เมื่อหวังหยวนพูดว่าเขาจะมาร่วมอาหารเย็นวันสิ้นปีด้วย ปฏิกิริยาแรกของหล่อนก็คือไม่ให้เขามา เขาควรกลับไปร่วมอาหารเย็นที่บ้านของเขาจะดีกว่า
แต่หวังหยวนก็มาที่นี่จนได้ และเขาก็อยากให้หล่อนไปกินอาหารที่บ้านของเขาสักมื้อด้วย
หลินชิงเหอยิ้มกริ่มขณะเอ่ยขึ้น “หนูลองคิดดูด้วยตัวเองเถอะจ้ะ เรื่องนี้พวกอาจะตัดสินใจแทนหนูได้อย่างไรจ๊ะ?”
เธอมีความประทับใจที่ดีต่อหวังหยวนไม่น้อย ดูเหมือนคน ๆ นี้จะไม่ใช่คนที่ไม่รักภรรยา เธอจึงมีความเห็นว่าในเมื่อหวังหยวนมาร่วมโต๊ะอาหารในวันสิ้นปีที่นี่ได้ เอ้อร์นีก็ไปกินข้าวที่บ้านตระกูลหวังร่วมกับผู้หลักผู้ใหญ่ของทางนั้นได้เหมือนกันหากว่าหล่อนเต็มใจจะไป
“ปีนี้เขาถึงกับไม่กลับไปกินข้าวในวันสิ้นปีร่วมกับครอบครัวของเขาเลยนะ ครอบครัวเขาต้องรู้ว่าเขากำลังคบกับใครอยู่และไปกินข้าวที่บ้านสาวคนรักแทนแน่ ๆ ซึ่งคงจะไม่เหมาะนักถ้าหนูไม่ไปหาทางนั้นบ้าง” โจวเสี่ยวเหมยบอก
“ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องแย่สักหน่อยนี่จ๊ะ ทำตามหัวใจของหนูเถอะ ถ้าหนูอยากไปก็ไป แต่ถ้าไม่อยากไปก็แค่บอกหวังหยวนว่าหนูไม่อยากไป” หลินชิงเหอแนะนำ
โจวเอ้อร์นีอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหล่อนก็กัดริมฝีปากเอ่ย “ถ้างั้น…ถ้างั้นหนูจะไปกับเขาค่ะ”
โจวเสี่ยวเหมยยิ้มให้และกล่าวขึ้น “แค่ไปพบหน้าพ่อแม่ของเขาเอง ไม่ต้องตื่นเต้นไปหรอกจ้ะ”
“พูดคุยกันดี ๆ นะ ยิ่งกว่านั้นหวังหยวนน่าจะบอกครอบครัวของเขาไว้ล่วงหน้าแล้วล่ะจ้ะ หนูก็แค่เอาใจใส่ความรู้สึกของครอบครัวเขาเท่านั้นเอง” หลินชิงเหอเอ่ย
เธอไม่เคยไปที่บ้านของหวังหยวนและไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่บ้านของเขาเป็นอย่างไร จึงเป็นเรื่องที่พูดยากสักหน่อย
ดังนั้นในวันแรกของวันขึ้นปีใหม่ โจวเอ้อร์นีจึงไปที่บ้านของหวังหยวนพร้อมกับเขา
โจวกุยหลายได้ถ่ายรูปครอบครัวแล้วในเช้าวันส่งท้ายปีเก่า ดังนั้นในปีนี้เขาจึงไม่ได้อยู่ที่บ้านคอยต้อนรับแขกเหมือนกับปีที่แล้ว
ทุกคนจากครอบครัวของป้าหม่าที่อยู่ข้างบ้านต่างมาเยี่ยม ยกเว้นก็แต่หวงเสี่ยวหลิ่วภรรยาของหม่าเฉิงหมิน
การเป็นเพื่อนบ้านกันมานับหลายปีทำให้หลินชิงเหอจับนิสัยของภรรยาหม่าเฉิงหมินได้เช่นกัน หล่อนไม่ใช่คนที่เข้าสังคมเก่งนักและมักจะทำงานอยู่ห่างบ้าน
เรื่องนี้ไม่มีปัญหาอะไร เพราะตอนนี้คุณป้าหม่า หม่าเฉิงหมิน และคุณลุงหม่าต่างมีรายได้กันหมดแล้ว
ที่บ้านจึงมีแค่หม่าเสี่ยวตั้นผู้เป็นหลานชายอยู่เท่านั้น ส่วนลูกชายคนโตของครอบครัวนี้ยังอยู่ในที่ที่ห่างไกลและไม่ได้กลับมา
ในภายหน้าพวกเขาคงจะกลับมาหา แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมาหาในเร็ว ๆ นี้
เพราะว่าวันนี้เป็นวันปีใหม่ คุณป้าหม่าจึงไม่ได้บอกหลินชิงเหอว่าจางเหมยเหลียนที่อยู่ข้างบ้านได้มาถามหาโจวข่าย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เธอรู้สึกระคายใจโดยไม่จำเป็น
จางเหมยเหอกับจางเหมยเหลียน สองหญิงสาวจากตระกูลจาง ล้วนมีชื่อเสียอันฉาวโฉ่ไปทั่วย่านนี้
จางเหมยเหอกลายเป็นหญิงสาวผู้เป็นที่เกลียดชังที่สุดในย่านนี้ เป็นเพราะหล่อนทำธุรกิจขายเรือนร่างอย่างเปิดเผย ผู้ชายบางคนถึงกับอดไม่ได้ที่จะไปหาเศษหาเลย ถึงขนาดนำเงินในครอบครัวไปปรนเปรอหล่อน เมื่อบรรดาภรรยารู้เข้า จะมีอะไรที่หยุดความวุ่นวายได้งั้นหรือ?
ส่วนจางเหมยเหลียนนั้นก็เป็นที่กล่าวกันว่าหล่อนเปลี่ยนผู้ชายบ่อยเหลือเกิน
มีคนบางคนเห็นพวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันและใช้เวลาร่วมกันทั้งคืนในห้องเดี่ยวที่หล่อนเช่าอาศัยภายนอกชุมชน ส่วนคนอื่น ๆ บอกว่าเห็นหล่อนไปโรงพยาบาล ซึ่งชัดเจนว่าไปทำแท้ง
ในเวลาไม่นานนัก ข่าวซุบซิบก็ได้เกิดขึ้นมากมาย
แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม สองสาวพี่น้องคู่นี้ล้วนเป็นผลไม้เน่า แถมชื่อเสียของตระกูลจางยังฉาวโฉ่ไม่แพ้กันอีกด้วย
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แค่ไปกินข้าวบ้านว่าที่สามีเองค่ะเอ้อร์นี อย่าคิดมากนะคะ ทำใจให้สบาย ๆ เป็นธรรมชาติก็พอ
เห็นกล่าวถึงจางเหมยเหอกับจางเหมยเหลียนแล้ว สองสาวบ้านจางนี่จะก่อเรื่องอะไรกับบ้านโจวหรือเปล่านะ หวั่นใจจริง ๆ ค่ะ
ไหหม่า(海馬)