ภาคที่ 34 เทพจักรวาล ตอนที่ 4 ร่างแยกทั้งเก้า

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 4 ร่างแยกทั้งเก้า Ink Stone_Fantasy

ภายในห้องเงียบ

“เอ๊ะ” หนุ่มน้อยเก้าคนสบตากัน ต่างก็เผยรอยยิ้มออกมา

ตามที่บรรยายเอาไว้ในศาสตร์ร่างแยก บัดนี้เขาสามารถฝึกร่างแยกออกมาได้เก้าร่างแล้ว หากบรรลุถึงเทพจักรวาลระดับชั้นที่สอง และฝึกฝนศาสตร์ร่างแยกจนถึงระดับครบสมบูรณ์ได้ ก็จะมีร่างแยกถึง 10081 ร่างแยก!

หากร่างแยกนับหมื่นอยู่ด้วยกัน ก็สามารถเรียกได้ว่าคนมากมายเป็นภูเขาเลากาแล้ว

ดังนั้นอย่างร่างแยกของ ‘ประมุขหอหมื่นโลกา’ ในบ้านเกิด ก็ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่า ‘ร่างแยกมีจำนวนนับไม่ถ้วน’ แล้ว ถึงจะสังหารไปร่างหนึ่ง ก็สามารถฝึกอีกร่างออกมาได้อย่างรวดเร็ว

ทว่ากลับมิใช่ทุกร่างแยกที่สามารถมีพลังแข็งแกร่งที่สุดได้

เมื่อมีเก้าร่างแยก อย่างมากที่สุดก็สามารถทำให้ร่างแยกสองร่างมีพลังสมบูรณ์ได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ร่างแยกอีกเจ็ดร่างถึงขั้นถูกบีบบังคับให้สลายไป มิอาจคงเอาไว้ได้! เนื่องจากการกดดันของกฎเกณฑ์อันไร้รูปร่าง  การรักษาวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดเอาไว้สองร่างก็ถึงขีดจำกัดแล้ว

ขณะที่มีร่างแยก 10081 ร่างนั้น การคงวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดเอาไว้เก้าร่างก็คือขีดจำกัด ซึ่งก็หมายความว่าสามารถทำให้ร่างแยกทั้งเก้าร่างมีพลังระดับยอดสุด ร่างแยกอื่นๆ ทั้งหมดล้วนต้องสลายไป! แต่หากมีร่างแยกเพียงแค่แปดร่างที่สามารถคงระดับยอดสุดเอาไว้ เช่นนั้นร่างแยกนับหมื่นที่หลงเหลืออยู่ก็ล้วนคงอยู่ได้ เพียงแต่พลังอ่อนแอมาก ดังนั้นแม้ ‘ประมุขหอหมื่นโลกา’ จะมีร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ส่วนใหญ่ล้วนอ่อนแอเสียยิ่งกว่าอ่อนแอ

“อ่อนแอไปบ้างก็ไม่นับเป็นอะไรหรอ ที่สำคัญก็คือ ร่างแยกแต่ละร่างล้วนเป็นตัวแทนของชีวิต! ขอเพียงมีร่างแยกสักร่างหนึ่งมีชีวิตอยู่ ก็สามารถฝึกร่างแยกร่างอื่นๆ ออกมาได้อย่างรวดเร็ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ

แม้จะมีร่างแยกเก้าร่าง

ทว่าจิตโลกาทำให้พลังงานยังคงอยู่ในวิญญาณของ ‘ตงตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ทอง’ ถึงตอนนั้นร่างแยกนี้ก็จะสามารถกลับบ้านเกิดได้ตามแผนการที่วางเอาไว้! การกลับบ้านเกิด…นั้นเหมือนกับตอนที่มา มีเพียง ‘วิญญาณแท้’ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่สุดเท่านั้นที่จะสามารถกลับบ้านเกิดอย่างอากาศอันสับสนอลหม่านได้ภายใต้การปกป้องของพลังงานของป้ายคำสั่งจิตโลกา ดังนั้นความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของวิญญาณจึงไม่มีความหมายอันใดเลย

……

ประตูห้องเงียบเปิดออกเสียงดังโครมคราม

ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ขาวเดินออกมา นี่ก็คือร่างแยกที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดซึ่งฝึกฝนร่างเมฆทักษิณาทิพย์และพกสมบัติลับต่างๆ เช่นลูกแก้วห้าภาพ อันที่จริงร่างแยกแต่ละร่างล้วนสามารถนับได้ว่าเป็นร่างจริงทั้งสิ้นโดยไม่มีความแตกต่างอันใดเลย เพียงแต่สมบัติลับมีจำกัด ทรัพยากรก็เช่นกัน จึงย่อมรวมเอาไว้ที่ร่างแยกร่างเดียวเป็นธรรมดา ร่างแยกอาภรณ์ขาวนี้ทำหน้าที่เคลื่อนไหวอยู่ภายนอก

“ยังมีเรื่องสุดท้ายอีกเรื่องหนึ่ง หากจัดการเสร็จก็สามารถกลับไปได้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มออกมา

“ท่านอ๋อง”

สาวใช้นอกห้องเงียบสองนางโค้งคำนับ

ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า เดิมทีบ่าวรับใช้มังกรมารถูกเขาจัดให้ไปยัง ‘เมืองหิมะเหิน’ แล้ว เพราะถึงอย่างไรชาตินี้ท่านพ่อท่านแม่ก็ขาดผู้ช่วยที่แข็งแกร่งพอ

สวบ

ตงป๋อเสวี่ยอิงสาวเท้าออกไปก้าวหนึ่งก่อนจะอันตรธานไป

เขาตรงมาถึงวังหลวง ใกล้กับสถานที่บำเพ็ญของอาจารย์ สถานที่บำเพ็ญของอาจารย์นั้นห้ามการเคลื่อนที่ในพริบตาอย่างเด็ดขาด

“ท่านอาจารย์” ตงป๋อเสวี่ยอิงร่อนลงบนผืนหญ้าสีดำ พลางทอดสายตามองออกไปยังประมุขรัฐเมฆทักษิณาที่นั่งขัดสมาธิอยู่แล้วโค้งคำนับ

“เพิ่งจะสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวที่เจ้าสำแดงทลายเวหาออกมา เจ้าออกจากการเก็บตัวรวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ ข้ายังคิดว่าหลังจากเจ้าบรรลุแล้วจะบำเพ็ญต่ออีกระยะหนึ่งเสียอีก” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูดยิ้มๆ

“ข้ามิได้กลับชาติมาจุติหรอกหรือขอรับ ไม่จำเป็นต้องทำให้แข็งแกร่งอีกแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงสัพยอก

ในเมื่อทุกคนต่างก็คิดว่าตนเป็นเทพจักรวาลกลับชาติมาจุติ ตนก็ย่อมถือโอกาสยอมรับเสียเลย

ซึ่งนี่ก็เป็นผลดีกับแผนการของเขา

“ฮ่าฮ่า…” ประมุขรัฐเมฆทักษิณายื่นมือออกไป อาภรณ์สีดำอันงดงามหรูหราชุดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาแล้วล่องลอยอยู่ จากนั้นเขาก็ทะยานตรงไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง

“นี่อะไรหรือขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยื่นมือไปรับด้วยความงุนงง

“เข้าลองสัมผัสดูสิ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณายิ้มจนตาหยี เพื่อให้ได้อาภรณ์ราชันย์มารชุดนี้มา เขาก็ต้องทุ่มเทแรงไปอย่างมหาศาลโดยแท้ เขามีเครือข่ายข่าวสารที่แทรกซึมไปทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาจึงได้ล่วงรู้ถึงการตกทอดของ ‘อาภรณ์ราชันย์มาร’ ทั้งยังต้องนำสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งไปแลกกับประมุขเทพเทียนถงเพื่อให้ได้อาภรณ์ราชันย์มารชิ้นนี้มา

หลังตงป๋อเสวี่ยอิงรับไปแล้วก็หลอมแปรและสัมผัสรับรู้อย่างรวดเร็ว

ตั้งแต่การหลอมแปรก็จะเห็นถึงความแตกต่างของโลกกำเนิดทั้งสองได้แก่ดินแดนจิตโลกาและอากาศอันสับสนอลหม่านแล้ว การหลอมสมบัติลับของอากาศอันสับสนอลหม่านนั้นเป็นงานหยาบก็แล้วไปเถิด โดยทั่วไปการหลอมแปรล้วนต้องใช้เวลานานมาก ส่วนสมบัติลับของดินแดนจิตโลกา…หลอมได้ประณีตกว่า ถึงขั้นสามารถทำให้ผู้บำเพ็ญสามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้ นอกจากนี้การหลอมก็สามารถทำให้ควบคุมได้ในเวลาอันรวดเร็ว!

“นี่อะไรน่ะขอรับ”

ทันทีที่หลอมแปร มือของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ลูบคลำอาภรณ์สีดำอันหรูหรางดงาม ทันใดนั้นอาภรณ์สีดำก็เริ่มเปล่งรัศมีออกมา

ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกเพียงว่า สติรับรู้ของตนเข้าไปในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลใบหนึ่งแล้ว

โลกกว้างใหญ่ มีไอหมอกจำนวนนับไม่ถ้วนล่องลอยอยู่

สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนดำรงชีวิตอยู่ในโลก ไอหมอกจำนวนนับไม่ถ้วนที่ล่องลอยขึ้นมานั้นล้วนหมายจะแทรกตรงเข้าไปในวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิง

“โลก…วิญญาณ…” ตงป๋อเสวี่ยอิงกระจ่างแล้ว

“เป็นอย่างไรบ้าง” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเอ่ยปากพูดยิ้มๆ “ข้าเคยบอกไว้ว่าจะหาสมบัติลับเทพจักรวาลที่เหมาะสมกับเจ้าให้ มันมีชื่อว่าอาภรณ์ราชันย์มาร เจ้าของคนก่อนเรียกตนเองว่า ‘ราชันย์มาร’ หลังสร้างรัฐแห่งหนึ่งขึ้นมาแล้ว ผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนมากของเขาก็จงรักภักดีต่อเขาเป็นอันมาก ถึงขั้นหลังจากเขาสิ้นใจไปแล้ว แต่ละคนก็ยังต่อสู้ห้ำหั่นกับรัฐคู่อริอย่างไม่รักตัวกลัวตาย”

ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยสีหน้ายินดีออกมา “อาภรณ์ราชันย์มารนี้ เป็นการผสมผสานกันของ ‘โลกเขตลวง’ และ ‘วิญญาณ’ ของเส้นทางสายเขตลวงโลกเทียม”

เขตลวงโลกเทียม

ตงป๋อเสวี่ยอิงค้นดูข้อมูลของสมบัติลับเป็นจำนวนมาก ก็รู้ว่า ‘วิถีโลกเทียม’ แบ่งออกเป็นห้าสายด้วยกัน ได้แก่ ‘โลกา’ ‘วิญญาณ’ ‘ภาพลวง’ ‘ปรารถนา’ และ ‘ล้างสังหาร’

‘โลกา’ ก็คือโลกเขตลวง เป็นเส้นทางที่ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงสำเร็จเป็นเทพจักรวาล

‘ภาพลวง’ อย่างเสียงของกระดิ่งจิตมารก็เป็นทางสายภาพลวง

‘วิญญาณ’ นั้นเป็นกระบวนท่าควบคุมวิญญาณโดยตรง สามารถทำให้ผู้ที่ถูกควบคุมภักดีต่อเจ้านายอย่างสิ้นเชิง

‘ปรารถนา’ ก็คือ รัก โลภ โกรธ หลง ชอบ ความกังวลและความรู้สึกปรารถนาต่างๆ

‘ล้างสังหาร’ เป็นกระบวนท่าโจมตีเพียงเส้นทางเดียวของเขตลวงโลกเทียม ทั้งเขตลวงโลกเทียมบ่มเพาะเป็นท่าไม้ตายแล้วทะลวงตรงไปยังวิญญาณ โจมตีซึ่งหน้า! ผู้ที่ต้านทานไม่ไหว วิญญาณก็จะสลายไป! ตอนแรกตงป๋อเสวี่ยอิงคิดค้น ‘บุปผาผลาญทำลาย’ ขึ้นมาก็ยังต้องสำแดงท่าไม้ตายท่ามกลางความเป็นจริง แต่ทางสาย ‘ล้างสังหาร’ ของเขตลวงโลกเทียมที่แท้จริงนั้น กลับโจมตีสังหารวิญญาณโดยตรง

ประมุขรัฐเมฆทักษิณาด้านข้างเห็นเข้าก็พูดยิ้มๆ ว่า “ฮ่าฮ่า เจ้าชอบก็ดีแล้ว”

“ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับไปโดยมิได้พูดอะไรให้มากความอีก เขาจะจดจำบุญคุณเอาไว้ ในวันหน้าค่อยตอบแทนอาจารย์ก็แล้วกัน

ฟิ้ว

เพียงชั่วความคิดเดียว อาภรณ์สีดำอันหรูหรางดงามก็หล่นลงบนร่างของตงป๋อเสวี่ยอิง ตงป๋อเสวี่ยอิงที่สวมอาภรณ์สีดำอันหรูหรางดงามทั้งร่างแฝงไว้ด้วยแรงดึงดูดอันน่าหวาดหวั่น ราวกับทำให้ผู้คนลุ่มหลงในตัวเขาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ยอมอยู่และยอมตายเพื่อเขา! และนี่ก็ยังเป็นเมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงยังมิทันได้สำแดงสมบัติลับนี้ ลำพังแค่กลิ่นอายของสมบัติลับเองก็น่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้แล้ว

หากสำแดงออกมา อาศัยสมบัติลับ เทพจักรวาลระดับชั้นที่หนึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนมิอาจต้านทานได้! ถึงจะมีสมบัติลับที่ต่อสู้ข้ามขั้นได้ก็ไร้ประโยชน์ เนื่องจากมันพุ่งเป้าไปที่วิญญาณสมบัติลับนั้นมิอาจป้องกันวิญญาณได้

และนี่ก็คือจุดที่น่ากลัวของผู้แกร่งกล้าที่เชี่ยวชาญกระบวนท่าทางด้านวิญญาณ!

บัดนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงครอบครองอาภรณ์ราชันย์มาร ก็มีแรงคุกคามที่แข็งแกร่งกว่าผู้แกร่งกล้าเทพจักรวาลระดับชั้นที่สองซึ่งไม่มีสมบัติลับระดับยอดสุดอย่างประมุขรัฐประกายเพลิงหรือประมุขรัฐวอเฟิงแล้ว!

“ฟิ้ว” เพียงชั่วความคิดเดียว อาภรณ์สีดำอันหรูหรางดงามก็กลายเป็นอาภรณ์สีขาวไปในทันที นอกจากนี้กลิ่นอายยังถูกเก็บงำจนกลายเป็นธรรมดาสามัญ มีเพียงใต้อาภรณ์สีขาวเท่านั้นที่มีภาพอักขระหลากสีอันงดงามอยู่

“ดี!” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเห็นเข้าก็เอ่ยขึ้นด้วยความยินดี “มีอาภรณ์ราชันย์มารอยู่กับกาย อาศัย ‘ลูกแก้วห้าภาพ’ เจ้าก็สามารถสำแดงเคล็ดผนึกห้าภาพจนถึงขั้นครบสมบูรณ์ได้แล้ว! เมื่อมีสองท่าไม้ตายอยู่ในมือ ก็เพียงพอจะกำแหงทั่วดินแดนจิตโลกาได้แล้ว!”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ท่านอาจารย์ ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่งขอรับ”

“ฮ่าฮ่า ระหว่างข้ากับเจ้า มีเรื่องอันใดก็พูดกันตรงๆ เถิด” ประมุขรัฐเมฆทักษิณากล่าว บัดนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงกลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญที่สุดของเขาไปแล้ว

“เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์ เคล็ดวิชาการกลายเป็นอากาศธาตุซึ่งเป็นขั้นสุดของขั้นอลวนนั้น ข้าสามารถเผยแพร่สู่ภายนอกได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ “ข้าคิดว่าจะขายให้พวกตระกูลต่างๆ เช่นสกุลฝานและสกุลเซี่ย”

“สามารถเผยแพร่สู่ภายนอกได้หรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาตกใจ “เคล็ดวิชาเช่นนี้ เจ้ามั่นใจว่าสามารถเผยแพร่สู่ภายนอกได้แน่หรือ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

แน่นอนอยู่แล้ว! นี่คือสิ่งที่ตนคิดค้นขึ้น!

ตนจะอาศัยเคล็ดวิชานี้ แลกเอาเคล็ดวิชาล้ำค่าต่างๆ มา เมื่อกลับบ้านเกิดไม่มีสมบัติลับสำหรับต่อสู้ข้ามขั้น หากคิดจะสู้กับจอมเทพศักดิ์สิทธิ์แน่นอนว่าก็ต้องมีเคล็ดวิชาที่ร้ายกาจพอติดตัวเอาไว้! แม้เคล็ดวิชาอาจไม่ได้ทำให้ข้ามขั้นได้ แต่ก็สามารถเข้าใกล้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด อย่าง ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ ต่อให้ไม่มีสมบัติลับ ขั้นอลวนสำแดงเคล็ดผนึกห้าภาพออกมาก็มีอานุภาพใกล้เคียงชั้นที่สิบแล้ว

แม้ท่านอาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณาจะมั่งคั่ง แต่เคล็ดวิชาลับที่แข็งแกร่งที่สุดก็อยู่กับขุมอำนาจระดับยอดสุดแทบจะทั้งหมด

“สามารถเผยแพร่สู่ภายนอกได้หรือ เรื่องนี้ต้องไตร่ตรองให้ดีๆ อย่าขายขาดทุนเสียล่ะ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาหรี่ตาลงพลางไตร่ตรองโดยละเอียด

 ……………………………………