ตอนที่ 1271 เปลวไฟที่ลุกโชนบนท้องฟ้า

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1271 เปลวไฟที่ลุกโชนบนท้องฟ้า โดย Ink Stone_Fantasy

ภายในห้องที่ถูกทิ้งร้างของปราสาทโบรคเคนทูธ โจเดลมองดูสถานการณ์ภายในเมืองทัสก์ผ่านทางช่องสังเกตการณ์ภายในห้อง เนื่องจากระดับความสูงที่แตกต่างกัน เขาจึงมองเห็นแค่พื้นที่เล็กๆ ตรงปากประตูเมืองเท่านั้น — ที่นั่นคือสถานที่แรกที่พวกเขาต้องไปแย่งชิงมาหลังจากที่การต่อสู้เริ่มต้น

ปฏิบัติการครั้งนี้ชาวโมเกนจะรับหน้าที่เป็นทหารหน่วยแรกที่บุกเข้าไป

นี่ไม่ได้เป็นเพราะท่านไบรอันจงใจใช้พวกเขาเป็นเครื่องสังเวย หากแต่เป็นโอกาสที่พวกเขาช่วงชิงมาเอง

ใช้กำลังพิสูจน์ตัวเอง ใช้ผลงานในการช่วงชิงเอาทรัพยากร นี่่คือสิ่งที่คนดินแดนทางใต้สุดทำกัน

โจเดลมาจากเผ่าเล็กๆ ที่ไม่เป็นที่รู้จักในโอเอซิสแห่งหนึ่ง ในตอนที่โอเอซิสค่อยๆ หายไป เผ่าของเขาก็อยู่บนเส้นที่แบ่งระหว่างความเป็นความตาย ถ้าไม่เป็นเพราะเรื่องนี้ ตอนนั้นเขาก็คงจะไปเสี่ยงที่จะมาคุยกับคนทางเหนือแน่ แต่ตอนนี้ทุกคนภายในเผ่าของเขาล้วนแต่ย้ายมาอยู่ที่ท่าเรือเคลียร์วอเทอร์ได้อย่างปลอดภัย ดินแดนสีเขียวที่พวกเขาเฝ้าใฝ่ฝันถึงนั้นคือสิ่งตอบแทนที่เขาได้มาจากการสู้กับเผ่าไวล์เวฟกับเผ่าคัทโบนด์

ดังนั้นสาเหตุที่โจเดลเป็นฝ่ายเสนอตัวมาเป็นแนวหน้านั้นง่ายมาก ยิ่งฆ่าศัตรูได้เยอะ เผ่าของเขาก็จะมีชีวิตที่ดีมากขึ้น ส่วนเรื่องที่ว่าศัตรูเป็นใครนั้นไม่สำคัญ ต่อให้มันเป็นปีศาจที่มาจากนรก มันก็คงจะไม่น่ากลัวเท่ากับความอดอยาก ความแห้งแล้ง แล้วก็ความตายที่อาจจะมาได้ทุกเมื่อ

เขาเชื่อว่าชาวทะเลทรายหลายๆ คนที่มาที่นี่ก็คิดเหมือนกับเขา

“เจ้าเห็นอะไรไหม?” ด้านหลังมีคนถามขึ้นมา

“ไม่ นอกจากหมอกแดงที่หนาขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่เห็นอะไรอย่างอื่นเลย” โจเดลอุดรูสังเกตการณ์อย่างเบามือ ก่อนจะหันหน้ากลับมา

คนที่พูดกับเขาคือฟาร์รีซึ่งเป็นคนที่ตัวเล็กที่สุดในทีม ปืนที่สะพายอยู่ด้านหลังเขาแทบจะยาวกว่าตัวเขา บนใบหน้าเขามีรอยแผลเป็นลึกยาวจากหน้าผากมาถึงมุมปากของเขา ดูแล้วไม่เข้ากับใบหน้าที่ดูอายุน้อยของเขาเลย สำหรับคนๆ นี้ โจเดลจำเขาได้แม่น ถึงแม้อีกฝ่ายจะดูอายุยังน้อย แต่ฝีมือของเขาในตอนที่ทำการฝึกซ้อมกับการทำศึกจริงนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าคนทั่วๆ ไปเลย แม้แต่พวกนักสู้ที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์ก็อาจจะเอาชนะเข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ

ตามหลักแล้ว คนแบบนี้ควรจะเป็นที่รู้จักในโอเอซิสถึงจะถูก แต่กลับกลายเป็นว่าโจเดลไม่เคยได้ยินชื่อคนๆ นี้มาก่อน

“พวกเรารอมาเกือบสองอาทิตย์แล้วใช่เปล่า?” ฟาร์รีบ่นขึ้นมา “คนหลายร้อยคนมาอุดอู้อยู่ในที่เดียวกันแบบนี้ ข้าแทบจะอึดอัดตายอยู่แล้ว”

“ท่านไบรอันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าปีศาจมันมีอสูรสยองที่บินได้ ถ้าไม่อยากจะให้ศัตรูสังเกตเห็น พวกเราก็ต้องซ่อนตัวอยู่แบบนี้” โจเดลพูดอย่างแปลกใจเล็กน้อย “หรือว่าเจ้าไม่เคยเข้าร่วมพิธีไล่ล่ามาก่อน? เพื่อที่จะฆ่าหนอนทะเลทรายซักตัวแล้ว ซุ่มรออยู่ในพุ่มไม้ครึ่งเดือนมันยังทำได้เลย ตอนนี้รออีกหน่อยจะเป็นไรไป?”

ตามแผนการแล้ว ทหารที่ขวานเหล็กรวบรวมมา 2,000 คนจะกระจายกันซ่อนตัวอยู่ในเขตถนนด้านเหนือของปราสาทโบรคเคนทูธ แล้วก็มีกองหนุนซ่อนตัวอยู่ในเขตเมืองด้านในทางทิศใต้อีกพันกว่าคน สถานที่ซ่อนตัวนั้นถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อย ดูภายนอกแล้วเหมือนซากเมืองที่ถูกทิ้งร้างไม่มีผิด แต่ด้านในกลับสร้างให้เป็นที่พักแบบง่ายๆ ขึ้นมา ด้านบนเอาไว้ใช้สอดแนม ส่วนด้านล่างเอาไว้เป็นที่พัก ไม่เพียงแต่จะมีอาหารและน้ำเตรียมเอาไว้พร้อม แม้แต่ที่นอนกับห้องน้ำก็ถูกจัดแบ่งเอาไว้เรียบร้อย ถึงแม้มันจะมีกลิ่นอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับการซ่อนตัวในพิธีไล่ล่าแล้ว ที่นี่ก็ถือว่ามีสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างดีใช้ได้

เขาไม่ค่อยเข้าใจ ทำไมจู่ๆ อีกฝ่ายถึงบ่นเรื่องนี้ขึ้นมา

“เจ้า…ไม่เข้าใจ” ฟาร์รีเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไป สุดท้ายเขาจึงถลึงตาใส่โจเดลอย่างหงุดหงิดแล้วขึ้นไปนั่งบนกำแพง “เจ้าว่าถังเหล็กที่พวกเขาเตรียมเอาไว้มันใช้ทำอะไรกันแน่? เดี๋ยวก็ขุดหลุมเดี๋ยวก็ถมดิน จนตอนนี้ศัตรูมาแล้ว ฝั่งนั้นก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลย”

“ไม่รู้สิ…แต่ถ้าเป็นของที่ชีคทำขึ้นมา ข้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็คงไม่แปลก”

ในช่วงปีกว่าที่ผ่านมาเขาได้เห็นของใช้ เครื่องมือและอาวุธที่น่าเหลือเชื่อต่างๆ มากมาย

“หวังว่าจะไม่ใช่ยาคุ้มคลั่งอันใหม่หรอกนะ” ฟาร์รีพูดงึมงำ

ยาคุ้มคลั่ง? เขาเหมือนจะเคยได้ยินชื่อเจ้าของสิ่งนี้ที่ไหนมาก่อน….โจเดลกำลังจะคิดถามอีกฝ่าย แต่ทันใดนั้นก็มีคนโผล่หัวลงมาจากเพดาน “ทางด้านหลังแจ้งมา อีกเดี๋ยวการโจมตีจะเริ่มแล้ว พวกเจ้ารีบเตรียมตัวซะ”

“ฟู่ว” ฟาร์รีถอนหายใจออกมา “ในที่สุดก็ไม่ต้องรออยู่เฉยๆ แล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”

ส่วนโจเดลนั้นมีความรอบคอบมากกว่านิดหน่อย “สัญญาณบุกโจมตีคืออะไร? ยังเหมือนกับที่วางแผนเอาไว้ไหม?”

“ถูกต้อง” คนๆ นั้นตอบ “ในตอนที่เสียงระเบิดดังขึ้น นั่นคือสัญญาณให้บุกเต็มกำลัง”

….

“ได้เวลาแล้ว” ขวานเหล็กวางกล้องส่องทางไกลลง ก่อนจะหันมาสั่งการ “ปั่นไฟได้เลย”

“ขอรับ!” ทหารสองคนของหน่วยจุดระเบิดเริ่มหมุนเครื่องปั่นไฟ ส่วนคนที่สามก็เอามือวางไว้บนที่กดระเบิด

ในที่สุดการเตรียมตัวและการวางแผนมาเป็นระยะเวลานานก็มาถึงช่วงเวลาที่จะได้พิสูจน์มันแล้ว ตอนนี้หมอกแดงได้ปกคลุมมาถึงเมืองหลวงของวูล์ฟฮาร์ท ถ้ากองทัพที่หนึ่งยังถอยต่อไป อีกไม่นานปราสาทโบรคเคนทูธจะต้องตกอยู่ในมือปีศาจแน่นอน สองเมืองนี้แทบจะอยู่ติดกัน คล้ายกับเมืองหลวงของเกรย์คาสเซิลกับเมืองซิลเวอร์ ในอดีตปราสาทโบรคเคนทูธที่มีภูมิประเทศเป็นเหมือนแนวป้องกันตามธรรมชาติได้กลายเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดของเมืองทัสก์ เมื่อก่อนวูล์ฟฮาร์ทมีคำกล่าวว่าถ้าโบรคเคนทูธยังอยู่ เมืองหลวงของวูล์ฟฮาร์ทก็ไม่มีวันถูกโจมตี แต่ตอนนี้พวกเขากลับกำลังจะใช้ปราสาทโบรคเคนทูธเป็นทางผ่านให้พวกศัตรูได้บุกเข้ามายังเมืองทัสก์!

ขวานเหล็กสังเกตเห็นมานานแล้วว่าพวกปีศาจไม่ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอดเวลา สำหรับพวกมันแล้ว อุปกรณ์เหล่านี้ก็เป็นเหมือนภาระที่เพิ่มขึ้นมา นอกจากพวกปีศาจคุ้มคลั่งหน่วยเล็กๆ ที่ไล่ฆ่าพวกชาวบ้านแล้ว ปีศาจส่วนที่เหลือนั้นจะเคลื่อนไหวอยู่ภายในขอบเขตของหมอกแดง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีของกองทัพที่หนึ่ง

“ท่านผบ. หน่วยจุดระเบิดพร้อมแล้วขอรับ!”

ขวานเหล็กออกคำสั่ง “จุดระเบิดได้!”

เมื่อทหารออกแรงกดที่จุดระเบิด ทางด้านเหนือของปราสาทโบรคเคนทูธพลันมีแสงสีแดงสว่างวาบขึ้นมา! ถังเหล็ก 500 กว่าถังระเบิดขึ้นมาพร้อมกันในพริบตา เปลวเพลิงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วยพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะปกคลุมเมืองหลวงทั้งเมืองเอาไว้

ทุกคนต่างได้ยินเสียงกัมปนาทที่ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

แต่นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น

สิ่งที่บรรจุข้างในถังเหล็กคือเจลจากแมลงยางที่เคโมผสมขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยเผาใหม่อย่างเช่นน้ำมัน อลูมีเนียม แมกนีเนียมซึ่งเผาไหม้ได้ง่าย ตอนที่อยู่ในสภาพเป็นก้อน พวกมันดูแล้วเหมือนจะอ่อนนุ่มไม่เป็นอันตราย แต่ในตอนที่คลื่นกระแทกจากการระเบิดฉีกพวกมันให้กลายเป็นหมอกแล้วส่งพวกมันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า เจลที่กระจัดกระจายเหล่านี้จะกลายเป็นสิ่งที่มีอันตรายอย่างมาก เนื่องจากการเผาไหม้กระจายตัวไปเร็วมาก จนทำให้อากาศมีอุณหภูมิสูงถึง 1,000 องศาได้ในระยะเวลาสั้นๆ กระแสอากาศที่ขยายตัวยิ่งทำให้เปลวไฟยิ่งลุกโชน

ทันใดนั้นปฏิกิริยาลูกโซ่ก็เกิดขึ้น

จู่ๆ ฝนเพลิงที่เดิมควรจะร่วงตกลงมากลับฉีกท้องฟ้าออกเหมือนกับสายฟ้าสีแดงส้ม ก่อนจะกลายเป็นเหมือนตาข่ายขนาดยักษ์ที่ปกคลุมอยู่เหนือเมือง! เปลวไฟที่กระจายออกนี้ไม่ได้พุ่งจากบนฟ้าลงมายังพื้นดิน หากแต่กระจายจากพื้นดินขึ้นไปบนท้องฟ้าแทน!

ขวานเหล็กเองก็ตกตะลึงเมื่อได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้ หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาถึงได้รู้ว่าฝนเพลิงเหล่านั้นได้จุดหมอกแดงให้ลุกไหม้ขึ้นมา! ภาพเหตุการณ์นี้เหมือนจะค่อยๆ เกิดขึ้นอย่างช้าๆ แต่ความจริงแล้วมันกลับใช้เวลาเพียงแค่พริบตา แสงสีแดงที่แตกออกปกคลุมทั่วทั้งเมืองเอาไว้อย่างรวดเร็ว จากตาข่ายก็กลายเป็นเหมือนฝาครอบที่ไม่มีอะไรจะผ่านเข้าไปได้

จากนั้นการระเบิดที่รุนแรงมากกว่าเดิมก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

ฝาครอบสีแดงถูกระเบิดจนแตกออก ลูกบอลเพลิงขนาดยักษ์พุ่งขึ้นมาเหมือนกับนกเพลิงที่พุ่งทะลุออกมาจากเปลือก ก่อนจะบินขึ้นไปยังหมู่เมฆที่อยู่ด้านบน

เสียงกัมปนาทที่ดังกว่าตอนที่ถังเหล็กถูกระเบิดดังสนั่นขึ้่นมา

ขวานเหล็กมองเห็นอากาศรอบๆ เมืองหลวงบิดเบี้ยวเพราะคลื่นความร้อน!

พื้นดินเหมือนสั่นสะเทือนขึ้นมา!

…………………………………………………………….