ตอนที่ 1184 - เตรียมรับมือ

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  ซือหยูออกจากมุกวิญญาณเก้าหยกตอนนี้เขามีหอกจากพลังปีศาจเป็นตัวช่วย เขามีศรทลายฟ้า ผีเสื้อโกลาหล และเทพไม้
  แต่เทพไม้นั้นเอาชนะได้เพียงว่าที่เทพขั้นต้น
  “นี่ยังห่างไกลจากคำว่าพอ!”
  ซือหยูคาดเดามียอดฝีมือแข็งแกร่งมากมายในโลกเทพกระเรียน แต่ต่อหน้าว่าที่เทพ จำนวนหาใช่ความได้เปรียบแต่เป็นการเสียเปรียบ
  มือสังหารจะเข้าถึงตัวเขาโดยการแฝงตัวกับกลุ่มคน
  แม้ซือหยูจะเป็นเทพเขาก็ไม่มีคนรับใช้มากนัก
  เขาต้องพึ่งตัวเอง!
  เขานึกขึ้นได้ซือหยูเรียกลูกไฟสีม่วงออกมาหลายลูก ด้านในลูกไฟนี้มีหยดไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์หลอมอยู่
  เขายังเหลือมันอีกหกหยดมากพอที่เขาจะตีกระบี่อีกหกเล่ม
  ในโลกจิวโจวไม่มีใครตีสมบัติภูติขึ้นมาได้ยกเว้นกิเลนน้อย แต่มันจะเป็นเรื่องง่ายในโลกพันธมิตรบูรพา!
  โลกของเทพแห่งอุปกรณ์ถูกสร้างโดยเทพที่ตีอุปกรณ์ได้ดีมีปรมาจารย์มากมายในโลกใบนั้น ซือหยูสามารถขอให้พวกเขาตีดาบให้ได้โดยง่าย
  ครึ่งวันต่อมาเหอหลูจูเดินมาหาซือหยู
  “เทพขนนกท่านจะไปจากที่นี่หรือ?”
  ซือหยูพยักหน้า
  “ใช่!ข้าอาจจะไปแค่คืนเดียว หรืออาจจะหนึ่งเดือน!”
  หลังพูดคุยกับเหอหลูจูสักครู่ซือหยูออกเดินทางไปยังโลกของเทพแห่งอุปกรณ์
  เขาจะใช้เวลาห้าถึงหกวันกว่าจะถึงที่หมายแม้จะใช้ประตูมิติเทวะ
  หลังจากซือหยูออกเดินทางสตรีวัยกลางคนหน้าตางดงามปรากฏตัวที่ตลาดในเมืองชายแดนโลกเทพกระเรียน
  ทุกคนที่กำลังวุ่นวายในตลาดอันคับคั่งมิได้สนใจสตรีอันน่ารักอย่างนางแม้จะเดินผ่านก็ไม่มีใครสนใจนางเลย
  ดูเหมือนทุกคนเมินนางไปหมด
  ที่ร้านอาหารในตลาดเจิ้งหยวนชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
  “นางเป็นว่าที่เทพนางน่าจะกำลังใช้วิชาปิดบังตัว ผู้คนถึงไม่สนใจนางแม้นางจะอยู่ตรงหน้า ข้าไม่รู้เลยว่านางเรียนวิชานั้นมาจากไหน!”
  ปู้หลูยี่ที่นั่งตรงข้ามกับเจิ้งหยวนชิงเหลือบมองสตรีคนนั้นและก็เป็นตามคาด เมื่อเขาพยายามจะจ้องมองนาง ภาพที่เขาได้เห็นกลับถูกสะท้อนกลับมา
  เขาพยายามหลายครั้งแต่ก็ล้มเหลวในการมองนางให้ชัดเจน
  “ชิ!ถ้าหากนางเป็นมือสังหาร นางจะต้องแกร่งมากแน่!”
  ปู้หลูยี่พูดอย่างไม่คิดอะไร
  “เจิ้งหยวนชิงพยัหน้าเบาๆ”
  “เจ้าเจอตัวคังเตี้ยยี่หรือไม่?”
  ปู้หลูยี่พยักหน้าตอบ
  “ตอนเขาออกจากตระกูลเทพกระเรียนเขาหายตัวในทันทีเพื่อหนีจากการถูกตระกูลเทพกระเรียนสังหาร เขาไม่ได้กลับโลกเทพตำราแต่ไปที่โลกแห่งเทพอุปกรณ์ ข้าคิดว่าเขากำลังเก็บตัว!”
  เจิ้งหยวนชิงตอบ
  “อืมไปที่โลกใบนั้นกันเถอะ เขาคือผู้รอดชีวิตจากโลกจิวโจว ข้าพนันว่าเขาต้องรู้เรื่องฉินคั่ว!”
  “หยวนชิงทำไมเจ้าถึงกังวลเรื่องฉินคั่วนัก?”
  ปู้หลูยี่ถามด้วยความสับสนตามปกติ หัวหน้าผู้คุมกฎอาวุโสมักจะไม่สนใจคดีเล็ก ๆ เช่นนี้
  เจิ้งหยวนชิงไม่กล้าบอกเขาถึงความจริงที่อยู่เบื้องหลังภารกิจโลกจิวโจวนางแสร้งโมโห
  “ผู้คุมกฎตายที่นั่นนะ!หากฆาตกรไม่ถูกลงโทษ พวกนอกรีตจะเหิมเกริม!”
  ปู้หลูยี่พูดตาม
  “จริงด้วย!ผู้คุมกฎสูงส่ง แต่ก็ยังมีบางคนกล้ามาดูถูกพวกเรา!”
  เขาพูดพลางคิดถึงซือหยูที่ท้าทายเขาโดยการปฏิเสธไม่ให้เขาพบ
  “เอ๋…ก็จริง!เจ้าพูดถูก!”
  เจิ้งหยวนชิงพูดด้วยความรู้สึกผิด
  …
  หกวันต่อมาในโลกเทพอุปกรณ์
  ตามข้อมูลที่ซือหยูได้มาโลกเทพอุปกรณ์นั้นมีปรมาจารย์ช่างสี่คนที่อยู่กันคนละทิศทางของโลก
  ปรมาจารย์ตะวันออกมีนามหวังยุ่นเสวียนเขาคือคนที่เก่งที่สุด มีเพียงเทพในโลกใบนี้เท่านั้นที่จะเทียบวิชาช่างฝีมือของเขาได้
  เขาขึ้นชื่อในด้านการตีอุปกรณ์คุณภาพสูงอย่างรวดเร็ว
  เวลานี้ซือหยูกำลังไม่มีเวลา!
  และหวังยุ่นเสวียนที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ไม่อยากจะเสียเวลาตีอุปกรณ์ง่ายๆ ด้วย
  แต่หวังยุ่นเสวียนนั้นจุกจิกยิ่งกว่านั้นสิ่งที่เขาจะตีมิได้แต่ท้าทายเท่านั้น แต่มันต้องเป็นสิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นด้วย มิเช่นนั้นเขาจะปฏิเสธลูกค้าไม่ว่าจะเสนอเงินเท่าไหร่ก็ตาม
  อุปนิสัยของเขาคาดเดาไม่ได้
  การตีกระบี่หกเล่มให้ซือหยูเป็นเรื่องยากแต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันจะเข้าตามเงื่อนไขของหวังยุ่นเสวียนหรือไม่
  หลังจากคิดอย่างละเอียดซือหยูก็ได้ไปที่ตำหนักของหวังยุ่นเสวียน
  หลายคนรอพบหวังยุ่นเสวียนอยู่นอกตำหนักซือหยูที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมิได้เปิดเผยตัวตนเทพขนนก เขาเลือกยืนต่อแถวอย่างเงียบงันเช่นคนอื่นที่รอการต้อนรับจากหวังยุ่นเสวียน
  “ในวันนี้ท่านอาจารย์จะตีสมบัติภูติขั้นกลางเท่านั้น!”
  หวังยุ่นเสวียนกำลังจะพบลูกค้าและศิษย์คนหนึ่งของเขาก็ตะโกนเสียงดังหลังเดินออกมาจากประตู
  เมื่อได้ยินเสียงตะโกนแทบทุกคนเดินออกจากแถวทันที
  ล้อกันเล่นหรือ?ตีสมบัติภูติขั้นกลางไม่ใช่เรื่องง่าย! ทั้งเงินและทรัพยากรมันเหนือกว่าสมบัติภูติชั้นต่ำเป็นสิบเท่า!
  พวกเขาไม่แปลกใจเพราะหวังยุ่นเสวียนมักจะทำแบบนี้เมื่อเขาอารมณ์ดี เขาจะบอกให้ศิษย์มาประกาศเงื่อนไขที่ลูกค้ารับไม่ได้ เพื่อที่เขาจะได้ไล่ลูกค้ากลับไป
  ไม่นานคนอื่นที่เรียงแถวอยู่ก็หายไปหมด
  ศิษย์ที่เห็นซือหยูถาม
  “เจ้าจะตีสมบัติภูติชั้นกลางหรือ?”
  ซือหยูส่ายหน้า
  “ไม่ใช่แค่สมบัติภูติชั้นต่ำหกชิ้นเท่านั้น!”
  ศิษย์หวังยุ่นเสวียนส่ายหัวไร้เส้นผมน้อยๆ ของเขา
  “โปรดกลับไปเถอะ!วันนี้ท่านอาจารย์ไม่อยากจะตีอะไรเลย!”
  ซือหยูตอบด้วยรอยยิ้ม
  “ข้าว่าอาจารย์เจ้าจะออกมาเจอข้าไปบอกเขาว่าข้ารออยู่!”
  ศิษย์หัวล้านยิ้มแห้งๆ
  “นี่เจ้า!เจ้ามีปัญหาอะไรกัน? ช่วงนี้อาจารย์ข้าไม่ได้ตีอะไรน่าสนุกเลย อารมณ์เขาไม่ดีอยู่เสมอ ถ้าเจ้าไม่กลัวว่าของเจ้าจะพัง ข้าจะให้เจ้าเข้าไป!”
  “หึหึ!ถ้าอาจารย์เจ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร ข้าว่าเขาคงจะอารมณ์ดีขึ้นนะ!”
  ศิษย์หัวล้านสับสนกับท่าทีของซือหยูเขาถาม
  “เจ้าเป็นใครกันล่ะ?”
  “ซือหยู!อืม…เรียกข้าว่าเทพขนนกก็ได้!”
  ศิษย์หัวล้านตกใจ
  “ท่านคือเทพขนนกรึ?”
  “อาจารย์เจ้าคงจะสนใจการมาเยือนของข้าแล้วล่ะ!”
  ซือหยูพูด
  แต่ศิษย์หัวล้านกับมีสีหน้าหม่นหมองเขาพูด
  “ข้าว่าท่านรีบกลับไปเดี๋ยวนี้จะดีกว่าท่านอาจารย์พูดร้าย ๆ กับท่านหลายเรื่องนักในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้!”
  หืม…ซือหยูงุนงงเรื่องข้ารึ?
  “ไม่เป็นไร!บอกเขาว่าถ้าหากไม่มารับข้าในสิบนาที ข้าจะไปหาปรมาจารย์คนอื่น!”
  เมื่อได้ยินเช่นนั้นศิษย์หัวล้านจึงเข้าไปหาหวังยุ่นเสวียน
  หวังยุ่นเสวียนอายุราวห้าสิบปีพลังของเขาไม่ได้มากนัก แต่ไม่เหมือนกับปรมาจารย์ช่างคนอื่นที่มีร่างกายกำยำ เขาค่อนข้างหล่อเหลาและดูสง่า
  หลังจากได้ฟังเรื่องจากศิษย์หวังยุ่นเสวียนลุกขึ้นซัดหมัดลงบนโต๊ะตรงหน้า เขาตะโกนด้วยความโมโห
  “มารดามันเถอะกล้าดียังไงถึงมาหาข้า? ข้าเกลียดมันเพราะมันไม่ชวนข้าร่วมแผนชิงตำแหน่งเทพ นั่นมันเรื่องน่าตื่นเต้นไม่ใช่หรือยังไง!”
  ศิษย์หัวล้านอ้าปากค้าง
  ‘บ้าน่า!ข้ารู้แล้วว่าทำไมท่านอาจารย์ถึงเอาแต่ก่นด่าซือหยู เขาไม่ชอบใจเพราะซือหยูไม่ขอให้เขาร่วมแผนด้วยนี่เอง!’
  เขาคิด