ตอนที่ 2006 บดบังด้วยใบไม้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 2006 บดบังด้วยใบไม้ โดย Ink Stone_Fantasy

สายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านพื้นดินสีดำ เมื่อเริ่มฤดูอากาศจะหนาวแต่จากนั้นก็อบอุ่น ด้านนอกเมืองศิลาดำมีทั้งภูเขาและป่าไม้ ใบไม้เหี่ยวแห้งจึงพัดไปตามสายลม

ใบไม้สีเหลืองแห้งปลิวไปในสายลมและหล่นอยู่นอกเมืองศิลาดำ ขวางกั้นสองสายตาหนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรีไม่ให้สบสายตา

เพียงใบไม้กระจายไป หวังหลินจึงถอนสายตา นางเป็นหญิงสาวธรรมดามาก นางมีสายโลหิตของปิศาจโบราณแต่ไม่เปล่งกลิ่นอายปิศาจ นางกลับเปล่งกลิ่นอายของดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์แทน

ใต้ตาขวาของนางเป็นจุดไฝ ไม่เพียงแต่จุดนี้จะไม่ทำลายความบริสุทธิ์ผุดผ่อง มันกลับแต่งแต้มเพิ่มเข้าไป แม้นางจะไม่ได้สวยงามอย่างหมดจด นางก็ทำให้จิตใจคนผู้หนึ่งเต้นกระดอนได้ทีเดียว

เช่นเดียวกับชื่อของนาง ซ่งจื่อคือหญิงสาวผู้มีความละเอียดผุดผ่องดุจภาพวาด

“ซ่งจื่อขอทักทายองค์ชายและเหล่าผู้ติดตามของทูตอาณาเขตเต๋า” นางโค้งให้กับทุกคนด้วยใบหน้าแดงเล็กน้อย

“เจ้าแซ่ซ่ง? นางคือคนที่องค์ชายพูดถึง?” ชายชราบนมารโบราณกลับมามีสติ พอเขามองนางจึงมีสีหน้าเคร่งขรึม

“ใช่แล้ว นางแซ่ซ่ง” องค์ชายยิ้มและพูดต่อ “พูดกันแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลมหาชั้นฟ้าซ่ง แต่ตระกูลของมหาชั้นฟ้านั้นกว้างใหญ่และนางก็เป็นตระกูลย่อยที่ห่างกันมาก กระนั้นที่เมืองศิลาดำ ตระกูลของนางก็ถือว่ามีอำนาจพอตัว”

ชายชราบนศีรษะมารโบราณขบคิดชั่วขณะและคำนับฝ่ามือให้องค์ชาย “ขอบคุณองค์ชายที่ให้การช่วยเหลือ ข้าจะพานางไป หากนางไม่ได้รับเลือก เราจะส่งนางกลับมา”

“ดีมาก ซ่งจื่อ จงติดตามทูตอาณาเขตเต๋า” องค์ชายไม่สนใจเรื่องนี้เลย เขายิ้มให้พลางออกคำสั่ง จากนั้นมองหวังหลินด้วยสายตาศรัทธา

ซ่งจื่อดูเหมือนจะถอนหายใจ แต่นางมีนิสัยสุภาพมากและไม่สามารถปฏิเสธเรื่องนี้ได้ จึงกัดริมฝีปากและเดินเข้าหามารโบราณ

หวังหลินอยู่ตรงเส้นทางเดินของนาง พอนางเข้ามาใกล้จึงโค้งคำนับเพื่อแสดงความเคารเพียงเล็กน้อย จากนั้นเดินอ้อมหวังหลินเพื่อไปยังมารโบราณ

กลิ่นหอมจางๆ แตะจมูกหวังหลินและค่อยๆ หายไป

พอนางก้าวไปบนมารโบราณและอยู่ข้างชายชรา สายลมพัดเส้นผมนางจนปกคลุมใบหน้า กระนั้นเมื่อนางมองกลับมาที่บ้านเกิด กลับไม่สามารถซ่อนความโศกเศร้าและแววตาที่ไม่ยินยอมให้หายไปได้

‘ข้าหวังว่าข้าจะไม่ถูกเลือก…ข้าไม่ได้สวยงามขนาดนั้น ดังนั้นข้าควรจะ…ไม่ถูกเลือก…ลุงฉางและน้องสาวยังรอข้าอยู่…’ นางก้มหน้า เส้นผมปิดบังรอยน้ำตาเอาไว้

หลังจากทูตเต๋าโบราณรับซ่งจื่อเข้ามา ทุกคนจึงคำนับฝ่ามือให้กับองค์ชายและหวังหลินอย่างเคารพ มารโบราณหันหน้ามองไปบนท้องฟ้าและร้องคำราม มันกระโจนเข้าสู่รอยแยกที่เปิดในท้องฟ้า จากนั้นเปลี่ยนร่างเป็นหมอกสีดำและหายไปข้างใน

สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงอาณาเขตเต๋า แม้ด้วยความเร็วของมารโบราณยังต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะกลับไปถึง

หลังจากทูตอาณาเขตเต๋าจากไป ชายร่างกำยำเกราะทองจึงนำทุกคนกลับเข้าไปในเมือง ครู่ต่อมานอกเมืองจึงว่างเปล่า นอกจากหวังหลินแล้ว เหลืออยู่สามคนคือแต่ปิศาจโบราณที่ตัวสั่น องค์ชายและสตรีด้านหลังองค์ชาย

องค์ชายจี้ตูยิ้มและคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน “ข้ายังไม่รู้เลยว่าผู้อาวุโสมีนามว่าอะไร ท่านบอกได้หรือไม่?”

หวังหลินมององค์ชายและพูดขึ้นเบาๆ “หวังหลิน”

“เช่นนั้นขอเรียกว่าผู้อาวุโสหวัง การพูดคุยกันที่นี่ไม่เหมาะสมนัก ผู้น้อยมีวังอยู่ในแคว้นทมิฬ หากผู้อาวุโสไม่คิดมาก เราไปที่นั่นและพูดคุยรายละเอียดเรื่องที่ผู้น้อยจะชดใช้เรื่องที่ลวงเกินก่อนหน้านี้ดีหรือไม่” องค์ชายดูจริงใจและคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน

พอเห็นว่าองค์ชายในตอนนี้ดูเคารพมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ หวังหลินมีแววตาเป็นประกายซึ่งไม่มีใครสังเกตเห็น

‘พลังแห่งราชวงศ์…ยังอ่อนแอ…ที่ตระกูลราชวงศ์ทรงอำนาจได้ขนาดนี้หลักๆ แล้วมาจากมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว เมื่อไม่มีกุ้ยต้าว ราชวงศ์ก็จะสูญเสียอำนาจเหมือนเผ่าเทพ!’ หวังหลินขบคิดและจากนั้นพยักหน้า

องค์ชายจี้ตูมีความสุขมากและขยับออกไปข้างๆ ปล่อยให้หวังหลินได้ก้าวไปบนปิศาจโบราณเป็นคนแรก สตรีด้านข้างองค์ชายอยากจะพูดแต่ก็กลืนคำพูดลงไปเพราะมีสายตาองค์ชายห้ามเอาไว้

ปิศาจโบราณดูเชื่อฟังมากตอนที่หวังหลินก้าวขึ้นไป แม้ดวงตายังเป็นสีแดงแต่ไม่มีความบ้าคลั่งและไม่ร้องครวญครางอีกแล้ว มันกระโจนขึ้นไปในรอยแยกบนท้องฟ้าและหายตัวไป

หลังจากหายไป รอยแยกในท้องฟ้าก็หายไปด้วยและกลับคืนสู่ปกติ ราวกับทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น

ทว่าในขณะที่ปิศาจโบราณจากไป เสียงทรงอำนาจและเย็นเยียบดังเข้าหูของเหลียงหยุน กงฉีและชายหนุ่มชุดดำ

“พวกเจ้าสามคนไม่ได้รับอนุญาตให้แพร่กระจายข่าวของผู้อาวุโสหวังที่นี่และไม่อนุญาตให้คนอื่นกระจายเรื่องนี้ไป! หากมีข้อมูลรั่วไหล ตระกูลของพวกเจ้าสามคนจะถูกกวาดล้าง!”

เสียงนี้เป็นขององค์ชายจี้ตู!

ณ แคว้นทมิฬแห่งอาณาเขตฉี แคว้นแห่งนี้ปกคลุมด้วยหมอกตลอดทั้งปี

ลือกันว่าด้านล่างแคว้นทมิฬมีสิ่งมีชีวิตคล้ายหมอกอาศัยอยู่ หลังจากโดนบรรพชนโบราณจับเอาไว้จึงถูกผนึกให้กลายเป็นแคว้นแห่งนี้

ภายในหมอกมีภูเขารูปร่างเหมือนเกือกม้า ด้านบนมีวังขนาดใหญ่เปล่งบรรยากาศอันทรงพลัง

ภายในมีคนรับใช้และทหารคุ้มกันหลายคน ในวันนี้สายหมอกเหนือวังแบ่งออกเป็นสองส่วนจนเผยท้องฟ้ามืดมิด รอยแยกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นและมีปิศาจโบราณตัวยักษ์โผล่ออกมา!

วินาทีที่ปิศาจโบราณปรากฏ ทุกคนในวังจึงสังเกตได้ เหล่าคนรับใช้และทหารต่างก็คุกเข่าอยู่บนพื้น

“ย้อนดีต้อนรับการกลับมาขององค์ชาย!”

น้ำเสียงเรียบร้อย ท่าทางเคารพและสีหน้าตื่นเต้นของทุกคนแสดงให้เห็นว่าองค์ชายจี้ตูมีตำแหน่งสูงส่งในสายตามากแค่ไหน

ปิศาจโบราณตัวยักษ์ร่อนลงบนลานกว้างซึ่งเตรียมไว้ให้มันร่อนลง เจ้าปิศาจโบราณคุกเข่าลงเพื่อให้ศีรษะแตะกับพื้นดิน

หวังหลินก้าวเดินลงมาอย่างสงบนิ่ง ด้านหลังคือองค์ชายและสตรีที่รู้สึกผิดปกติ

หวังหลินมองเจ้าปิศาจโบราณตัวยักษ์ที่ดูยอมแพ้ “เจ้าปิศาจโบราณตัวนี้ช่างยอดเยี่ยม”

“เป็นเกียรติของมันที่ได้รับการยกย่องจากผู้อาวุโส ท่านพ่อมอบมันให้เพื่อช่วยในการเดินทางและปกป้องข้า ปิศาจโบราณแบบนี้หายาก ก่อนหน้านี้เขาคือนักรบของอาณาเขตฉีมาก่อนแต่โชคร้ายนัก หลังจากผสานดาว 27 ดวงไปแล้วเขาไม่ได้รับการยอมรับจากบรรพชนโบราณ จึงได้ลดชั้นกลับไปเป็นปิศาจและสูญเสียจิตใจ” องค์ชายถอนหายใจ

หวังหลินพยักหน้า กวาดสายตาผ่านปิศาจโบราณอีกครั้งก่อนจะหันมามองพระราชวัง

ท่าทีของหวังหลินถูกองค์ชายจี้ตูสังเกตทุกการกระทำ หลังจากลังเลเล็กน้อยจึงกัดฟันแน่นและพูดออกไป

“หากผู้อาวุโสชอบปิศาจโบราณตัวนี้ ผู้น้อยก็จะยกมันเป็นของขวัญให้ผู้อาวุโส”

“โอ้?” หวังหลินมองจี้ตู

องค์ชายจี้ตูมองหวังหลินเช่นกัน ท่าทีจริงใจยิ่ง

หวังหลินเอ่ยถาม “นี่คือสิ่งที่เจ้าจะชดใช้หรือ?”

“ผู้อาวุโสเข้าใจผิดแล้ว แค่ปิศาจโบราณนี้จะชดใช้ผู้อาวุโสได้อย่างไร? เราไปคุยในวังกันก่อนเถอะ” องค์ชายยิ้มและนำหวังหลินไป ทั้งสามคนเข้าไปในวังที่อยู่เบื้องหน้าลานกว้าง

วังแห่งนี้ดูหรูหราแต่ก็มีกลิ่นอายกดดัน หลังจากหวังหลินก้าวเข้าไปในห้องโถง องค์ชายรีบเดินมาอยู่หน้าหวังหลิน คำนับฝ่ามือด้วยท่าทีเคร่งขรึมและโค้งตัว

“ผู้น้อยองค์ชายจี้ตูอาณาเขตฉีขอคารวะผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว!” หลังจากองค์ชายพูดขึ้นมา สตรีด้านหลังส่งเสียงร้องทันที นางก้าวถอยด้วยอาการไม่เชื่อและตกตะลึงกับคำพูดขององค์ชาย

ผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว!!

เผ่าโบราณสอดแนมการเคลื่อนไหวของเผ่าเทพอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะข่าวที่เซียนทรงพลังคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นมา เผ่าโบราณค่อนข้างให้ความสนใจหวังหลินอย่างมากยิ่งกว่ามหาชั้นฟ้าทั้งห้าคน เพราะมหาชั้นฟ้าทั้งห้าคนรู้รายละเอียดดีอยู่แล้ว แต่พวกเขารู้จักผู้สูงส่งชั้นเทวะอันดับหนึ่งคนนี้น้อยมาก!

หวังหลินมีแววตาประหลาดใจ สายตาที่มององค์ชายจี้ตูค่อยๆ เย็นเยียบ

“ผู้น้อยไม่ได้กำลังทดสอบผู้อาวุโส ผู้อาวุโสปรากฏตัวในเมืองศิลาหินซึ่งอยู่ใกล้กับทะเลที่แบ่งแยกเราและเผ่าเทพ ผู้อาวุโสมีพลังที่ทำให้ปิศาจโบราณหวาดหวั่นเพียงแค่จ้องมองและท่านก็ไม่ได้พยายามซ่อนตัวตนแต่กลับบอกชื่อให้ข้าอีก”

“ยิ่งไปกว่านั้น ผู้น้อยมีรูปภาพของเหล่าผู้คนที่ทรงพลังในเผ่าเทพ รูปภาพของผู้อาวุโสเพิ่งจะเพิ่มเติมเข้ามา แต่กระนั้นมีเพียงตระกูลราชวงศ์ทั้งสามแห่งที่มีสิทธิ์เข้าถึงรูปภาพเหล่านี้ คนภายนอกจึงไม่สามารถจดจำผู้อาวุโสได้” องค์ชายผุดเหงื่อเย็นเยียบ ทว่าเขากัดฟันแน่นและยังสงบนิ่งได้ เขานำหินหยกออกมาและยื่นส่งให้หวังหลินอย่างเคารพ

หวังหลินรับหินหยกและส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปจึงเห็นรูปภาพของห้ามหาชั้นฟ้าและผู้สูงส่งชั้นเทวะทั้งหมด รวมถึงมีผู้สูงส่งชั้นฟ้าจำนวนมาก

กระนั้นมีเพียงรูปภาพเขารูปเดียวและเหล่ามหาชั้นฟ้าทั้งห้าคนที่เรืองแสงสีทอง ส่วนรูปคนอื่นๆ ล้วนดูธรรมดา

………………………………………………..