ตอนที่ 1265 ชีวิตของแม่มด

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1265 ชีวิตของแม่มด โดย Ink Stone_Fantasy

“เจ้าคิดว่าเขาจะตอบตกลงไหม?”

หลังจากที่เสียงฝีเท้าของธันเดอร์ห่างออกไปแล้ว โรแลนด์จึงถามไนติงเกลขึ้นมา

“หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ” ไนติงเกลค่อยๆ ตอบ “แต่ประโยคสุดท้ายเขาพูดจริงเพคะ”

โรแลนด์พยักหน้าแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร การให้ธันเดอร์อยู่นอกจากเพื่อไลต์นิ่งแล้ว เขายังมีเหตุผลส่วนตัวของเขาด้วย ในฐานะที่เป็นนักสำรวจชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็นการดึงดูดให้ชาวฟยอร์ดมาสวามิภักดิ์ต่อเขา หรือว่ารับหน้าที่เป็นหัวใจสำคัญของกองทัพเรือ อีกฝ่ายก็ล้วนแต่เป็นคนที่เหมาะสมที่สุด

โดยเฉพาะเหตุผลในข้อหลัง จากที่อกาธาวิเคราะห์มา ตอนนี้หมอกแดงได้ปกคลุมอาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์ไปเกินครึ่งแล้ว ในตอนที่กองทัพที่หนึ่งไปถึงที่นั้น เกรงว่าแม้แต่ชายแดนของวูล์ฟฮาร์ทก็คงจะไม่รอดเหมือนกัน ในสภานการณ์แบบนี้ การให้เรือคอยยิงสนับสนุนจากริมชายฝั่งหรือด้านข้างนั้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไม่อาจขาดได้ จากเหตุการณ์ที่ทหารถอยหนีมาจากท่าเรือนอร์ธเทินโมสต์จะเห็นได้ว่าการมีกองทัพเรือที่แข็งแกร่งคอยยิงสนับสนุนนั้นช่วยลดแรงกดดันบนภาคพื้นดินได้อย่างมาก

ตอนนี้เรือพาณิชย์ที่แล่นไปๆ มาๆ ดูเหมือนจะเป็นระเบียบ แต่ถ้าอยากจะให้พวกเขาเข้าไปสู้กับปีศาจในเขตหมอกแดงนั้นไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน เมืองเนเวอร์วินเทอร์สามารถสร้างเรือเหล็กขนาดใหญ่ขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่สิ่งที่ขาดแคลนอยู่ก็คือลูกเรือที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีกับคนที่จะมาคอยคุมกองทัพเรือ

ถ้าธันเดอร์ยินดีที่จะอยู่ที่นี่ ปัญหาเหล่านี้ก็จะได้รับการแก้ไข

แต่โรแลนด์เองก็รู้ดีว่าเรื่องแบบนี้จะไปบังคับไม่ได้ เขาได้แต่ต้องรอให้อีกฝ่ายค่อยๆ คิด

ในขณะที่เขากำลังจะยกปากกาขึ้นมาเพื่อทำงานต่อ โทรศัพท์บนโต๊ะพลันดังขึ้นมา

เมื่อดูจากสายโทรศัพท์แล้ว นี่เป็นสายที่โทรมาจากตึกแม่มดที่อยู่ในเขตปราสาท

“ฮัลโหล?”

“ฝ่าบาท หม่อมฉันเวนดี้นะเพคะ” ในหูโทรศัพท์มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา “จุดตรวจสอบตรงท่าเรือน้ำตื้นแจ้งมาว่าพวกเขาเจอแม่มดเพคะ”

…..

“นายท่าน…ไม่ทราบว่าจะพาพวกข้าไปไหนหรือเจ้าคะ?”

ไทเลนจูงมือโมโม่พร้อมกับถามอย่างระมัดระวัง

ก่อนหน้านี้ไม่นาน พวกนางก็เดินต่อแถวผ่านด่านเหมือนกับผู้อพยพคนอื่นๆ แต่หลังจากที่เข้าไปในพื้นที่ลงทะเบียนแล้ว พวกเธอก็ถูกคนชุดดำเชิญออกมาจากแถว แล้วจะเข้าไปในห้องเล็กๆ ที่ถูกเปิดโล่ง แต่กลับมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา

นี่ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที

เธอเคยได้ยินมาว่าในเวลาที่เมืองบางเมืองตรวจสอบผู้อพยพ พวกเขาจะเลือกเอาคนบางส่วนออกมาทำการ ‘สอบถาม’ เป็นพิเศษ ถ้าไม่สามารถมอบผลประโยชน์ที่เหมาะสมได้ก็จะถูกลงโทษ

แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น พวกเขาเพียงแค่ให้พวกเธอนั่งรออยู่ในห้องครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถามคำถามแปลกๆ สองสามคำถาม ก่อนจะปล่อยพวกเธอออกมา แล้วให้ชายชุดดำคนหนึ่งเดินนำพวกเธอเข้าไปในเมือง

“ไม่ต้องเรียกข้านายท่านก็ได้ เรียกข้าโจเซฟก็พอ” น้ำเสียงของชายชุดดำฟังดูสบายๆ “พวกเจ้าเป็นแม่มดใช่ไหม?”

ไทเลนตกใจ เธอคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพูดสถานะของตัวเธอออกมาตรงๆ ขนาดนี้ ที่น่าตกใจมากกว่านั้นพวกเข้ารู้ได้ยังไงว่าตัวเองมีพลังเวทมนตร์? เธอคิดว่าตัวเองปกปิดเอาไว้แนบเนียนอย่างมากแล้ว

“ทำไม…ท่านถึงพูดแบบนี้ล่ะเจ้าคะ?”

“ข้าไม่รู้เรื่องเวทมนตร์หรอก แม่มดเป็นคนบอกข้าน่ะ” โจเซฟพูดพร้อมเกาหัว “ได้ยินว่าพวกนางใช้หินพิเศษชนิดหนึ่งที่สามารถรับรู้ถึงพลังเวทมนตร์ได้ ส่วนเรื่องที่ว่าข้าจะพาเจ้าไปที่ไหนนั้น ข้าก็ต้องพาเจ้าไปที่อยู่ของแม่มดไง — พวกเจ้าน่าจะเหนื่อยมากแล้วใช่ไหม สบายใจได้ ท่านเวนดี้จะดูแลพวกเจ้าเป็นอย่างดี”

ไทเลนกับโมโม่สบตากัน ต่างฝ่ายต่างเห็นความแปลกใจในสายตาของอีกฝ่าย

เรื่องหนึ่งที่พวกเธอคิดไม่ถึงก็คือเมืองเนเวอร์วินเทอร์จะมีวิธีในการแยกแยะแม่มดด้วย ถ้าศาสนจักรในอดีตกับขุนนางของวูล์ฟฮาร์ททำได้แบบนี้ เกรงว่าพวกนางคงอยู่ไม่รอดจนมาถึงทุกวันนี้แน่

เรื่องที่สองคือน้ำเสียงของอีกฝ่าย แม่มดเหมือนจะทำงานร่วมกับคนธรรมดา แถมยังไม่มีการแบ่งแยกด้วย?

ทั้งสองคนนั้นเคยได้ยินเจ้านายของพวกเธอเล่าเรื่องเกี่ยวกับเมืองที่อยู่ทางใต้สุดของอาณาจักรเกรย์คาสเซิลกับผู้ปกครองของมันที่ชื่อโรแลนด์ วิมเบิลดันให้ฟัง อีกทั้งในระหว่างเดินทางมาขึ้นเรือ พวกเธอก็เคยได้ยินข่าวลือต่างๆ มามากมาย เพียงแค่เนื้อความจากข่าวลือและสิ่งที่เจ้านายของเธอเล่าให้ฟังนั้นแตกต่างกันอย่างมาก เจ้านายของเธอเล่าให้ฟังว่าราชาแห่งเกรย์คาสเซิลนั้นเป็นราชาที่บ้าคลั่ง ที่เขาเกณฑ์แม่มดไปก็เป็นเพราะเอาไปปรนเปรอกิเลสความใคร่ส่วนตัว ส่วนข่าวลืออีกด้านหนึ่งก็เล่าถึงความสำเร็จของเกรย์คาสเซิล แล้วก็เล่าว่าแม่มดที่อยู่ที่นั่นสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนกับคนธรรมดา

เรียกได้ว่าเป็นเพราะข่าวลือที่สองนี้ถึงได้ทำให้พวกเธอตัดสินใจอพยพมาทางใต้

แต่ทั้งสองที่นั้นอยู่ห่างกันไกลมาก ไม่มีใครรู้ได้ว่าแท้ที่จริงแล้วสถานการณ์ที่นั่นจะเป็นอย่างไร ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงคิดที่จะปกปิดสถานะของตัวเองเอาไว้ก่อน รอให้ทุกอย่างแน่ชัดแล้วค่อยคิดหาทางต่อไป แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเธอเพิ่งมาถึงเมืองเนเวอร์วินเทอร์ สถานะของพวกเธอก็ถูกเปิดเผยออกมาเสียแล้ว

ที่โชคดีก็คือคนที่นี่เหมือนจะไม่ได้มองแม่มดเป็นตัวประหลาดจริงๆ

ในตอนที่ทั้งสองคนมาถึงด้านนอกเขตปราสาท แม่มดผมผมแดงคนหนึ่งก็เดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับเด็กผู้หญิงอีกสองคน

“เดี๋ยวหลังจากนี้ข้าจัดการต่อเอง”

“ขอรับ ท่านเวนดี้!” โจเซฟทำความเคารพ ก่อนจะหันไปโบกมือให้กับทั้งสองคนแล้วหมุนตัวเดินจากไป

ไทเลนกับโมโม่มองดูผู้หญิงที่ชื่อเวนดี้

“ข้าชื่อเวนดี้ เป็นผู้รับผิดชอบสโมสรแม่มดของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ ทั้งสองคนนี้คือผู้ช่วยของข้า เบลกับเกรย์แรบบิท” อีกฝ่ายพูดยิ้มๆ “เจ้าพอจะบอกชื่อของพวกเจ้าหน่อยได้ไหม? ถึงแม้ในรายชื่อจะเขียนเอาไว้ว่าไทเลนกับโมโม่ แต่ข้าอยากจะได้ยินพวกเจ้าพูดออกมาเองมากกว่า”

เธอพลันรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นทันที ไม่เคยมีใครใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนขนาดนี้พูดกับเธอมานานแล้ว อีกทั้งอีกฝ่ายก็ดูเหมือนขุนนางเสียยิ่งกว่าพวกขุนนางเหล่านั้นเสียอีก ไม่เพียงแค่ใบหน้าและการแต่งตัวเท่านั้น กระทั่งกิริยาท่าทางของเธอก็ไม่เหมือนกับคนพวกนั้น คล้ายว่าเดินออกมาจากในภาพวาดอย่างไรอย่างนั้น

“ข้าชื่อไทเลน” เธอพูดเบาๆ

“โมโม่” เพื่อนอีกคนพูดชื่อตัวเองตามขึ้นมา

“เป็นชื่อที่ไม่เลวเลย” เวนดี้จูงมือทั้งสองคนแล้วพูดว่า “ยินดีต้อนรับสู่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ นับจากนี้เป็นต้นไป ที่นี่คือบ้านหลังใหม่ของพวกเจ้า มา…เดี๋ยวข้าจะพาไปเดินดูสถานที่ที่พวกเจ้าจะใช้ชีวิตหลังจากนี้”

หลังเดินผ่านกำแพงและสวนเข้ามาแล้ว ไทเลนถึงได้พบว่าแท้ที่จริงปราสาทของราชานั้นไม่ได้เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดที่ของที่นี่ ด้านหลังของมันยังมีตึกที่อยู่ใหญ่กว่าอีกหลังหนึ่ง และตรงกลางระหว่างทั้งสองที่ก็มีสวนดอกไม้กับสนามหญ้าคั่นเอาไว้อยู่ ผู้หญิงที่หน้าตางดงามหลายคนกำลังนั่งคุยกับ สีหน้าท่าทางดูแล้วสบายเป็นธรรมชาติ

นี่น่าจะเป็นชีวิตที่ตัวเองฝันถึงละมั่ง?

“พวกนาง…ก็เป็นแม่มดเหมือนกันเหรอ?” โมโม่อดถามออกมาไม่ได้

“ถูกต้อง” เวนดี้พยักหน้า “ถ้าเป็นตอนที่เลิกงานแล้ว พวกเจ้าจะเห็นพวกนางเยอะกว่านี้อีก”

“เอ่อ…เลิกงาน?”

“หมายถึงว่าทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วนั่นแหละ” เบลอธิบาย “ที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ แม่มดก็เหมือนกับคนธรรมดา ทุกวันพวกนางต่างก็มีงานที่ตัวเองต้องทำ”

“อย่างนั้นพวกนาง..”

สาวน้อยเบะปาก “แต่ก็จะมีบางคนที่ชอบอู้งาน เรื่องนี้ก็เหมือนกับคนธรรมดาเหมือนกัน”

“หรือพี่เจ้าไม่เคยบอกเจ้าว่าหูของข้าไวมาก?” หญิงสาวคนหนึ่งที่มีใบหูเรียวยาวมองมาทางพวกเธอ ก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มมุมปาก

“เอ่อ…พี่โลก้า ข้าไม่ได้หมายถึงท่าน” เบลรีบโบกมือ “ข้าหมายถึง…”

“เฮ้ สโมสรแม่มดมีสมาชิกใหม่เหรอ?” ผู้หญิงอีกคนหนึ่งรีบวิ่งตามเข้ามาทันที “สวัสดี ข้าชื่อลูน่า แล้วก็เป็นหัวหน้าทีมนักสืบของเมืองเนเวอร์วินเทอร์! ไม่ว่าพวกเจ้ามีความสามารถอะไรก็สามารถเข้ามาเป็นสมาชิกของทีมนักสืบได้ ว่าไง สนใจไหม?”

“….ข้าหมายถึงคนนี้” เบลเอามือกุมขมับอย่างเหนื่อยใจ

“โอ้? เจ้าเองก็กำลังพูดแนะนำถึงข้าเหรอ?” ลูน่าเอาสองมือเท้าเอว “จำเอาไว้นะ ทีมนักสืบใช้สมองในการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่กำลัง ถ้ามีคนชวนเจ้าไปเข้าทีมนักสำรวจ เจ้าอย่าไปรับปากเด็ดขาด พวกนางดูแค่ความสามารถ แต่มองข้ามสติปัญญาของเจ้า อย่างเช่นคุณหนูหมาป่าคนนี้”

“เดี๋ยวเถอะ” โลก้าแยกเขี้ยว

“เจ้าดูสิ นี่คือหลักฐาน!” ลูน่ารีบยกมือขึ้นมากันเอาไว้

“น่าขายหน้าจริงๆ…”

“อย่างนั้น ข้ากลับไปอ่านหนังสือได้หรือยัง?” แม่มดอีกสองสามคนที่เหลือมากันพูดเสียงเบาๆ ขึ้นมา

ไทเลนตกตะลึง

เอ่อ ชีวิตที่นี่ดูจะไม่ค่อย…เหมือนที่เธอจินตนาการเอาไว้เลย

………………………………………………………….