เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ จิวมั่วเหอยังเสริมขึ้นอีกประโยคว่า “ท่านข่าน หากเยี่ยเม่ยไม่เป็นอะไร เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่แพ้ศึกนี้ ซ้ำยังมีชีวิตรอดกลับมาได้…ข้าคิดว่า เรื่องนี้คงจะจริงแท้แน่นอนแล้ว!”
ราชาต้ามั่วพลันสงบลง สีหน้าไม่น่าดูชมเป็นอย่างมาก อย่าว่าแต่เขาไม่เชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นจริงได้เลย แต่พอลองคิดดู ราชาต้ามั่วยังอดตัวสั่นไม่ได้
คนข้างกายที่ไว้ใจที่สุดทรยศตัวเอง เป็นความรู้สึกแบบไหน เพียงลองคิดก็เหมือนถูกน้ำเย็นราดหัว เปียกไปตั้งแต่หัวจรดเท้า หนาวเหน็บไปถึงกระดูก
นี่มิใช่แค่การสูญเสียผลประโยชน์เท่านั้น ยังโจมจู่หนักๆ เข้าที่หัวใจ ในเสี้ยววินาทีนั้น ราชาต้ามั่วแทบสงสัยถึงเหตุผลของชีวิตขึ้นมาแล้ว
“ท่านข่าน…” เห็นราชาต้ามั่วไม่เอ่ยวาจา จิวมั่วเหอเงยหน้าขึ้น เรียกเขาคำหนึ่ง
ราชาต้ามั่วถอนใจยาว เอ่ยว่า “รอดูก่อนเถอะ ฟังผลการศึกของเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ !”
เพิ่งจะสิ้นเสียงราชาต้ามั่วไป ก็มีทหารผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ท่านข่าน แม่ทัพเฮ่อเหลียนกลับมาแล้ว!”
ยามนี้ราชาต้ามั่วพลันกำหมัดแน่น ถามว่า “ศึกนี้เขา แพ้หรือชนะ”
“พะ..แพ้แล้ว!” ทหารตอบกลับมาอย่างระวัง ซ้ำยังรายงาน “ไม่เพียงเท่านั้น คนที่แม่ทัพเฮ่อเหลียนนำออกไปตกตายย่อยยับ มีเพียงแม่ทัพเฮ่อเหลียนและองครักษ์คนสนิทไม่กี่คนเท่านั้นที่เอาชีวิตรอดกลับมาได้!”
ทหารรายงานเสร็จก็รีบก้มหน้าลง หวั่นว่าราชาต้ามั่วจะโมโห เขาจะพลอยถูกลูกหลงไปด้วย
ราชาต้ามั่วหน้าเขียวปั๊ด เอ่ยเสียงเย็นว่า “ให้เขาเข้ามา! ข้าจะพบเขาตอนนี้ เวลานี้ เดี๋ยวนี้!”
“ขอรับ!” ทหารรีบออกไปถ่ายทอดคำสั่ง ดูจากสีหน้าของท่านข่าน รู้สึกว่าครั้งนี้แม่ทัพเฮ่อเหลียนคงจะเคราะห์ร้ายเสียมากกว่า
ไม่นาน
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่เดินเข้ามา หลังจากนั้นเขายืนอยู่หน้าราชาต้ามั่วด้วยสีหน้าพ่ายแพ้ คุกเข่าข้างเดียวลง “ท่านข่าน ข้าไร้สามารถตกหลุมพรางร้ายของเยี่ยเม่ย นางหาได้ถูกพิษไม่ ทั้งยังให้คนชายแดนแสร้งเป็นพ่ายแพ้ ข้ามิทันคิดมากความก็นำทหารเข้าไปโจมตี ไม่คิดว่าจะตกหลุมพรางของนางได้…”
เมื่อเอ่ยเช่นนี้ จิวมั่วเหอที่อยู่ด้านข้างก็ถามว่า “ความหมายของแม่ทัพเฮ่อเหลียนคือ พวกท่านเป็นเหมือนเต่าในไหแล้วหรือ”
“ไม่ผิด!” เส้นเอ็นที่ขมับเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่เต้นตุบตับ กลั้นโทสะตอบกลับมา
เขาเข้าใจดีว่า เขาแพ้ในศึกนี้จะเป็นโอกาสของจิวมั่วเหอ ทำให้ท่านข่านที่เชื่อใจเขาเปลี่ยนใจไปเชื่อใจจิวมั่วเหอผู้มีความทะเยอทะยาน หากเป็นเช่นนี้ตำแหน่งฐานะของราชาต้ามั่วก็ตกในอันตรายแล้ว
แต่ความจริง เขาก็ปราชัยในศึกนี้จริงๆ ดังนั้นนอกจากตอบรับออกไป เขาก็ไม่มีคำพูดอื่นอีก
จิวมั่วเหอมองเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ที่คุกเข่า ถามว่า “เช่นนั้นไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากแม่ทัพเฮ่อเหลียนตกอยู่ในวงล้อมศัตรูแล้ว คนทั้งหมดตกตายสิ้น เว้นแต่แม่ทัพเฮ่อเหลียนที่นำคนสนิทไม่กี่คนเอาชีวิตรอดกลับมาได้เล่า”
เมื่อเขาเอ่ย เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ถลึงตาดุร้ายใส่จิวมั่วเหอ “จิวมั่วเหอ คำพูดของเจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าคิดว่าข้าสมคบคิดกับศัตรู หรือเจ้าอยากให้ข้าตายอยู่ข้างนอกกันแน่”
ครั้นเขาเอ่ยจบ ราขาต้ามั่วก็โยนจดหมายในมือใส่เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ “สิ่งนี้คืออะไร เจ้าดูเอาเองเถอะ!”
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ไม่เข้าใจ หยิบจดหมายเปิดอ่านดู
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นิ้วมือของเขาซีดขาว จ้องมองราชาต้ามั่วอย่างไม่เชื่อสายตา “ท่านข่าน จดหมายนี้ข้ามิได้เขียน ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น! เรื่องนี้ต้องมีคนจงใจให้ร้ายข้าอย่างแน่นอน!”
ในที่สุดราชาต้ามั่วก็สะกดความระแวงสงสัยในใจไม่ไหว จ้องเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่อย่างดุดัน “ให้ร้ายหรือ เจ้าเอาชีวิตรอดกลับมา หรือว่าเยี่ยเม่ยจงใจปล่อยเจ้าครั้งหนึ่ง เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ ข้ากลับคิดได้แล้ว ช่วงนี้เจ้ากับเป่ยเฉินอี้ร่วมมือกันทำเป็นแพ้ศึกครั้งแล้วครั้งเล่า สูญเสียไพร่พลไปไม่น้อย วันนี้ยิ่งสูญเสียคนไปจำนวนมาก เจ้าทำให้ทหารต้ามั่วสามหมื่นนายสิ้นชีวิตในเมืองชายแดนของเป่ยเฉิน หากนี่เป็นแผนของเป่ยเฉินอี้ ค่าตอบแทนนี้ออกจะสูงเกินไปแล้ว!”
ครั้นเอ่ยถึงยามนี้ ราชาต้ามั่วเปลี่ยนเรื่องอย่างฉับพลัน “หรือว่า นับตั้งแต่เริ่มต้นล้วนเป็นแผนของเจ้าและเยี่ยเม่ย จงใจทำให้ข้าละเลยจิวมั่วเหอ วางแผนเป็นชั้นๆ ก็เพื่อการนี้ใช่หรือไม่ หากมิใช่คนของจิวมั่วเหอเห็นว่าคนของเจ้าทำตัวลับๆ ล่อๆ ออกไปส่งจดหมาย ข้ายังไม่รู้ว่าจะถูกเจ้าปิดบังไปถึงเมื่อไร!”
“ท่านข่าน ข้าถูกปรักปรำ! ข้าร่วมมือกับเป่ยเฉินอี้จริงหรือไม่ เชื่อว่าขอเพียงท่านส่งคนไปถามเป่ยเฉินอี้ก็รู้ได้! หลายปีมานี้ข้าจงรักภักดีต่อท่าน ท่านข่านอาศัยเพียงคนต่ำช้ายุแยงก็สงสัยในความภักดีของข้าอย่างนั้นหรือ” คำพูดแต่ละคำของเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ล้วนเป็นคำที่ทิ่มแทงหัวใจ
เขาเอ่ยเช่นนี้ สายตาเคียดแค้นที่ไม่อาจปิดบังได้มองจิวมั่วเหอ
เรื่องราวในวันนี้เปลี่ยนไปถึงขั้นนี้ หากยังมิรู้ว่ามีจิวมั่วเหอคอยจัดฉากอยู่เบื้องหลัง เช่นนั้นเขาก็มีชีวิตมาอย่างเสียเปล่าแล้ว! เขารู้ว่าตัวเองได้รับความไว้ใจจากท่านข่านมาตลอด จึงได้เบียดจิวมั่วเหอออกจากสนามรบนี้ไปได้ ทำให้จิวมั่วเหอต้องการแก้แค้นเขาอย่างแน่นอน
คิดไม่ถึงว่า การแก้แค้นนี้รุนแรงมาก
คิดได้ดังนี้ เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่โขกหัวให้ราชาต้ามั่วทีหนึ่ง หลังจากนั้นเอ่ยปากว่า “ท่านข่าน ขอให้ท่านคิดเรื่องนี้ให้ละเอียด ทำไมข้าแพ้ศึก จิวมั่วเหอก็บังเอิญได้รับจดหมาย อีกอย่างหากข้ากับเยี่ยเม่ยหารือเรื่องนี้กันดีแล้ว ไฉนเวลานี้ยังต้องส่งจดหมายด้วยเล่า การกระทำนี้ไม่เกินความจำเป็นหรอกหรือ”
“นี่…” เมื่อเขาเอ่ยออกมา ราชาต้ามั่วใคร่ครวญครู่หนึ่ง ในใจก็เกิดความสงสัย
ฝ่ายเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่เอ่ยปากต่อว่า “หลายปีที่ผ่านมานี้ ข้าเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ทำทุกสิ่งทุกอย่างก็เพื่อท่านข่าน หรือว่าความภักดีของข้า ท่านข่านไม่รับรู้เลยสักนิด”
ยามนี้ราชาต้ามั่วก็ฉุดคิดขึ้นมาได้ หลายปีก่อนเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่มีบุญคุณช่วยชีวิตตน หากบอกว่าคนเราเปลี่ยนแปลงได้ ก็อาจเป็นไปได้ แต่ว่าหลายปีที่ผ่านมา เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่จงรักภักดีโดยตลอด นี่…
ขณะคิดนั้น
จิวมั่วเหอถอนใจ เอ่ยปากว่า “ความจริงข้าอยากให้เรื่องนี้เป็นแค่ความเข้าใจผิดยิ่งกว่าใครทั้งนั้น เพียงแต่ตอนที่ข้ามากระโจมของท่านข่าน ระหว่างทางได้พบลู่หวานหว่าน ยามนางเห็นข้าก็มีท่าทางกำแหงนัก นางบอกว่า บอกว่า…”
“บอกว่าอะไร” ราชาต้ามั่วถามทันที
จิวมั่วเหอ “ให้นางมาพูดเองเถอะ!”
เมื่อเขาเอ่ยจบ ลู่หวานหว่านที่ถูกคนจับมัด เข้ามาจากด้านนอก นางเอ่ยด้วยท่าทางลนลานขวัญเสีย “คำพูดเหล่านี้ข้ามิได้เอ่ย ล้วนเป็นเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่พูด! ข้าน้อยแค่เชื่อคำพูดเหลวไหลของเขา ถึงได้เอ่ยออกไปได้ ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้นจริงๆ! ละเว้นข้าด้วย อย่าฆ่าข้าเลย!”