DND.
ซือหยูออกจากมุกวิญญาณเก้าหยกตอนนี้เขามีหอกจากพลังปีศาจเป็นตัวช่วย เขามีศรทลายฟ้า ผีเสื้อโกลาหล และเทพไม้
แต่เทพไม้นั้นเอาชนะได้เพียงว่าที่เทพขั้นต้น
“นี่ยังห่างไกลจากคำว่าพอ!”
ซือหยูคาดเดามียอดฝีมือแข็งแกร่งมากมายในโลกเทพกระเรียน แต่ต่อหน้าว่าที่เทพ จำนวนหาใช่ความได้เปรียบแต่เป็นการเสียเปรียบ
มือสังหารจะเข้าถึงตัวเขาโดยการแฝงตัวกับกลุ่มคน
แม้ซือหยูจะเป็นเทพเขาก็ไม่มีคนรับใช้มากนัก
เขาต้องพึ่งตัวเอง!
เขานึกขึ้นได้ซือหยูเรียกลูกไฟสีม่วงออกมาหลายลูก ด้านในลูกไฟนี้มีหยดไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์หลอมอยู่
เขายังเหลือมันอีกหกหยดมากพอที่เขาจะตีกระบี่อีกหกเล่ม
ในโลกจิวโจวไม่มีใครตีสมบัติภูติขึ้นมาได้ยกเว้นกิเลนน้อย แต่มันจะเป็นเรื่องง่ายในโลกพันธมิตรบูรพา!
โลกของเทพแห่งอุปกรณ์ถูกสร้างโดยเทพที่ตีอุปกรณ์ได้ดีมีปรมาจารย์มากมายในโลกใบนั้น ซือหยูสามารถขอให้พวกเขาตีดาบให้ได้โดยง่าย
ครึ่งวันต่อมาเหอหลูจูเดินมาหาซือหยู
“เทพขนนกท่านจะไปจากที่นี่หรือ?”
ซือหยูพยักหน้า
“ใช่!ข้าอาจจะไปแค่คืนเดียว หรืออาจจะหนึ่งเดือน!”
หลังพูดคุยกับเหอหลูจูสักครู่ซือหยูออกเดินทางไปยังโลกของเทพแห่งอุปกรณ์
เขาจะใช้เวลาห้าถึงหกวันกว่าจะถึงที่หมายแม้จะใช้ประตูมิติเทวะ
หลังจากซือหยูออกเดินทางสตรีวัยกลางคนหน้าตางดงามปรากฏตัวที่ตลาดในเมืองชายแดนโลกเทพกระเรียน
ทุกคนที่กำลังวุ่นวายในตลาดอันคับคั่งมิได้สนใจสตรีอันน่ารักอย่างนางแม้จะเดินผ่านก็ไม่มีใครสนใจนางเลย
ดูเหมือนทุกคนเมินนางไปหมด
ที่ร้านอาหารในตลาดเจิ้งหยวนชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“นางเป็นว่าที่เทพนางน่าจะกำลังใช้วิชาปิดบังตัว ผู้คนถึงไม่สนใจนางแม้นางจะอยู่ตรงหน้า ข้าไม่รู้เลยว่านางเรียนวิชานั้นมาจากไหน!”
ปู้หลูยี่ที่นั่งตรงข้ามกับเจิ้งหยวนชิงเหลือบมองสตรีคนนั้นและก็เป็นตามคาด เมื่อเขาพยายามจะจ้องมองนาง ภาพที่เขาได้เห็นกลับถูกสะท้อนกลับมา
เขาพยายามหลายครั้งแต่ก็ล้มเหลวในการมองนางให้ชัดเจน
“ชิ!ถ้าหากนางเป็นมือสังหาร นางจะต้องแกร่งมากแน่!”
ปู้หลูยี่พูดอย่างไม่คิดอะไร
“เจิ้งหยวนชิงพยัหน้าเบาๆ”
“เจ้าเจอตัวคังเตี้ยยี่หรือไม่?”
ปู้หลูยี่พยักหน้าตอบ
“ตอนเขาออกจากตระกูลเทพกระเรียนเขาหายตัวในทันทีเพื่อหนีจากการถูกตระกูลเทพกระเรียนสังหาร เขาไม่ได้กลับโลกเทพตำราแต่ไปที่โลกแห่งเทพอุปกรณ์ ข้าคิดว่าเขากำลังเก็บตัว!”
เจิ้งหยวนชิงตอบ
“อืมไปที่โลกใบนั้นกันเถอะ เขาคือผู้รอดชีวิตจากโลกจิวโจว ข้าพนันว่าเขาต้องรู้เรื่องฉินคั่ว!”
“หยวนชิงทำไมเจ้าถึงกังวลเรื่องฉินคั่วนัก?”
ปู้หลูยี่ถามด้วยความสับสนตามปกติ หัวหน้าผู้คุมกฎอาวุโสมักจะไม่สนใจคดีเล็ก ๆ เช่นนี้
เจิ้งหยวนชิงไม่กล้าบอกเขาถึงความจริงที่อยู่เบื้องหลังภารกิจโลกจิวโจวนางแสร้งโมโห
“ผู้คุมกฎตายที่นั่นนะ!หากฆาตกรไม่ถูกลงโทษ พวกนอกรีตจะเหิมเกริม!”
ปู้หลูยี่พูดตาม
“จริงด้วย!ผู้คุมกฎสูงส่ง แต่ก็ยังมีบางคนกล้ามาดูถูกพวกเรา!”
เขาพูดพลางคิดถึงซือหยูที่ท้าทายเขาโดยการปฏิเสธไม่ให้เขาพบ
“เอ๋…ก็จริง!เจ้าพูดถูก!”
เจิ้งหยวนชิงพูดด้วยความรู้สึกผิด
…
หกวันต่อมาในโลกเทพอุปกรณ์
ตามข้อมูลที่ซือหยูได้มาโลกเทพอุปกรณ์นั้นมีปรมาจารย์ช่างสี่คนที่อยู่กันคนละทิศทางของโลก
ปรมาจารย์ตะวันออกมีนามหวังยุ่นเสวียนเขาคือคนที่เก่งที่สุด มีเพียงเทพในโลกใบนี้เท่านั้นที่จะเทียบวิชาช่างฝีมือของเขาได้
เขาขึ้นชื่อในด้านการตีอุปกรณ์คุณภาพสูงอย่างรวดเร็ว
เวลานี้ซือหยูกำลังไม่มีเวลา!
และหวังยุ่นเสวียนที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ไม่อยากจะเสียเวลาตีอุปกรณ์ง่ายๆ ด้วย
แต่หวังยุ่นเสวียนนั้นจุกจิกยิ่งกว่านั้นสิ่งที่เขาจะตีมิได้แต่ท้าทายเท่านั้น แต่มันต้องเป็นสิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นด้วย มิเช่นนั้นเขาจะปฏิเสธลูกค้าไม่ว่าจะเสนอเงินเท่าไหร่ก็ตาม
อุปนิสัยของเขาคาดเดาไม่ได้
การตีกระบี่หกเล่มให้ซือหยูเป็นเรื่องยากแต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันจะเข้าตามเงื่อนไขของหวังยุ่นเสวียนหรือไม่
หลังจากคิดอย่างละเอียดซือหยูก็ได้ไปที่ตำหนักของหวังยุ่นเสวียน
หลายคนรอพบหวังยุ่นเสวียนอยู่นอกตำหนักซือหยูที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมิได้เปิดเผยตัวตนเทพขนนก เขาเลือกยืนต่อแถวอย่างเงียบงันเช่นคนอื่นที่รอการต้อนรับจากหวังยุ่นเสวียน
“ในวันนี้ท่านอาจารย์จะตีสมบัติภูติขั้นกลางเท่านั้น!”
หวังยุ่นเสวียนกำลังจะพบลูกค้าและศิษย์คนหนึ่งของเขาก็ตะโกนเสียงดังหลังเดินออกมาจากประตู
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนแทบทุกคนเดินออกจากแถวทันที
ล้อกันเล่นหรือ?ตีสมบัติภูติขั้นกลางไม่ใช่เรื่องง่าย! ทั้งเงินและทรัพยากรมันเหนือกว่าสมบัติภูติชั้นต่ำเป็นสิบเท่า!
พวกเขาไม่แปลกใจเพราะหวังยุ่นเสวียนมักจะทำแบบนี้เมื่อเขาอารมณ์ดี เขาจะบอกให้ศิษย์มาประกาศเงื่อนไขที่ลูกค้ารับไม่ได้ เพื่อที่เขาจะได้ไล่ลูกค้ากลับไป
ไม่นานคนอื่นที่เรียงแถวอยู่ก็หายไปหมด
ศิษย์ที่เห็นซือหยูถาม
“เจ้าจะตีสมบัติภูติชั้นกลางหรือ?”
ซือหยูส่ายหน้า
“ไม่ใช่แค่สมบัติภูติชั้นต่ำหกชิ้นเท่านั้น!”
ศิษย์หวังยุ่นเสวียนส่ายหัวไร้เส้นผมน้อยๆ ของเขา
“โปรดกลับไปเถอะ!วันนี้ท่านอาจารย์ไม่อยากจะตีอะไรเลย!”
ซือหยูตอบด้วยรอยยิ้ม
“ข้าว่าอาจารย์เจ้าจะออกมาเจอข้าไปบอกเขาว่าข้ารออยู่!”
ศิษย์หัวล้านยิ้มแห้งๆ
“นี่เจ้า!เจ้ามีปัญหาอะไรกัน? ช่วงนี้อาจารย์ข้าไม่ได้ตีอะไรน่าสนุกเลย อารมณ์เขาไม่ดีอยู่เสมอ ถ้าเจ้าไม่กลัวว่าของเจ้าจะพัง ข้าจะให้เจ้าเข้าไป!”
“หึหึ!ถ้าอาจารย์เจ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร ข้าว่าเขาคงจะอารมณ์ดีขึ้นนะ!”
ศิษย์หัวล้านสับสนกับท่าทีของซือหยูเขาถาม
“เจ้าเป็นใครกันล่ะ?”
“ซือหยู!อืม…เรียกข้าว่าเทพขนนกก็ได้!”
ศิษย์หัวล้านตกใจ
“ท่านคือเทพขนนกรึ?”
“อาจารย์เจ้าคงจะสนใจการมาเยือนของข้าแล้วล่ะ!”
ซือหยูพูด
แต่ศิษย์หัวล้านกับมีสีหน้าหม่นหมองเขาพูด
“ข้าว่าท่านรีบกลับไปเดี๋ยวนี้จะดีกว่าท่านอาจารย์พูดร้าย ๆ กับท่านหลายเรื่องนักในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้!”
หืม…ซือหยูงุนงงเรื่องข้ารึ?
“ไม่เป็นไร!บอกเขาว่าถ้าหากไม่มารับข้าในสิบนาที ข้าจะไปหาปรมาจารย์คนอื่น!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นศิษย์หัวล้านจึงเข้าไปหาหวังยุ่นเสวียน
หวังยุ่นเสวียนอายุราวห้าสิบปีพลังของเขาไม่ได้มากนัก แต่ไม่เหมือนกับปรมาจารย์ช่างคนอื่นที่มีร่างกายกำยำ เขาค่อนข้างหล่อเหลาและดูสง่า
หลังจากได้ฟังเรื่องจากศิษย์หวังยุ่นเสวียนลุกขึ้นซัดหมัดลงบนโต๊ะตรงหน้า เขาตะโกนด้วยความโมโห
“มารดามันเถอะกล้าดียังไงถึงมาหาข้า? ข้าเกลียดมันเพราะมันไม่ชวนข้าร่วมแผนชิงตำแหน่งเทพ นั่นมันเรื่องน่าตื่นเต้นไม่ใช่หรือยังไง!”
ศิษย์หัวล้านอ้าปากค้าง
‘บ้าน่า!ข้ารู้แล้วว่าทำไมท่านอาจารย์ถึงเอาแต่ก่นด่าซือหยู เขาไม่ชอบใจเพราะซือหยูไม่ขอให้เขาร่วมแผนด้วยนี่เอง!’
เขาคิด