กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 1212
ในเวลานี้นายท่านมัวร์ยังคงพูดต่อไป “จัสมินเป็นเด็กสาวที่มีกิริยามารยาทดีมาโดยตลอด และเธอเป็นคนห่วงเรื่องครอบครัวมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องธุรกิจ ผมรู้สึกชื่นชมเธอมาก แล้วตอนที่ผมป่วยหนักจนหมอทุกคนประกาศว่าผมคงไม่รอดแล้วนั้น เธอก็แนะนำให้ผมรู้จักกับปรมาจารย์เวด ซึ่งปรมาจารย์เวดนี่เองที่เป็นคนรักษาและช่วยให้ผมรอดตายมาได้ เขายังให้ยาอายุวัฒนะอันล้ำค่ากับผมด้วย ซึ่งทำให้ผมย้อนวัยไปได้มากกว่า 20 ปี
นายท่านมัวร์หยุดพูดชั่วขณะ โค้งคำนับให้ชาร์ลีเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ปรมาจารย์เวด ผมขอขอบคุณที่ช่วยรักษาอาการป่วยให้ผม และต้องขอบคุณหลานสาวในความพยายามที่ไม่สิ้นสุดของเธอ ดังนั้นเนื่องในโอกาสที่วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ ผมก็อยากประกาศให้ทุกคนทราบว่า ผมได้ตัดสินใจมอบตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวตระกูลมัวร์ให้เธอตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมจะขอเกษียณอายุก่อนกำหนดอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้!”
เสียงของนายท่านมัวร์ดังกังวานไปทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยง ราวกับโยนระเบิดใส่ฝูงชนแล้วเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังกึกก้อง! แขกผู้มีเกียรติเหล่านั้นต่างโห่ร้องด้วยความประหลาดใจและงุนงง!
ไม่มีใครคาดคิดว่านายท่านมัวร์จะปล่อยให้ทายาทซึ่งเป็นผู้หญิง เป็นผู้สืบทอดมรดกของตระกูล!
เพราะอย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีตระกูลไหนโดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลที่ทรงอิทธิพลและมีอำนาจ ที่มอบตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวให้กับหญิงสาว
นอกจากนี้นายท่านมัวร์ยังมีลูกชายและหลานชายอีกหลายคน โดยไทเลอร์… ลูกชายคนโตก็พร้อมจะรับการสืบทอดมรดกของตระกูลแล้ว จริง ๆ แล้ว ใคร ๆ ต่างก็คาดหมายว่า ไทเลอร์จะได้รับสิทธิ์ในการสืบทอดมรดก เพราะคิดว่านายท่านมัวร์จะมอบตำแหน่งของเขาให้กับลูกชายคนโตในอีกสองสามปีข้างหน้านี้
แต่โดยที่ไม่มีใครคาดคิด เขากลับมอบตำแหน่งนี้ให้กับหลานสาว แทนที่จะเป็นลูกชายคนโตหรือหลานชายคนโต!
ความโกรธเกรี้ยวเริ่มแผดเผาอยู่ภายในใจของไทเลอร์และรูเบน ตอนนี้พวกเขาต่างก็รู้สึกฉุนเฉียวและขุ่นเคืองใจมาก!
พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจัสมินจะได้เป็นหัวหน้าครอบครัวของตระกูลมัวร์
ในตอนนี้ หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังทั้งต่อนายท่านมัวร์และจัสมิน!
ชายชราคนนี้ลำเอียงมากเกินไปแล้ว!
เขาจะมอบทรัพย์สมบัติของตระกูลมูลค่าสองแสนล้านให้กับจัสมินง่าย ๆ อย่างนั้นเลยหรือ?
เธอเป็นเพียงผู้หญิงที่มีอายุ 26 ปีเท่านั้นเอง! เธอไม่มีความเหมาะสมที่จะได้รับมรดกมูลค่าสองแสนล้านของตระกูลเลย!
ในขณะนี้จัสมินก็อยู่ในอาการตกตะลึงเช่นกัน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอต้องการทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อตระกูลมัวร์ และทุ่มเทการทำงานอย่างหนักเพื่อครอบครัว ก่อนที่จะกลายเป็นภรรยาของชายอื่น แต่อย่างไรก็ตาม เธอทำอย่างนั้นด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่เพราะเธอต้องการสืบทอดมรดกของตระกูลมัวร์ นับประสาอะไรกับการได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในนั้น
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจัสมินนั้นรู้สึกตื่นเต้นแค่ไหน เธอเป็นผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยานและกระตือรือร้นมาก และเธอรู้สึกดีใจมาก ๆ เมื่อได้ยินว่าเธอกำลังจะได้เป็นหัวหน้าครอบครัว
ในทางกลับกัน รูเบนรู้สึกผิดหวังกับการตัดสินใจครั้งนี้ของนายท่านมัวร์ เขาลุกขึ้นยืนแล้วโพล่งออกมาว่า “คุณปู่ครับ! คุณปู่มอบตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวให้จัสมินได้อย่างไรกัน? เธอเป็นผู้หญิงและจะต้องแต่งงานในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้นามสกุลของสามี! คุณปู่อยากเห็นจริง ๆ เหรอครับ ที่สมบัติของตระกูลมัวร์จะต้องตกไปเป็นของตระกูลอื่น?!”
นายท่านมัวร์มองไปที่เขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นามสกุลของจัสมินก็คือมัวร์เช่นกัน ไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลมัวร์เสมอ นอกจากนี้ฉันยังเชื่อด้วยว่า ไม่มีใครเลยสักคนเดียวในตระกูลมัวร์ที่มีความสามารถและมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจทัดเทียมกับเธอ เธอเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดแล้วในการรับตำแหน่งหัวหน้าครอบครัว”
ไทเลอร์พูดขึ้นโดยไม่แสดงสีหน้าอะไร “คุณพ่อครับ ผมคิดว่าคุณพ่อทำไม่ถูกนะครับ โปรดหาทางเลือกใหม่ดีกว่าครับ!”
ลูกชายคนอื่น ๆ ของนายท่านมัวร์ต่างก็ลุกขึ้นยืน แล้วเร่งเร้าขึ้นว่า “คุณพ่อครับ ได้โปรดหาทางเลือกอื่นเถอะครับ!”
ไม่มีใครยอมรับความจริงที่ว่า… จัสมินจะได้เป็นหัวหน้าครอบครัวคนใหม่
นายท่านมัวร์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ฉันไม่เห็นด้วยกับพวกแก ฉันเป็นคนสร้างตระกูลนี้ขึ้นมาด้วยตัวฉันเอง แล้วสร้างอาณาจักรของตระกูลขึ้นมาด้วยมือเปล่า ฉันไม่ได้รับมรดกมาจากใคร ฉะนั้นฉันจึงมีอำนาจอย่างเต็มที่ในการควบคุมตระกูลมัวร์ ฉันได้ตัดสินใจมอบตำแหน่งนี้ให้กับจัสมิน ไม่ใช่เพราะความคิดชั่ววูบ แต่ได้พินิจพิจารณามาอย่างถี่ถ้วน เพราะฉันเชื่อว่าจัสมินจะสามารถทำให้ตระกูลดีขึ้นและมีความแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างแน่นอน!”
เขามองไปรอบ ๆ ในขณะที่พูดกับสมาชิกของครอบครัวว่า “ลูกหลานทุกคนในตระกูลมัวร์มีสิทธิ์ที่จะได้รับเงินปันผลจำนวนมากจากตระกูลของเรา ฉะนั้นถึงแม้จัสมินจะได้เป็นหัวหน้าครอบครัว พวกแกทั้งหมดก็ยังสามารถใช้ชีวิตที่หรูหราและสะดวกสบายได้อย่างไม่ต้องกังวลอะไร ไม่ว่าใครจะได้เป็นหัวหน้าครอบครัว ก็อย่าลืมสิว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือคนที่จะพาตระกูลของเราเข้าไปในเวทีการแข่งขันทางธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่งและทรงอำนาจมากขึ้น”
นายท่านมัวร์หยุดพูดชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อไปด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม “ลองดูแบรนสันและครอบครัวของเขาเป็นตัวอย่าง พวกเขาได้รับเงินปันผลของตระกูล 10% ทุกปี ถ้าเงินปันผลของตระกูลอยู่ที่ 5 พันล้านต่อปี พวกเขาก็จะได้ส่วนแบ่งถึง 500 ล้าน แต่ถ้ามีใครสามารถพาครอบครัวไต่ขึ้นไปได้อีกระดับ และได้เงินปันผลที่ 1 หมื่นล้านต่อปี ครอบครัวของพวกเขาก็จะได้รับเงินปันผล 1 พันล้านต่อปีตามไปด้วย พวกแกไม่อยากให้ครอบครัวเราหาเงินได้มากขึ้นเหรอ ถ้ามีคนที่มีความสามารถมาทำให้เป็นอย่างนั้นได้?