บทที่ 2604 ศึกพ่อลูก 4 / บทที่ 2605 เลือกบีบลูกพลับนิ่ม

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2604 ศึกพ่อลูก 4

หรือว่าดวงดาวที่ชายชุดขาวใช้เดินหมากในตอนนั้น จะมิใช่การควบคุมคน แต่เป็นโลกแต่ละใบ?!

ตนคือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ผู้นั้นหรือ?!

ยามที่ความคิดสุดท้ายนี้แวบเข้ามาในสมองของเขา กลางนภาพลันมีอัสนีสายหนึ่งผ่าลงมา เสมือนแตะต้องโองการลับบางอย่างเข้า

ด้วยเหตุนี้ ทำให้เขายิ้มออกมา!

หลังจากกู้ซีจิ่วเอ่ยวาจานั้นจบ ก็ไม่รอปฏิกิริยาตอบสนองจากเขา ก้าวเดินไปที่ปากประตูดูตี้เฮ่าที่กำลังขยับแขนขาน้อยๆ ออกหมัดมวยอยู่ตรงนั้นทันที บังเอิญหันกลับมา พลันมองเห็นรอยยิ้มของเขา จึงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ

“ท่านยิ้มอะไร?”

ตี้ฝูอีลุกขึ้นมา เดินไปหยุดข้างกายนาง โอบเอวนางเอาไว้ รั้งนางเข้าสู่อ้อมแขน

“ที่ข้ายิ้ม เพราะจู่ๆ ก็พบว่าการยกหินทับเท้าตนช่างเจ็บปวดยิ่งนักจริงๆ”

กู้ซีจิ่วแสดงท่าทีไม่เข้าใจ

ตี้ฝูอีก็ไม่อธิบายต่อแล้ว เพียงถามนางประโยคหนึ่ง

“พร้อมออกเดินทางเมื่อไหร่?”

กู้ซีจิ่วมองเขา

“พลังยุทธ์ของท่านฟื้นฟูได้เท่าไหร่แล้ว?”

“พอสมควรแล้ว จัดการผังดาวเหล่านั้นได้ไม่มีปัญหา”

“ดี เช่นนั้นพวกเราไปกันตอนนี้เลย! เพียงน่าเสียดายที่ตอนนี้วรยุทธ์ข้าต่ำต้อย ไม่อาจช่วยเหลือท่านได้ มิเช่นนั้นเราแยกกันจัดการคนละสองสามที่ก็ได้” กู้ซีจิ่วรู้สึกเสียดาย

วรยุทธ์ของตี้ฝูอีฟื้นฟูกลับมาเจ็ดแปดส่วนแล้ว แต่วรยุทธ์ของเธอกลับยังเป็นดั่งวิหคน้อยไม่ย้อนหวน…

ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนไหนถึงจะฝึกฝนกลับคืนมาได้

“วางใจเถอะ หากไม่เหนือไปจากที่คาดไว้ รอให้ทุกอย่างในแดนอสุรากลับเป็นปกติแล้ว วรยุทธ์ของเจ้าก็คงฟื้นฟูตามมาเอง”

ตี้ฝูอีสันนิษฐาน

ดวงตากู้ซีจิ่วเปล่งประกาย ลากเขาออกเดิน

“เช่นนั้นพวกเรายังจะรออะไรอีก? ไปเถอะ! พวกเราไปทำลายผังดาวเหล่านั้นกัน!”

“ข้าไปด้วย”

ตี้เฮ่ากระโดดเข้ามา ยื่นมือไปจับแขนเสื้อกู้ซีจิ่วไว้

ตี้ฝูอีตวัดแขนเสื้อ ดึงเขาเข้ามา

“เจ้าเด็กตัวเหม็น ครั้งนี้ที่พวกเรากลับมาก็เพื่อรับตัวเจ้าโดยเฉพาะ”

ย่อมต้องพาเขาไปด้วยอยู่แล้ว

ตี้เฮ่าดิ้นลงมาจากอ้อมแขนเขา

“ต้องพาเสี่ยวเซี่ยไปด้วย”

เสี่ยวเซี่ย?

ตี้เฮ่ายกมือเป่าปากทีหนึ่ง ผ่านไปครู่หนึ่ง เงาร่างสีขาวพลันปรากฏขึ้นไกลๆ สัตว์ร้ายสีขาวเงินตัวหนึ่งร่อนลงในสวน

สัตว์ร้ายตัวนั้นใหญ่เท่าวัว รูปร่างคล้ายกิเลน นัยน์ตาสุกสกาวดุจดารา ดูงามสง่าน่าเกรงขาม

เซี่ยจื้อ!

เป็นเซี่ยจื้อที่กู้ซีจิ่วเคยเข้าใจผิดว่าเป็นหมาป่าเงิน ไม่นึกเลยว่ามันจะเติบใหญ่ขนาดนี้แล้ว

เซี่ยจื้อส่ายหัวกระดิกหางวนรอบพวกกู้ซีจิ่วทั้งสอง เผยความสนิทสนมยิ่งนัก

กู้ซีจิ่วตบหลังมันเบาๆ

“เสี่ยวเซี่ย ที่แท้เจ้าก็โตขนาดนี้แล้ว ค่อยยังชั่ว สามารถเป็นพาหนะให้นายน้อยของเจ้าได้แล้ว หากเจ้าตัวใหญ่กว่านี้ก็คงดี จะได้บรรทุกเราสามคนได้”

เซี่ยจื้อเชิดหน้าคำรามในทันใด แสงสีขาวชั้นหนึ่งระเบิดออกมาจากร่าง หลังจากแสงสีขาวสลายไป ร่างกายมันก็ขยายใหญ่ขึ้นถึงสองเท่า ใหญ่กว่าช้างเสียอีก!

ไม่น่าเชื่อว่าจะยืดหดได้ตามใจนึก ยอดเยี่ยม!

ในเมื่อเซี่ยจื้อแสดงความจริงใจออกมาแล้ว พวกตี้ฝูอีทั้งสองย่อมไม่เกรงใจมันอีก ด้วยเหตุนี้สามคนหนึ่งครอบครัวจึงขี่หลังเซี่ยจื้อ ออกจากอาณาจักรมาร เหาะไปสู่เมือง…

ในแต่ละเมือง พวกตี้ฝูอีล้วนได้รับการต้อนรับขับสู้จากชาวเมือง อดีตเจ้าเมืองยิ่งไม่กล้าผายลมเลยสักแอะ นำทางพวกตี้ฝูอีสองพ่อลูกเข้าสู่ผังดาวใต้ดินอย่างว่าง่าย เชิญให้พวกเขาปรับแก้ผังดาว สวดส่งวิญญาณอาฆาตในผังดาว…

ใช่แล้ว ผู้ที่เข้าสู่ผังดาวใต้ดินคือตี้ฝูอีกับตี้เฮ่า กู้ซีจิ่วไม่ได้เข้าไปด้วย

เนื่องจากตี้ฝูอีบอกว่าในผังดาวมีไอพยาบาทเข้มข้นเกินไปมีวิญญาณอาฆาตมากเกินไป เกรงว่าจะไม่เป็นผลดีต่อทารกในครรภ์นาง ดังนั้นจึงให้นางรออยู่ด้านนอก

ส่วนตี้เฮ่า…

ตี้ฝูอีบอกว่าเด็กคนนี้เป็นลูกผู้ชาย ลูกผู้ชายต้องอบรมบ่มเพาะตั้งแต่เล็กๆ

และการที่เขาทำแบบนี้ก็เป็นการพิสูจน์ให้กู้ซีจิ่วเห็นในทางอ้อมด้วย ว่าเขาจะเลี้ยงดูตี้เฮ่าเหมือนลูกแท้ๆ อย่างน้อยก็ไม่ได้มีความลับกับเขา ศาสตร์ลับสำหรับทำลายผังดาวก็จะถ่ายทอดให้เด็กคนนี้ด้วย!

….

————————————————————————————-

บทที่ 2605 เลือกบีบลูกพลับนิ่ม

ตี้เฮ่าถูกบังคับ เขายังเป็นแค่เด็กน้อยนะ เหตุใดท่านพ่อต้องเคี่ยวกรำเขาขนาดนี้ด้วย?!

ภายในผังดารา วิญญาณอาฆาตเหล่านั้นดุร้ายยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อมองเห็นเนื้อสดชิ้นน้อยอย่างเขาก็ยิ่งดุกว่าเดิม ขู่คำรามต้องการจะโผเข้ามาขย้ำเนื้อเขาดื่มโลหิตเขา! ทำให้ตอนที่เขาเดินทางสู่กลางผังดาวต้องลำบากลำบนเอาการ

ท่านพ่อของเขาเดินนำอยู่ด้านหน้าสุดชัดๆ ทว่าวิญญาณอาฆาตเหล่านั้นกลับถูกอำนาจของเขาสะกด ทุกแห่งที่เขาไปถึง วิญญาณเหล่านั้นล้วนพากันหดถอย แม้แต่นิ้วหนึ่งก็ไม่กล้ายื่นออกไป

แต่พอถึงตาเขาจุดนี้กลับเปลี่ยนเป็นดุร้าย…

“เจ้าตัวเล็กนุ่มนิ่มเหลือเกิน! กินแล้วต้องเลิศรสเป็นแน่!”

วิญญาณอาฆาตบางตนสะกิดขาน้อยๆ ของเขา

“ผิวพรรณเขาขาวใสปานหยก คงมิใช่ว่าเนื้อตัวก็ขาวเช่นนี้ด้วยกระมัง?”

มีวิญญาณอาฆาตหยาบช้าบางตนเข้ามาฉีกเสื้อคลุมตัวจิ๋วของเขา

“เล็กขนาดนี้ อยากเขมือบเข้าไปในคำเดียวจริงๆ!”

วิญญาณอาฆาตบางตนอ้าปากกว้างน้ำลายไหลใส่เขา

“ท่านพ่อ! ท่านพ่อ!”

หนูน้อยตี้เฮ่ารับมือกับการ ‘แทะโลม’ ของเหล่าวิญญาณอาฆาตอย่างมือเป็นระวิง พลางร้องตะโกน ต้องการให้ท่านพ่อที่เดินเหินดุจสายลมอยู่ข้างหน้ากลับมาช่วยเขาหน่อย

“ตามมาสิ”

ตี้ฝูอีไม่หันกลับมา เดินหน้าต่อไป

ตี้เฮ่ารู้สึกเพียงว่ามีโลหิตจุกอยู่ที่คอหอยแล้ว จะให้เด็กน้อยตัวเล็กๆ อย่างเขารับมือกับวิญญาณอาฆาตเหล่านี้เพียงลำพังจริงๆ น่ะหรือ?!

ขาเขาสั้นขนาดนี้ ซ้ำระหว่างทางยังถูก ‘แทะโลม’ มากขนาดนี้ จะตามไปได้ยังไง?

“ฮ่าๆๆ ไอ้หนู ไม่มีใครสนใจเจ้าแล้ว!”

“ไอ้หนู มาเป็นอาหารของข้าซะดีๆ เถอะ เหมือนซาลาเปาข้าวเหนียวเลย ดูแล้วน่าจะหวาน…”

“หนูน้อยคนนี้หล่อเหลาจริงๆ! พวงแก้มน้อยๆ นี้ดีดสักทีคงแตกแล้ว”

วิญญาณอาฆาตเหล่านั้นยิ่งกำเริบเสิบสาน แขนขาวซีดนับไม่ถ้วนยื่นเข้ามา เสมือนดงผีร้าย ไขว่คว้าเข้ามาจากรอบทิศ หมายจะแบ่งร่างเขาเป็นส่วนๆ ดุจทัณฑ์ห้าม้าแยกร่าง นี่ยังพอว่า แต่ในบรรดานั้นมีผีลามกตัวหนึ่งคิดจะดึงกางเกงเขาด้วย เห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่งว่าต้องการให้เขาล่อนจ้อน…

ในที่สุดตี้เฮ่าก็โมโหแล้ว!

รังแกเด็ก! เลือกบีบลูกพลับนิ่ม![1]

นึกว่าเขาเป็นคนที่จะยุแหย่ได้ง่ายๆ จริงๆ หรือ?!

ด้วยเหตุนี้ หนูน้อยตี้เฮ่าจึงหยุดฝีเท้า มือน้อยๆ จรดร่ายอาคมที่ซับซ้อนอย่างหนึ่ง กระบี่ยาวสีเงินเล่มหนึ่งปรากฏร่างขึ้นมาทันที เขาพลันตวัดออกไปในแนวขวาง ตัดท่อนแขนขาดร่วงลงไปประหนึ่งหั่นผักกาดขาว…

เห็นได้ชัดว่าวิญญาณอาฆาตเหล่านั้น ไม่นึกเลยว่าหนูน้อยที่ดูไม่มีพิษมีภัยจะมีความสามารถเช่นนี้ด้วย ถึงแม้แขนของพวกมันจะถูกตัดขาดไป แต่ก็สามารถฟื้นฟูได้ในพริบตาเดียว

พวกมันไม่เอาแต่ทำตัวหยาบช้าอีกต่อไปแล้ว เริ่มสำแดงกระบวนท่าชุดใหญ่…

โครงกระดูกเงาทมิฬนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาจากทั่วทิศ โจมตีใส่ตี้เฮ่า!

วิญญาณอาฆาตเหล่านี้ถูกจองจำไว้ที่นี่เนิ่นนานแล้ว ไอพยาบาทบนร่างเข้มข้น แต่ละตนย่อมมิใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน ประกอบกับค่ายกลของที่นี่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของพวกมัน วรยุทธ์ของพวกมันแต่ละตนจึงเทียบเท่ากับพลังยุทธ์ขั้นจินเซียนแล้ว…

บัดนี้เมื่อความแค้นถูกจุดขึ้นมา แม้แต่อุณหภูมิก็คล้ายจะลดต่ำลงกว่าสิบองศา ท่ามกลางความว่างเปล่ามืดสลัวเต็มไปด้วยเสียงภูตผีโหยหวนที่น่าสะพรึง…

ตี้ฝูอีที่ก้าวนำอยู่ด้านหน้าพลันชะงักฝีเท้าเล็กน้อย นิ้วมือที่จรดกันอยู่ในแขนเสื้อมาโดยตลอดขยับร่ายคาถาอย่างรวดเร็ว…

ทันใดนั้นเอง คล้ายว่าเขาจะสัมผัสถึงอะไรได้ นิ้วที่ขยับร่ายอาคมค่อยๆ คลายลงอีกครั้ง

และที่ด้านหลังเขา รอบกายเสี่ยวตี้เฮ่ามีแสงสีขาวอ่อนจางปะทุออกมา ลำแสงสีขาวมากมายหลายสายพุ่งออกมาจากแขนเสื้อเขา

พุ่งเข้าใส่วิญญาณอาฆาตพวกนั้นที่พัวพันอยู่รอบกายเขาดุจห่าพายุ…

มีเสียง ‘ชี่ชี่ๆ…’ ดังขึ้นไม่ขาดสาย วิญญาณอาฆาตเหล่านั้นที่โดนแสงสีขาวพุ่งใส่ พากันกรีดร้องแหลมเสียดหู สลายเป็นควันสีเขียวสายแล้วสายเล่าเลือนหายไป

ไกลออกไปเหล่าวิญญาณอาฆาตตนอื่นที่เตรียมจะเข้าผสมโรงข่มเหงเด็กน้อยด้วยต่างตกตะลึง…

ดุร้ายเกินไปหน่อยแล้ว!

ในที่สุดพวกมันก็เข้าใจแล้วว่าเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เป็นหนูน้อยจอมพลัง พลันหดกายวูบ ไม่กล้าหาเรื่องอีก…

————————————————————————————-

[1] เลือกบีบลูกพลับนิ่ม หมายถึง รังแกคนที่อ่อนแอกว่า