บทที่ 1019 แก่นเพลิงหงส์ฟ้า

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1019 แก่นเพลิงหงส์ฟ้า

มู่เฉินและมั่วหลิงพุ่งสายตาไปรวมกันที่ก้อนหินสีดำที่ดูเหมือนไข่

เขาเหลือบมองหญิงสาวที่อยู่ด้านข้างอย่างประหลาดใจ เห็นชัดเขาไม่คิดว่าพวกเขาจะเล็งวัตถุชิ้นนี้พร้อมกัน

หินสีดำที่มีรอยเผาไหม้ดูเป็นสิ่งที่ธรรมดามาก แต่ด้วยประสาทสัมผัสพิเศษ มู่เฉินรู้สึกถึงความผันผวนของความร้อนที่รุนแรงผิดปกติในหินสีดำ

มั่วหลิงเบิกตากว้างด้วยประกายแวววาว จากนั้นก็คว้าแขนเสื้อมู่เฉิน ใช้เสียงที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยิน “พี่ใหญ่มู่เฉิน มีแก่นเพลิงหงส์ฟ้าในหินสีดำ!”

“แก่นเพลิงหงส์ฟ้า?” หัวใจของมู่เฉินสั่นระรัว ที่เรียกว่าเพลิงหงส์ฟ้าก็คือเปลวไฟเอกลักษณ์ของเผ่าหงส์ฟ้าซึ่งเป็นสิ่งครอบงำมาก แก่นเพลิงหงส์ฟ้าชำระมาจากหงส์ฟ้าเพลิง ถือได้ว่าเป็นสมบัติดี เป็นประโยชน์อย่างมากต่อจอมยุทธ์ที่ฝึกคลื่นหลิงคุณสมบัติเปลวไฟ

แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือความจริงที่ตัวเขาทำได้เพียงรู้สึกถึงความผันผวนแปลกประหลาดในหินสีดำเบาบางทว่ามั่วหลิงกลับสามารถระบุวัตถุที่ผนึกไว้ภายในได้แน่นอน

“เจ้ารู้ได้ยังไง?” มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงถามออกไป

มั่วหลิงกะพริบตากลมโตหัวเราะเสียงพลิ้ว “นั่นเป็นเพราะข้ามีความสามรถพิเศษในการรับรู้โดยกำเนิดที่น่าตกใจ ไม่ว่าจะเป็นผนึกแบบใด ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจพบของข้าไปได้”

หัวใจของมู่เฉินสั่นไหว ไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะมีพรสวรรค์โดยกำเนิดแบบนี้ ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมนางถึงระบุสมบัติที่ผนึกไว้ในหินสีดำได้

ในแง่ของราคา แก่นเพลิงหงส์ฟ้าชิ้นหนึ่งสูงกว่าของเหลวจื้อจุนห้าแสนหยดเสียอีก ซึ่งถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับผู้ฝึกคลื่นหลิงเพลิง

มู่เฉินมองมั่วหลิงที่ดวงตาเปล่งประกายวิบวับ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจพลางพูดว่า “เจ้าอยากได้เหรอ?”

มั่วหลิงเหมือนจะมาจากเผ่าหงส์ฟ้า ดังนั้นจึงครอบครองเพลิงหงส์ฟ้าด้วย หากนางได้ดูดซับแก่นเพลิงหงส์ฟ้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นประโยชน์ต่อนางมากขนาดไหน

มั่วหลิงพยักหน้าหงึกหงัก แต่ก็พูดด้วยความเขินอาย “แต่ข้าไม่มีของเหลวจื้อจุนจำนวนมากอยู่กับตัว… นอกจากนี้แม้ว่าเราจะรู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถทำลายผนึกได้หรือไม่”

ผลสำเร็จสามส่วนต่ำเกินไป หากพวกเขาล้มเหลวก็จะทำให้เงินกลายเป็นอากาศธาตุ

“ไม่ว่ายังไงก็ต้องลองเสี่ยงนะ”

มู่เฉินยิ้ม ตั้งแต่เขาเข้ามาในดินแดนเสินโซ่ก็ได้รับผลประโยชน์มากมาย มั่วเฟิงโชคดีกว่าเนื่องจากได้เข้าสู่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณ ขณะที่จิ่วโยวและมั่วหลิงรออยู่ข้างนอกเป็นวัน

เขากับจิ่วโยวไม่จำเป็นต้องเกรงใจในเรื่องผลประโยชน์แบบนี้มากนัก แต่สำหรับมั่วหลิงแล้วก็รู้สึกว่าตนเองเป็นหนี้บุญคุณนาง ในเมื่อนางพบบางอย่างที่ต้องการ มู่เฉินก็เต็มใจที่จะใช้จ่ายของเหลวจื้อจุนห้าแสนหยดให้

พูดจบมู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาเอื้อมมือดูดลูกผลึกแสงที่มีหินสีดำก็หล่นลงในมือ เวลาเดียวกันเขาก็สะบัดแขนเสื้อส่งขวดหยกบินไปหาชายร่างผอมบางใต้ต้นไม้หิน

อีกฝ่ายรับไว้ หลังจากตรวจสอบจำนวนของเหลวจื้อจุนเสร็จเขาก็สะบัดนิ้วตัดเส้นใยคลื่นหลิงที่เชื่อมติดอยู่กับลูกผลึกแสงออก

บนพื้นผิวของหินสีดำหยาบกระด้างมีรอยไหม้อยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีอักขระโบราณปกคลุม ซึ่งเกิดจากผนึก ทำให้ดูลึกซึ้งอย่างยิ่ง

มู่เฉินจับหินสีดำหลับตาลงอย่างช้าๆ คลื่นหลิงสอดแทรกเข้าไปในหินสีดำเพื่อตรวจสอบผนึกโบราณ ผ่านไปพักใหญ่กว่าเขาจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้ว

ผนึกนี้ประหลาดมาก หากใช้กำลังทำลายก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก่อนที่ผนึกจะถูกทำลายมีความเป็นไปได้สูงที่จะจุดชนวนทำลายตัวเองเพื่อล้างผลาญวัตถุที่อยู่ภายใน

ดังนั้นเขาจะต้องใช้วิธีพิเศษถ้าต้องการที่จะทำลายผนึกโดยไม่ไปสะกิดของภายใน

“วัสดุที่ใช้ผนึกดูเหมือนจะค่อนข้างพิเศษ”

หลังจากตรวจสอบอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็รู้ถึงจุดสำคัญของอักขระบนพื้นผิวของหินสีดำ อักขระเหล่านี้มีสีแดงเข้มและบรรจุด้วยแรงกดดันเป็นพิเศษ

“ผนึกนี้เกิดขึ้นจากเลือดของมหาเทพอสูร… มิน่าล่ะถึงยังคงอยู่แม้จะผ่านไปนับหมื่นปี”

มู่เฉินสังเกตจนถี่ถ้วน สุดท้ายก็ตระหนักได้ว่าแรงกดดันนี้เป็นสิ่งที่มีเพียงมหาเทพอสูรเท่านั้นที่มีได้ แม้ว่าจะอ่อนกำลังลงไปหลายเท่าแล้ว แต่เนื่องจากในร่างเขามีจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง เขาจึงยังคุ้นเคยกับกลิ่นอายของมหาเทพอสูรนี้อยู่

“พี่ใหญ่มู่เฉินเป็นยังไงบ้าง? ทำลายผนึกได้ไหม?”

มั่วหลิงอดไม่ได้ต้องถามเขาอย่างสงสัย ที่ด้านข้างผู้คนจำนวนมากก็มองมาที่มู่เฉิน ชัดว่าต่างต้องการเห็นจะๆ ว่าคนที่ทุ่มทุนซื้อสิ่งนี้ด้วยของเหลวจื้อจุนห้าแสนหยดจะได้อะไรออกมา

มากจนแม้แต่ชายร่างผอมบางก็หันมามองด้วย ที่จริงเขาพอจะสามารถสัมผัสได้คลุมเครือว่าวัตถุที่ขายไปไม่ใช่ของธรรมดา ครั้งหนึ่งเขาเคยทำใจแข็งที่จะเปิดพวกมันทั้งหมดโดยลองเสี่ยงกับโชคชะตาของตนเองดู หากเขาได้พบกับสมบัติที่แท้จริงก็จะคุ้มค่า ทว่าเขาไม่คิดว่าตนเองจะไม่มีดวงขนาดนั้น ผนึกที่เขาเปิดเองทั้งหมดล้วนล้มเหลว

ดังนั้นรอยแผลจึงถูกทิ้งไว้ในหัวใจหลังจากความล้มเหลว ตัวเขาไม่กล้าที่จะเปิดเองอีกต่อไป เขากลัวว่าจะโชคร้ายจนล้มเหลวทุกครั้ง หากเป็นเช่นนั้นความพยายามทั้งหมดก็จะไร้ผล เขาจึงเลือกวิธีขายพวกมันผ่านการเสี่ยงโชค นั่นเพราะเขายังสามารถหารายได้เป็นของเหลวจื้อจุนกลับเข้ามาในกระเป๋าได้บ้าง

ภายใต้สายตาของทุกคน มู่เฉินยังคงนิ่งเงียบอยู่นานก่อนที่จะพูดช้าๆ “ลองดูได้”

หลังจากค่อยๆ ทำความเข้าใจโครงสร้างวัสดุที่ใช้ในการผนึก เขาก็มีวิธีการบางอย่างที่สามารถลองดูได้ แม้ว่าเขาจะไม่มั่นใจเต็มร้อยเกี่ยวกับโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังดีกว่าการทำลายด้วยความป่าเถื่อน

เมื่อคิดได้เช่นนี้ มู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป นิ้วจับหินสีดำสั่นไหวเบาๆ ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็รวมกันก่อร่างเป็นสัญลักษณ์หลิงยิ่งรวมตัวเข้าในอากาศ

เมื่อสัญลักษณ์หลิงยิ่งรวมเข้าในอากาศ ค่ายกลก็ถักทอขึ้นที่กลางฝ่ามือของมู่เฉิน โดยมีหินสีดำตั้งอยู่ในใจกลาง

ค่ายกลนี้ไม่ใช่ค่ายกลน่ากลัวอะไร มากจนถึงจุดที่ไม่มีความสามารถในการโจมตีเลย ทว่ากลับมีความสามารถในการเปลี่ยนแปรช่วยให้มู่เฉินเทคลื่นหลิงลงไปในผนึกโดยที่ไม่ต้องสัมผัส เขาคิดจะทำลายผนึกจากด้านใน

ทว่าถึงค่ายกลจะดูเรียบง่าย แต่ก็ต้องมีความเชี่ยวชาญในศาสตร์นี้ โชคดีที่มู่เฉินเป็นหลิงเจิ้นต้าซือแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถสร้างค่ายกลนี้ได้ตามที่ต้องการ

ลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบนแขนเต้นเบาๆ จากนั้นแสงสีม่วงทองก็พุ่งออกมา เข้าไปในหินสีดำผ่านทางค่ายกล

ผนึกโบราณนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยเลือดมหาเทพอสูร วิธีการทั่วไปไม่สามารถทำลายได้โดยไม่ไปสะกิดสิ่งที่อยู่ภายในให้เสียหาย สิ่งเดียวที่ทำลายมันได้ก็คือพลังมหาเทพอสูรตัวอื่น

เช่น พลังมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่สถิตในแขนของมู่เฉิน

มีเพียงพลังในระดับเดียวกันเท่านั้นที่สามารถทำลายผนึกได้อย่างสมบูรณ์

แสงสีม่วงทองค่อยๆ รวมเข้ากับหินสีดำสัมผัสอักขระ ก่อนที่แสงสีม่วงทองจะเริ่มกัดกร่อนผนึกอย่างเงียบๆ

การกัดกร่อนนี้ละเอียดมาก เนื่องจากมู่เฉินไม่กล้าประมาท เขากลัวว่าของเหลวจื้อจุนห้าแสนหยดจะสลายเป็นอากาศธาตุหากเขาประมาท

ผู้คนโดยรอบไม่สามารถเข้าใจการกระทำของเขาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดไปว่ามู่เฉินกำลังฉงนสนเท่ห์ขณะจับก้อนหินสีดำ ทันใดนั้นหลายคนก็เบ้ปากอย่างดูถูกเหยียดหยาม ดูท่าคงเป็นไอ้งั่งอีกคน…

มีเพียงจิ่วโยวและมั่วเฟิงเท่านั้นที่มองไปที่มู่เฉินด้วยความอยากรู้ ด้วยความเข้าใจพื้นนิสัยของมู่เฉิน อีกฝ่ายต้องมีความมั่นใจถึงจะทำ

ชี่! ชี่!

มู่เฉินไม่ใส่ใจต่อสายตาเหล่านั้น ในการรับรู้ของเขา ภายใต้การกัดกร่อนของแสงสีม่วงทอง ในที่สุดรอยแตกก็มีปรากฏขึ้นในผนึก

รอยแตกเพียงแค่นี้ ก็ทำให้เกิดช่องโหว่ในผนึกทันที

“ตอนนี้แหละ!”

เมื่อช่องโหว่ปรากฏขึ้น มู่เฉินก็หดดวงตาลงและไม่ลังเลอีกต่อไป คลื่นหลิงที่เทลงไปในก้อนหินสีดำก็ระเบิด ทำลายผนึกจากด้านในอย่างรวดเร็วและบดขยี้ลงอย่างแรง

ฮึ่ม!

แสงระเบิดออกจากหินสีดำในมือของมู่เฉิน หินแตกเป็นเสี่ยงๆ

เมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ก็เบ้ปาก ดูเหมือนว่าคนโง่คนนี้ล้มเหลวแล้ว

ชายร่างผอมบางก็ส่ายหัวขณะเดียวกันก็ดีใจไปด้วย ดูเหมือนว่าเขาทำให้คนอื่นโชคร้ายอีกแล้ว…

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

ทว่าขณะที่พวกเขาส่ายหัวและดึงสายตากลับ เปลวไฟสีแดงก็พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าจากฝ่ามือของมู่เฉิน อุณหภูมิสูงขึ้นจนน่ากลัว ทำเอามิติถึงกับบิดเบี้ยว

การเปลี่ยนแปลงฉับพลันทำให้ทุกคนอึ้งไป จากนั้นสายตาของพวกเขาก็หันมาจดจ่อที่ฝ่ามือของมู่เฉิน พลางหายใจเข้าลึก

นั่นเป็นเพราะพวกเขาเห็นในฝ่ามือมู่เฉินหินสีดำหายไปแล้วถูกแทนที่ด้วยผลึกอัญมณีสีแดงขนาดเท่าฝ่ามือที่ดูเหมือนมีลาวาไหลเอื่อยอยู่ภายใน

นอกจากนี้ลาวายังก่อตัวเป็นรูปหงส์ฟ้าเพลิงอีกด้วย!

เมื่อมองไปที่หงส์ฟ้าที่ก่อตัวจากลาวา คนที่รู้จักของชิ้นนี้ที่นี่ก็หดดวงตาลงทันที ความโลภหนาแน่นพล่านในแววตา เสียงอุทานด้วยความตะลึงใจดังก้อง

“นั่นมันแก่นเพลิงหงส์ฟ้า!”

ใต้ต้นไม้หินชายร่างผอมบางอ้าปากเหวอ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นตลกอย่างยิ่ง

เมื่อมองไปที่แก่นเพลิงหงส์ฟ้าแม้แต่มู่เฉินก็อดสูดหายใจไม่ได้ ก่อนหน้าตอนที่เขาทำลายผนึกแม้ว่าจะไม่เกิดความปั่นป่วนขนาดใหญ่ แต่เขาก็จำเป็นต้องควบคุมพลังงานให้ดี

“ไม่ได้ทำให้ผิดหวังนะ”

มู่เฉินยิ้มบาง ยื่นแก่นเพลิงหงส์ฟ้าในมือให้มั่วหลิงที่เบิกตากว้างด้วยแสงแวววาว

“ขอบคุณพี่ใหญ่มู่เฉิน!”

มั่วหลิงดีใจมาก จากนั้นก็รับแก่นเพลิงหงส์ฟ้ามาอย่างระมัดระวัง

แต่ขณะที่มือมั่วหลิงกำลังยื่นไปจะรับแก่นเพลิงหงส์ฟ้า ทันใดนั้นแส้ก็จู่โจมเข้ามาห่อหุ้มแก่นเพลิงเอาไว้ เวลาเดียวกันแสงสายหนึ่งก็พุ่งเข้าหามู่เฉิน เสียงหญิงสาวเย็นชาดังก้องขึ้น

“ของเหลวจื้อจุนหกแสนหยดสำหรับแก่นเพลิงหงส์ฟ้านี้”