ตอนที่ 1790 ครั้งหน้าเจ้าไม่โชคดีเช่นนี้แน่

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ยอดฝีมือนภาสวรรค์

ชายหนุ่มในชุดฟ้าคนนี้คือยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ตัวจริงเสียงจริง!

เขาใช้สายตาเหมือนที่ชนชั้นสูงก้มลงมองดูพื้นล่างดินมองลงมาดูเย่หยวนอย่าสมเพช

เย่หยวนนั้นมีดวงตาที่เย็นชาและตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยือก “ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์กลับกล้าจะลงมือลอบโจมตีราชันพระเจ้าหกดาว ช่างเป็นคนที่สูงส่งดีแท้!”

การลอบโจมตีนี้ของเชียนเย่มันนับว่าเป็นการกระทำที่ไร้ยางอายอย่างมาก

การโจมตีจากยอดฝีมือนภาสวรรค์ มันจะรุนแรงถึงแค่ไหน?

ต่อให้สู้กันตรงๆ ราชันพระเจ้ามีหรือที่จะเทียบเคียงได้?

แต่เชียนเย่คนนี้กลับเลือกที่จะลอบโจมตีเย่หยวนในระหว่างที่จงฮันหลินและเย่หยวนต่อสู้กันอยู่ในจุดตัดสินเป็นตาย

เชียนเย่ตอบกลับมา “ฮันหลินนั้นคือยอดอัจฉริยะจากนิกายบุปผาเหินของเรา อนาคตของเขามีเส้นทางไม่จำกัด การเข้าเป็นศิษย์ในนิกายของเขานับได้ว่าเป็นเรื่องที่แน่นอน การที่เจ้าอยากสังหารเขาและข้าเข้ามาห้ามมันย่อมไม่เป็นปัญหา”

เย่หยวนได้แต่หัวเราะอยู่ในใจ “เรอะ? แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ออกมาห้ามปราบใดๆ นี่?”

เชียนเย่ยักคิ้วขึ้นทันที “ราชันพระเจ้าหกดาวหากตายก็ตายไป มีอะไรให้นิกายเสียหายกัน”

เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมาผู้คนที่มองดูอยู่ต่างก็ได้แค่ทำหน้าตาเหยเกออกมา

ไม่เสียหาย?

อัจฉริยะที่สามารถผสานแนวคิดแห่งดาบกับแนวคิดแห่งห้วงมิติเข้าด้วยกันได้นี่นะตายไปไม่เสียหาย?

คำพูดเหล่านี้มันแสนจะหน้าไม่อาย!

“ห-หึๆ ไอ้ขยะอย่างเจ้ายังเข้านิกายได้ แต่ข้าดันเข้าไม่ได้?” เย่หยวนกัดฟันตอบสวนไป

เชียนเย่ขมวดคิ้วแน่น “เจ้าเรียกข้าว่าเป็นขยะ?”

เชียนเย่นั้นเป็นยอดคนในรุ่นเดียวกัน เขาได้เข้าไปเป็นศิษย์ชั้นในของนิกายและนับได้ว่าเป็นหนึ่งเสาหลักของขั้วอำนาจฝ่ายนิกายบุปผาเหิน

แต่ตอนนี้กลับมีใครที่ไหนไม่รู้มาเรียกเขาว่าขยะ

“ยอดฝีมือนภาสวรรค์ลอบโจมตีนักยุทธราชันพระเจ้าหกดาวแต่กลับไม่สามารถสังหารเขาลงได้ ข้าถามหน่อย แบบนี้ไม่เรียกขยะแล้วจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไรได้อีก?”

คำพูดอันเฉียบคมของเย่หยวนตอกสวนหน้าเชียนเย่ไป

เย่หยวนนั้นบรรลุแนวคิดแห่งห้วงมิติและสามารถสัมผัสได้ถึงความผิดแปลกของมิติดีกว่าคนอื่นๆ หลายเท่า

หากปกติใครอยากลอบทำร้ายเขา คนเหล่านั้นก็ต้องทำการซ่อนตัวไม่ให้มิติมีความบิดเบี้ยวเลยแม้แต่น้อย

เพียงแค่ว่าเมื่อสักครู่นี้เย่หยวนและจงฮันหลินกำลังสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย สมาธิทั้งหมอที่เขามีจึงพุ่งเป้าไปยังตัวจงฮันหลินแค่คนเดียว

ไม่เช่นนั้นต่อให้อีกฝ่ายจะอยากลอบโจมตี มันก็คงไม่มีทางทำได้แน่

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น อีกฝ่ายก็ยังพลาด

เย่หยวนนั้นอ่อนไหวต่อความผิดปกติของมิติถึงระดับที่เขาไม่อาจคาดคิด

เชียนเย่นั้นแสดงใบหน้าไม่พอใจอย่างมากออกมา “ไอ้เด็กปากดีคนนี้ มันไม่เกี่ยวหรอกว่าเรื่องจะเป็นยังไง อีกไม่นานเจ้าก็คงไม่ได้หายใจแล้ว”

พูดจบเชียนเย่ก็ปล่อยพลังกดดันของอาณาจักรนภาสวรรค์ออกมาพร้อมลงมือสังหารเย่หยวนอย่างเต็มที่

ตอนนั้นเองที่มีเงาร่างหนึ่งพุ่งออกมาขวางหน้าเย่หยวนไว้

เชียนเย่ได้แต่ขมวดคิ้วและถามขึ้น “ไป่หลี่ชิงหยาน เจ้าอยากขวางข้า?”

ไป่หลี่ชิงหยานนั้นมีใบหน้าที่เรียบเฉย “ก่อนจะจบการทดสอบรอบแรกนี้เขาคือสมาชิกกลุ่มข้า ห้ามใครทำอันตรายเขาเด็ดขาด!”

เชียนเย่หน้าเปลี่ยนสีและหัวเราะเย้ยออกมา “ด้วยลำพังแค่เจ้า?”

เพราะตั้งแต่วินาทีที่เขาเห็นเย่หยวนสู้กับจงฮันหลินและต้วนชิงหง เขาก็ตัดสินใจไปแล้วว่าจะสังหารเย่หยวนลง

ตัวตนที่ทรงพลังขนาดนี้จะปล่อยให้มันเข้ามาทำลายสมดุลในนิกายเงาจันทร์ไม่ได้

ตอนนี้ยิ่งใกล้ชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ มันยิ่งจะปล่อยให้เกิดเรื่องผิดพลาดใดๆ ไม่ได้

การทดสอบเข้าในครั้งนี้ เขาบังเอิญได้รับเลือกให้มาทำหน้าที่ดูแลควบคุมการสอบและปกป้องเหล่าศิษย์ทั้งหลายพอดิบพอดี

เขาไม่นึกไม่ฝันว่าตัวเองจะได้มาเจอเรื่องเช่นนี้

เพราะฉะนั้นเขาจึงเลือกที่จะลอบโจมตีเย่หยวน

ระหว่างที่คุยกันไป เชียนเย่ก็ยิ่งปล่อยพลังกดดันออกมาหนักหน่วงขึ้นจนไม่ว่าไป่หลี่ชิงหยานจะปล่อยพลังดันกลับออกมามากแค่ไหน มันก็ไม่มีทางเทียบเคียงกับเชียนเย่ได้เลย

เย่หยวนหน้าถอดสี คิดว่าตอนนี้คงต้องให้หวู่เฉินจัดการต่อเสียแล้ว

ผีร้ายตัวนั้นมันนับว่าเป็นไม้ตายของเย่หยวนในตอนนี้ ในบ้านเมืองที่เขาไม่รู้จักเช่นนี้เย่หยวนย่อมไม่คิดที่จะเปิดเผยไพ่ตายออกมาให้ใครเห็นได้ง่ายๆ จึงเลือกที่จะเก็บมันไว้ใช้ในยามจำเป็นจริงๆ

ตราบเท่าที่หวู่เฉินลงมือ กับแค่คนอย่างเชียนเย่มันย่อมจัดการง่ายเสียยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ

แต่ทำแบบนั้นมันก็จะเป็นการเปิดเผยไพ่ตายของเขาไป

นิกายบุปผาเหินและนิกายดาบเมฆาย่อมมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำกว่านี้เป็นแน่

หากอีกฝ่ายรู้ถึงไพ่ตายนี้แล้ว มันก็คงไม่เป็นการยากนักหากอีกฝ่ายคิดจะวางแผนร้ายใดๆ ต่อเขา

แต่สภาพในตอนนี้มันคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจัดการ

วินาทีนั้นที่เขากำลังกลั้นใจสั่งให้หวู่เฉินลงมืออีกครั้ง

“ไป่หลี่ไม่ได้ งั้นข้าล่ะ?”

หญิงคนหนึ่งในชุดนักสู้ปรากฏกายออกมาจากความว่างเปล่า ทำให้ใบหน้าของเชียนเย่ดำมืดลง

วินาทีที่นางคนนี้ปรากฏตัวออกมา เขาก็รู้ได้ทันทีว่าวันนี้คงหมดโอกาสสังหารเย่หยวน

แม้ว่าหน้าตาของนางนั้นจะไม่สามารถเทียบเคียงกับไป่หลี่ชิงหยานได้ แต่นางก็เป็นคนที่ดูแลตัวเองมาอย่างดี

ชุดนักรบนี้มันยิ่งทำให้นางดูยิ่งใหญ่กดดัน หากให้พูดถึงแค่ความน่าเกรงขามแล้วนางนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเชียนเย่เลย

“เจียงเชอเหยียน ข้าไม่ได้คิดที่จะแตะต้องทำร้ายใดๆ ไป่หลี่ชิงหยาน เจ้าถอยไป คนที่ข้าต้องการสังหารมีเพียงเด็กคนนี้เท่านั้น!” เชียนเย่ชี้หน้าเย่หยวนที่ยืนอยู่หลังไป่หลี่ชิงหยาน

เจียงเชอเหยียนหันไปมองดูเย่หยวนอย่างสงสัย “คนที่ไป่หลี่อยากปกป้องก็คือคนที่นิกายเหย้าอมตะเราต้องการปกป้อง หากเจ้าอยากสังหารเขาก็คงต้องผ่านข้าไปก่อน!”

“เจ้า! เจียงเชอเหยียนเจ้าคิดจะทำสงครามกับบุปผาเหินเรา?”

เจียงเชอเหยียนตอบกลับไปด้วยท่าทางไม่แยแส “สงครามแล้วทำไม? พูดอย่างกับว่านิกายเหย้าอมตะข้ากลัวเจ้านักแหละ!”

เชียนเย่นั้นโกรธจนควันแทบออกหู ใบหน้าของเขาแดงจัด นางคนนี้มันช่างเป็นตัวตนที่รับมือได้ยากไม่นึกไม่ฝันเลยว่านางจะปรากฏตัวออกมาเช่นนี้

แต่เรื่องของเรื่องก็คือไป่หลี่ชิงหยาน ไม่รู้ทำไมนางถึงได้อยากปกป้องเย่หยวนถึงขนาดนั้นกัน

น่าแค้นใจจริงๆ!

เจียงเชอเหยียนเห็นเชียนเย่เงียบไปเช่นนั้นนางจึงพูดเสริมขึ้นมา “เชียนเย่ อย่าได้ลืมตำแหน่งหน้าที่ของตนเสียล่ะ! นิกายบอกให้เจ้าออกมาดูความเรียบร้อยปกป้องผู้เข้าสอบ มิใช่มาสังหารพวกเขา! เจ้าคิดว่าหากข้ารายงานเรื่องนี้ไป ทางโถงบังคับกฎเขาจะว่าอย่างไรบ้างนะ?”

เชียนเย่หันไปจ้องมองเจียงเชอเหยียนพร้อมกัดฟันตอบ “จำเรื่องนี้ไว้ให้ดี! ไอ้เด็กเวร เจ้าก็จำไว้ว่าตัวเองโชคดีไปนะ วันหน้าเจ้าไม่โชคดีเช่นนี้แน่”

ภายในนิกายเงาจันทร์นั้นมันมีการต่อสู้แก่งแย่งอำนาจที่ดุเดือดมาก

แม้ว่าเย่หยวนจะเก่งกาจ แต่หากอยากสังหารเขามันก็ไม่ได้เป็นเรื่องยาก

พูดสั้นๆ ก็คือเขาไม่คิดจะปล่อยให้เย่หยวนได้มีโอกาสพัฒนาตัว

เย่หยวนไม่คิดจะยอมแพ้ต่อใครและกัดฟันตอบกลับมา “เจ้าเข้าใจผิดแบบกลับตาลปัตรแล้ว ครั้งหน้าเจ้าต่างหากที่จะไม่โชคดีเช่นนี้!”

เชียนเย่ได้แต่ผงะไปเมื่อได้ยินก่อนจะหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ ได้ ไว้ครั้งหน้า! ฮันหลินไปกัน!”

หลังจากเชียนเย่จากไป เจียงเชอเหยียนก็หันหน้าไปบอกคนที่เหลือ “จะยังมายืนนิ่งทำไมอีก? ทิ้งแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ไว้แล้วไปให้พ้น!”

มีหรือที่คนจากนิกายคชสารอสูรจะยังกล้ายืนอยู่ต่อ? พวกเขาแต่ละคนต่างวิ่งหนีกันไปกระจัดกระจาย

หลังทุกคนจากไปแล้ว ไป่หลี่ชิงหยานก็แสดงท่าทางออกมาราวกับเด็กสาวตัวน้อยวิ่งเข้าสวมกอดเจียงเชอเหยียนไว้แน่น “ศิษย์พี่ท่านมาได้ทันเวลาพอดีเลย ไม่เช่นนั้นเจ้าหมอนี่คงได้ตายแน่”

แต่เจียงเชอเหยียนกลับตอบมาอย่างเย็นชา “นังเด็กคนนี้ กลับกล้าจะทิ้งชีวิตตัวเองเพื่อผู้ชายคนเดียว บ้ารึเปล่าเนี่ย?”

ไป่หลี่ชิงหยานนั้นปฏิเสธออกมาพร้อมใบหน้าสีแดงจัด “ศิษย์พี่ท่านว่ากล่าวอะไรออกมา? เขา… เขาแค่เพื่อนร่วมกลุ่มของข้าก็เท่านั้น”

เย่หยวนเองก็ยกมือขึ้นคารวะนาง “ศิษย์พี่เจียง ข้าต้องขอขอบคุณท่านอย่างมาก! แต่ศิษย์พี่ท่านเข้าใจผิดแล้วจริงๆ แม่นางไป่หลี่และข้านั้นแค่เพียงจับกลุ่มกันมาล่าสัตว์อสูร หาได้มีเรื่องราวอื่นไม่”

ได้ยินเช่นนั้นไป่หลี่ชิงหยานกลับรู้สึกไม่ค่อยพอใจขึ้นมา

ไอ้เจ้าหมอนี่มันไม่ได้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงเลยจริงๆ

เจียงเชอเหยียนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่มีอะไรแหละดีแล้ว! เด็กน้อย นี่ถือว่าข้าเตือนเจ้าแล้วนะ อย่าได้มายุ่งกับไป่หลี่ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่ได้ตายดีแน่!”

…………………………