ตอนที่ 1935

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,935 : พลังอันน่าพรั่นพรึง!

 

ปงงงง!! เปรี๊ยงงง!!!

 

หมัดคู่ที่จางจี้ชกออกมานี้ ไม่เพียงแต่จะบรรจุไว้ด้วยมวลพลังทั่วร่างที่รีดเค้นออกมาผ่านชีพจรเซียนทั้งหมดที่มี แต่หมัดนี้ยังปะทุออกไปด้วยเวทย์พลัง 1 ใน 3 ที่มันเพาะสร้างเอาไว้ และเป็นเวทย์พลังสายจู่โจม ‘หมัดทลายขุนเขาลำน้ำ’

 

และเวทย์พลังนี้ก็เป็นเวทย์พลังระดับสูงเพียงอย่างเดียวที่มันมีในบรรดาเวทย์พลังทั้ง 3!

 

ปง! ปง! ปง!!

 

 

พลังหมัดคู่หนึ่งปะทุแผ่พุ่งออกไปฉับไว สภาวะพลังเกรี้ยวกราดรุนแรงคล้ายจะทลายขุนเขาลำน้ำที่ขวางทาง ยังราวกับจะระเบิดได้กระทั่งท้องฟ้า!!

 

พลังหมัดทั้ง 2 มองไปยังคล้ายมังกรคู่ผกผัน ปรี่ตรงเข้าหาคล้ายจะไปต้อนรับกระบวนท่าเซียนอมตะข้ามภพ อันเป็นร่างทั้ง 3 ของต้วนหลิงเทียนอย่างยินดี ประหนึ่งจะออกไปจับมือกันอย่างไรอย่างนั้น!

 

ไม่ทันไรพลัง 2 ขุมของทั้งคู่ก็ปะทะกัน! เสียงระเบิดสนั่นดังขึ้นฟ้าคล้ายจะเปลี่ยนสีไปในชั่วพริบตา!!

 

‘เป็นพลังทำลายที่แข็งแกร่งนัก…นี่มันเวทย์พลังขั้นสูงงั้นเหรอ!?’

 

ต้วนหลิงเทียนร่างจริงที่พุ่งลงจากฟ้าเสือกกระบี่ปลดปล่อยรังสีพลังออกไปพร้อมกับร่างอวตารทั้งสอง ก็ปะทะเข้ากับพลังหมัดของจางจี้เข้าอย่างจัง! ตอนนี้ในร่างรู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาคล้ายเลือดลมจะตีกลับจากพลังสะท้อน!

 

และในชั่วพริบตาที่ปะทะกันไปได้ไม่ทันไร เขาก็สัมผัสได้ว่าพลังทำลายของจางจี้คล้ายจะเหนือกว่า และมันกำลังจะครอบงำพลังจู่โจมทั้งหมดของเขาอยู่รอมร่อ!

 

จังหวะนี้หน้าของต้วนหลิงเทียนถึงกับเปลี่ยนสีไปทันที!

 

เขาไม่คิดเลยว่าจางจี้มันจะใช้ออกด้วยเวทย์พลังจู่โจมระดับสูง กระทั่งยังเลือกจะโจมตีประชันกันซึ่งๆหน้ากับเซียนอมตะข้ามภพของเขาแบบนี้! คล้ายอีกฝ่ายไม่ได้หวาดกลัวจะบาดเจ็บจากรังสีพลังกระบี่ของเขาแม้แต่น้อย!!

 

‘อะไร? การป้องกันของมันที่แท้แข็งแกร่งขนาดนี้!’

 

ทว่าเสี้ยวพริบตาต่อมาต้วนหลิงเทียนพลันค้นพบอะไรอีกครั้ง

 

ว่า ‘เกราะ’ ทมิฬมืดที่จางจี้สร้างขึ้นจากมารนับร้อยที่กลั่นตัวเป็นพลังมารบริสุทธิ์ทั้งประทับไว้ด้วยเวทย์พลังป้องกันนั้น มันมีพลังป้องกันอันร้ายกาจนัก! รังสีกระบี่ของเขามิอาจล่วงล้ำกร้ำกรายถึงเนื้อมันได้เลย!!

 

‘ไม่แปลกใจเลยที่มันเลือกจะปะทะกับข้าซึ่งๆหน้า!’

 

เวลาชั่วเสี้ยวพริบตาต่อมาต้วนหลิงเทียนพลันตระหนักได้ ว่าบัดนี้พลังทำลายของหมัดคู่ของจางจี้ได้ทำลายรังสีพลังกระบี่พร้อมทั้งร่างอวตารทั้ง 2 ของเขาไปเรียบร้อยแล้ว คงเหลือก็แต่เขาซึ่งเป็นร่างจริง และอีกไม่นานมวลพลังดังกล่าวก็จะซัดกระแทกเข้าร่างเขาตรงๆ!!

 

“ไอ้สวะ!”

 

ขณะเดียวกันน้ำเสียงหยามเหยียดด้วยความสะใจของจางจี้พลันดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน

 

ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนเลือดทั่วกายเดือดพล่าน โทสะพุ่งปรี๊ดขึ้นมาถึงกลางกระหม่อม หัวยังร้อนขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ กระทั่งลืมไปเสียสิ้นว่าเขาสามารถแปลงกายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บแล้วใช้มือเปล่าของร่างกายอันแข็งแกร่งปัดพลังหมัดคู่ของจางจี้ทิ้งได้อย่างไร้เรื่องราว!

 

เรียกว่าตอนนี้เขาหัวร้อน ทั้งบันดาลโทสะหนักมาก กระทั่งตัวเขาเองยังไม่รู้ว่าไฉนอยู่ดีๆถึงได้สติหลุดไปเช่นนี้ ในใจคล้ายมีความรู้สึกหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด

 

ปฐมเวทย์กลืนกิน!

 

อำนาจจิตจู่โจม!

 

กระทั่งตัวต้วนหลิงเทียนเองบัดนี้ก็ไม่ทราบจริงๆและไม่รู้ตัวเลยว่าไฉนเขาถึงไม่แปลงกายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ!

 

เขากลับใช้ปฐมเวทย์กลืนกินออกไปคล้ายมันมีเจตจำนงของมันเอง กระทั่งยังควบคุมใช้ออกด้วยม่านตาพิสดารปลดปล่อยอำนาจจิตจู่โจมวิญญาณออกไปทันที!!

 

ปฐมเวทย์กลืนกินนั้น สามารถกลืนกินพลังได้ทั้งมวล!

 

ในบรรดาพลังเหล่านั้นไม่เพียงแต่พลังวิญญาณฟ้าดินในสวรรค์และโลก ยังรวมไปถึงพลังของคู่ต่อสู้ด้วย!!

 

ต้วนหลิงเทียนเองก็ทราบเรื่องนี้มาแต่ไหนแต่ไร แต่ไม่เคยทดลองใช้ออกสักครั้ง!

 

เพราะความบทนี้มีบอกกล่าวไว้ในข้อมูลของปฐมเวทย์กลืนกินว่า หากผู้ใช้อ่อนแอเกินกว่าพลังที่ดูดกลืนเข้ามา มันจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงกับร่างกายผู้ใช้!

 

ดังนั้นต้วนหลิงเทียนจึงไม่กล้าลองใช้สุ่มสี่สุ่มห้า

 

ทว่าตอนนี้ไม่ทราบเพราะอะไร เขากลับใช้ปฐมเวทย์กลืนกินออกไปตามสัญชาตญาณ!

 

มวลพลังที่กำลังโถมถันเข้ามานั้นค่อนค้างรุนแรงและเกินตัวต้วนหลิงเทียนไปมาก เขาจึงรู้สึกอึดอัดทั้งสัมผัสได้ถึงพลังสะกดข่มอันร้ายกาจ

 

อย่างไรก็ตามหลังจากต้วนหลิงเทียนปลดปล่อยปฐมเวทย์กลืนกินออกไปตามสัญชาตญาณแล้ว วังวนพลังรอบกายที่อุบัติขึ้นในชั่วพริบตาก็สูบกลืนมวลพลังทำลายล้างของหมัดคู่ที่จางจี้ปลดปล่อยออกมาจนหายวับไปกับตา!!

 

และครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ทราบแล้วว่าไฉนในเคล็ดปฐมเวทย์กลืนกินถึงได้กล่าวเตือนไว้ว่าให้ระวัง ‘ผลกระทบ’ เพราะเขาสัมผัสได้ถึงการต่อต้านแข็งขืนของพลังอย่างรุนแรง!!

 

พลังที่เขาสูบกลืนเข้ามา มันไม่ใช่พลังของเขา! และตอนนี้มันก็คล้ายจะอาละวาดในร่างกายของเขาอย่างเกรี้ยวกราด!!

 

พริบตานี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกปวดร้าวระบมไปทั่วร่าง คล้ายร่างกายของเขาจะแหลกเป็นเสี่ยงๆ!

 

“รนหาที่ตาย!!”

 

ด้านจางจี้แม้จะประหลาดใจไม่น้อยที่อยู่ๆต้วนหลิงเทียนกลับสูบกลืนพลังหมัดคู่ของมันจนหายไปเสียสิ้น แต่พริบตาต่อมามันก็ตระหนักได้ว่า พลังหมัดของมันที่แท้ยังอยู่ในร่างกายของต้วนหลิงเทียน! และมันเองก็สามารถควบคุมพลังดังกล่าวได้อยู่ มันจึงคิดที่จะควบคุมพลังให้บดบี้ทำลายอวัยวะภายในของต้วนหลิงเทียนทันที!!

 

ซัวว!!

 

แต่ทว่าทันใดนั้นเอง ลึกลงไปในตาซ้ายของต้วนหลิงเทียนพลันเผยประกายเย็นเยียบ พลังวิญญาณหลั่งไหลออกจากดวงจิตโคจรตามเส้นทางพลังของม่านตาพิสดาร ควบแน่นก่อเกิดเป็นมังกรวิญญาณตัวเล็กตัวหนึ่งพุ่งทะยานออกจากลูกตาไปไร้สำเนียง! จู่โจมเข้าใส่จางจี้โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตอบสนอง!!

 

หลังจากพลังวิญญาณลักษณ์มังกรขุมนี้พุ่งเข้าร่างจางจี้ มันก็ปรี่ตรงไปยังดวงจิตของจางจี้ทันที!!

 

ปงงง!!

 

ถึงแม้การโจมตีด้วยอำนาจจิตนี้จากฐานพลังวิญญาณของเขา จะไม่นับว่าแข็งแกร่งร้ายกาจอะไรสำหรับจางจี้ที่มีพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนนภาขั้นต้น หากแต่ยังทำให้ดวงจิตของจางจี้สะเทือนสะท้านยามถูกมังกรวิญญาณพุ่งชน!

 

“อะ…อำนาจจิต!?”

 

จังหวะนี้เองจางจี้ที่คิดสั่งให้พลังหมัดของมันทำลายอวัยวะภายในของต้วนหลิงเทียนก็ชะงักไปด้วยความตกใจ ด้วยไม่คาดฝันว่ากระทั่งในเวลาแบบนี้ต้วนหลิงเทียนจะใช้อำนาจจิตจู่โจมวิญญาณออกมาได้อีก

 

ถึงแม้การจู่โจมวิญญาณดังกล่าวจะไม่รุนแรง แต่ก็ทำให้มันตกใจ

 

ยังมากพอจะทำให้ความคิดของมันชะงักไปครู่หนึ่ง!

 

และในขณะที่สติของจางจี้ชะงักอึ้งไปนั้นเอง มวลพลังของมันที่อยู่ในร่างของต้วนหลิงเทียนก็ขาดการควบคุม!!

 

“กลืนกิน!!”

 

ต้วนหลิงเทียนฉวยโอกาสในชั่วพริบตาดุจคว้าจับละอองไฟที่วูบวาบได้ทัน กลืนกินพลังของจ้าวจี้มาเป็นพลังของตัวทันที! ทำให้มวลพลังขุมนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังเขาเอง!!

 

ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าตัวเองไม่อาจควบคุมพลังมหาศาลในร่างกายขุมนี้ได้!

 

นั่นเพราะแต่เดิมเขาก็ได้กลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบไปเต็มขีดจำกัดเพื่อนำมาเพิ่มพูนพลังฝึกปรือของเขาแล้ว จนทำให้พลังฝึกปรือของเขายกระดับขึ้นมาจนมีพลังอำนาจทัดเทียมเซียนปฐพีขั้นสูงสุด…ทว่าตอนนี้เขากลับกลืนกินมวลพลังมหาศาลของจางจี้เข้ามาเพิ่มโดยตรง!!

 

หลังจากที่แบกรับพลังมหาศาลเกินกว่าที่ตัวเองจะรับไหว ตวนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนร่างกายของเขากำลังจะระเบิดออกมา!!

 

ชีพจรเซียนทั้ง 99 เอ่อล้นไปด้วยมวลพลังมหาศาลแทบปริ! ราวกับมันพร้อมจะแตกสลายได้ทุกเวลา!!

 

“ออกไป!”

 

ชั่วพริบตาดั่งอัสนีวาบ ต้วนหลิงเทียนที่กำลังทุกข์ทรมานกับมวลพลังมหาศาลที่ท่วมท้นเกินควบคุม ก็ไม่อาจทนไหวสืบไป ผลักฝ่ามือออกไปเบื้องหน้าทั้งปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกไปทางฝ่ามือทันที!!

 

และมวลพลังมหาศาลทั้งหมดในร่างที่ปลดปล่อยออกไปทางฝ่ามือนี้ ก็บังเอิญตรงกับทิศทางร่างของจางจี้ที่อยู่ไม่ไกลพอดิบพอดี!!

 

“ระยำ!”

 

พลังฝ่ามือมหาประลัยนี้ของต้วนหลิงเทียนมาได้รวดเร็วเกินไป เร็วเสียจนจางจี้ไม่ทันได้ตั้งตัว! หน้ามันเปลี่ยนสีอย่างแรง คนเร่งรีดเค้นพลังทุกขุมในร่างจ่ายออกไปหนุนเสริมเวทย์พลังป้องกันหมายต้านทานรับมือพลังฝ่ามือดังกล่าว!!

 

พริบตานี้เกราะทมิฬมืดทั่วร่างของจางจี้ก็คล้ายจะเข้มดำขึ้นไปอีกขั้น!

 

ปงงงงงงง!!!

 

พริบตาต่อมามวลพลังมหาศาลที่แทบทำให้ร่างต้วนหลิงเทียนระเบิด จนต้องเร่งซัดปล่อยมันออกไปจากฝ่ามืออย่างร้อนรน ก็กระแทกเข้าร่างจางจี้อย่างจัง!!

 

ตูมมมมมมมมม!!

 

เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นปานฟ้าถล่มดังขึ้นสะท้านแก้วหูผู้คน ก่อนร่างจางจี้จะปลิดปลิวกระเด็นออกมาราวลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร!!

 

ชุดเกราะสีดำทมิฬทั่วร่างจางจี้ที่เคยแข็งแกร่งถึงขั้นต้านรับรังสีพลังกระบี่ของเซียนอมตะข้ามภพได้อย่างไร้รอยขีดข่วน บัดนี้ไม่ต่างอะไรจากใบไม้แห้งกรอบ! มันถูกพลังฝ่ามือมหาประลัยที่ต้วนหลิงเทียนปลดปล่อยออกมาทำลายจนยับเยิน พลังทำลายยังชำแรกเข้าร่างทำร้ายจางจี้อย่างหนัก!!

 

หลังจากถูกพลังอันน่าพรั่นพรึงดังกล่าวซัด ร่างจางจี้ก็ปลิวไปตกกระแทกพื้นอย่างแรง! คนแน่นิ่งไปไม่ไหวติง!!

 

‘ฉิบหาย! มันตายไหมนั่น!!’

 

เห็นภาพนี้หน้าต้วนหลิงเทียนถึงกับเปลี่ยนไปทันที

 

การต่อสู้ระหว่างเขากับจางจี้ไม่ได้เป็นการประลองเป็นตาย หากอีกฝ่ายตกตายขึ้นมา เขาทำได้แค่หลบหนีออกจากลัทธิบูชาไฟอย่างช่วยไม่ได้!

 

สำหรับเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬคนอื่นๆนั้น ตอนนี้ทั้งหมดล้วนตกตะลึงกับฉากเรื่องราวที่อยู่ๆก็อุบัติขึ้นในชั่วพริบตา ตอนนี้น่านฟ้าจึงเงียบสงัดไร้เสียงพูดคุยใดๆ คงเหลือก็แต่เพียงเสียงหอบหายใจเล็กน้อยของต้วนหลิงเทียน!

 

“อั๊คค!!”

 

อย่างไรก็ตามเมื่อร่างจางจี้เริมขยับ และคนพลันกระอักโลหิตออกมาไม่หยุด ต้วนหลิงเทียนที่หน้าเครียดก็พอได้โล่งใจออกมาไม่น้อย

 

พระช่วย! มันยังอยู่!!

 

“เกือบไปแล้วไง…”

 

มุมปากของต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้นมา เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ทำอะไรลงไปภายใต้แรงกดดันของจางจี้…

 

หากสวรรค์ให้โอกาสเขาอีกครั้งล่ะก็ เขาจะไม่บ้าจี้กลืนกินพลังทำลายของจางจี้แบบเมื่อกี้เด็ดขาด! เพราะพลังดังกล่าวนั้นยังไม่ได้หลุดพ้นความควบคุมของจางจี้!!

 

‘หากไม่ใช่เพราะใช้ม่านตาพิสดารปลดปล่อยอำนาจจิตจู่โจมวิญญาณออกไปกวนสมาธิจางจี้ได้พอดิบพอดี น่ากลัวว่าข้าคงได้ตายเพราะจางจี้มันควบคุมพลังของตัวที่ข้ากลืนเข้าไปให้ทำลายภายในข้าเป็นแน่…’

 

คิดถึงฉากเรื่องราวก่อนหน้า ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหวาดเสียวทั้งรู้สึกกลัวจับใจ

 

‘ถึงแม้พลังขุมนั้นจะหลุดจากการควบคุมของจางจี้ไปชั่วขณะทำให้ข้าสามารถกลืนกินมันมาเป็นของตัวได้สำเร็จ…แต่พลังนั่นมันก็มากเกินไปจนตัวแทบระเบิด! ถ้าเมื่อครู่พลังนั่นมันระเบิดขึ้นมาจริงๆ ข้าคงไม่เหลือแม้แต่ซาก!!’

 

อย่างไรก็ตามหลังผ่านประสบการณ์ครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนได้ลอบสาบานในใจ ว่าจะไม่พาตัวไปตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงเช่นนี้อีก!

 

ถึงแม้ว่าพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาในตอนสุดท้ายนั่นจะน่าพรั่นพรึงนัก ถึงขั้นเทียบได้กับพลังอำนาจอันร้ายกาจของกระบี่นิลสวรรค์ที่เขาปลดปล่อยมันออกไปด้วยพลังทั้งหมดของเซียนมนุษย์ขั้นกลาง แต่เขาก็ไม่คิดจะลองมันอีกครั้ง!!

 

‘พลังในร่างข้าตอนนี้สูญสิ้นไปไม่เหลือเลย…’

 

ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่าตอนนี้พลังเซียนสุริยันในร่างมันหายไปหมดสิ้น ร่างกายเขาคล้ายเปล่าเปลือยไม่เหลือพลังใดๆ…

 

ความรู้สึกว่างเปล่าดังกล่าว ไม่ต่างอะไรจากความรู้สึกตอนใช้กระบี่นิลสวรรค์ด้วยพลังทั้งหมดเลย…

 

‘พลังปะทุเมื่อครู่ ดูเหมือนจะน่ากลัวยิ่งกว่าพลังของกระบี่นิลสวรรค์ซะอีก…นี่มันจะไม่รุนแรงเกินจริงไปหน่อยรึไง’

 

‘แต่ให้เทียบกันแล้วกระบี่นิลสวรรค์เพียงให้ความรู้สึกพลังสาบสูญไปทั่วร่างจนว่างเปล่า…ทว่าตอนนี้มันทำให้ข้าเจ็บปวดแทบตาย! ให้ตายก็ไม่คิดทะลึ่งใช้มันอีกเด็ดขาด!!’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวอย่างลับๆ

 

เมื่อกวาดตาลงมามองร่างจางจี้ที่นอนกระอักเลือดบนพื้นอีกครั้ง และยืนยันได้แล้วว่ามันไม่ได้ถึงตายหรือพิการอะไร เพียงแค่วูบไปชั่วคราวและตอนนี้ก็เหมือนจะฟื้นขึ้นมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกโล่งใจนัก

 

“จางจี้…จากนี้ไปเรือนชั้นรองของเจ้า เป็นของข้าต้วนหลิงเทียน…”

 

เหลือบมองจางจี้ด้วยหางตา ต้วนหลิงเทียนก็พยายามกล่าวออกมาเสียงเย็นอย่างยากลำบาก

 

ครู่ต่อมาเขาก็ไม่อาจฝืนรั้งอะไรได้อีกเร่งโรยตัวลงไปและเข้าบ้านพัก หรือ ‘เรือนชั้นรอง’ ของจางจี้ทันที

 

หลังจากปิดประตูแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นทันที กระทั่งยังยากจะยืนได้อยู่นาน

 

ส่วนด้านนอกนั้น จางจี้ที่รอแร่นั้น…มันที่พึ่งจะฟื้นขึ้นมาหลังวูบไปได้ไม่ทันไร พอได้ยินวาจาทิ้งท้ายนี้ของต้วนหลิงเทียนมันก็ถึงกับกระอักโลหิตออกมาอีกรอบ ก่อนที่จะสิ้นสติคอพับไปอีกครั้ง…

 

กล่าวไปแล้วครั้งนี้นับว่าจางจี้ซวยหนักจริงๆ…

 

เพราะพลังที่ทำให้มันบาดเจ็บร่อแร่ขนาดนี้ กล่าวไปก็เป็นพลังของมันเองแทบทั้งสิ้น!!

 

แน่นอนว่านอกจากเป็นพลังของมันเสียส่วนใหญ่ ยังมีพลังทั้งหมดของต้วนหลิงเทียนเสริมเข้ามาด้วย

 

ตอนแรกด้วยความที่พลังสองขุมดังกล่าวมันอยู่ในสภาวะปั่นป่วน! เช่นนั้นยามปลดปล่อยออกมาก็ไม่ต่างอะไรจากระเบิดปะทุ! ย่อมไม่ใช่อะไรที่ง่ายดายเหมือนรวมพลังธรรมดา!!

 

และพลังปั่นป่วนดังกล่าวบอกตรงๆต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้คิดจะซัดใส่จางจี้ด้วยซ้ำ! เขาแค่ผลักไสมันออกไปให้พ้นตัว และบังเอิญจางจี้มันขวางทางปืนก็เท่านั้น…

 

ด้วยพลังทำลายเทียบได้กับเซียนภาขั้นต้นผสานกับพลังทั้งหมดของเซียนปฐพีขั้นสูงสุด เกราะพลังทมิฬจากเวทย์พลังป้องกันของจางจี้ถึงแม้จะผสานกับพลังอำนาจเขตแดนแล้วก็มิอาจทานทนรับไหว…

 

สุดท้ายจางจี้จึงถูกซัดกระเด็นไปแน่นิ่งหมดสภาพบนพื้นราวสุนัขใกล้ตาย

 

นอกจากนั้นกล่าวไปทั้งหมดทั้งมวลที่จางจี้ยังมีวิตรอดอยู่ได้ เพราะมันเป็นผู้ฝึกมารที่มุ่งเน้นในหนทางขัดเกลาเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย..

 

หากแทนที่ด้วยเซียนนภาขั้นต้นคนอื่นๆล่ะก็…น่ากลัวว่าคงต้องตายคาที่แน่นอน!!

 

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนเดินหายเข้าไปในเรือนชั้นรองของจางจี้ และจางจี้ที่กระอักโลหิตต่ออีกไม่กี่ครั้งก็หมดสติไป เหล่าผู้ชมทั้งหลายที่อยู่ในที่เกิดเหตุค่อยได้สติสตังกลับคืนมา

 

ซูด! ซูด! ซูด! ซูด!

 

……

 

เสียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆพลันระงมขึ้นมาทันที!