บทที่ 1022 เอาอีกสาม

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1022 เอาอีกสาม

น้ำเสียงสงบเรียบของมู่เฉินดังกึกก้อง

ใบหน้าของไป๋ปิงก็บิดเบี้ยวจนกลายเป็นดุร้าย ราวกับว่าเขาต้องการที่จะแล่เนื้อเถือหนังมู่เฉิน

แม้ว่าไป๋ปิงจะไม่ถือว่าเป็นสุดยอดจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของเผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็ง แต่เขาก็มีสายเลือดหงส์ฟ้าไหลเวียนอยู่ โดยปกติเขาจะมีความสูงส่งและเผ่าอื่นๆ ก็จะสุภาพเมื่อพบเจอ ตั้งแต่เมื่อไรที่คนอย่างมู่เฉินกล้าปฏิบัติต่อเขาในลักษณะนี้?

“ฆ่ามัน!”

ริ้วเลือดพล่านขึ้นมาในดวงตาไป๋ปิงขณะที่คำราม

ที่ด้านหลังร่างเงาหลายร่างย่างสามขุมออกมามองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาไร้ความปรานี คลื่นหลิงไร้ขอบเขตระเบิดออกจากร่างกายของพวกเขา ทำให้เกิดแรงกดดันทรงพลังกระจายออกไป

คนเหล่านั้นเห็นได้ชัดว่ามาจากเผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็ง แม้ว่าพลังของพวกเขาจะอ่อนแอกว่าไป๋ปิง แต่ก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดทุกคน ดังนั้นจึงเป็นการรวมตัวที่ค่อนข้างทรงพลังเลยทีเดียว

ขณะที่จอมยุทธ์เผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็งจ้องมองด้วยสายตาดุร้าย ที่ด้านหลังมู่เฉิน จิ่วโยว มั่วเฟิงและมั่วหลิงก็เค้นเสียงเย็นชาเดินเข้ามายืนอยู่ข้างมู่เฉินจ้องกลับไปที่คนเหล่านั้น

“เผ่าวิหคโลกันตร์กล้าอวดดีต่อเผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็งของข้างั้นเรอะ!” ไป๋ปิงกล่าวด้วยสีหน้ามืดมน

เมื่อจิ่วโยวได้ยินคำพูดนั่นนางก็หัวเราะเยาะ “วาจาคับฟ้าซะจริง เจ้าเป็นแค่สมาชิกธรรมดาของเผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็ง คิดว่าตัวเองสามารถเป็นตัวแทนของเผ่าได้เรอะ?”

“นอกจากนี้จอมยุทธ์ที่เข้ามาในดินแดนเสินโซ่ล้วนต้องอาศัยพลังของตนเอง วันนี้เจ้าหาความอัปยศอดสูให้ตัวเอง หากเรื่องนี้ถูกส่งกลับไปที่เผ่า ไม่เพียงแต่จะไม่มีใครยืนหยัดเพื่อเจ้าเท่านั้น เจ้ายังจะถูกเยาะเย้ยถากถางเหมือนขยะเปียก”

จิ่วโยวไม่สนใจการคุกคามของไป๋หลิง เผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็งเป็นเพียงตระกูลยิบย่อยของเผ่าหงส์ฟ้า พลังของเผ่านั้นเพียงอย่างเดียว ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เผ่าวิหคโลกันตร์หวาดกลัว

เมื่อไป๋ปิงได้ยินคำพูดนั่น ใบหน้าก็เปลี่ยนแปลงรุนแรง ถ้าข่าวที่เขาถูกปราบโดยจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกกระจายกลับไปยังเผ่า เขารู้ว่าจะโดนแดกดันแค่ไหน ในเวลานั้นผู้อาวุโสก็อาจมองว่าเขาอ่อนแอ ไม่คิดที่จะจ่ายทรัพยากรเพื่อเลี้ยงดูเขาอีกต่อไป ซึ่งนั่นเป็นการทำลายตัวเขาเองอย่างไม่ต้องสงสัย

“ฮ่าๆ พวกเจ้าเป็นตัวก่อปัญหาจริงๆ เพิ่งจะแยกกันไปประเดี๋ยวเดียวก็มีปัญหาซะแล้ว…”

ระหว่างที่สองฝ่ายยืนประจันหน้ากัน เสียงหัวเราะเสียงหนึ่งก็ดังกึกก้อง กลุ่มคนรีบแหวกทางออก เงาร่างหลายร่างก็เดินออกมาพร้อมกับเผยรัศมีเหี้ยมหาญ นี่ก็คือพวกหานซันจากเผ่าแรดอสูรนั่นเอง

หานซันกวาดสายตาไปก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นเขาก็นำพรรคพวกเดินเข้าไปหามู่เฉิน พูดอย่างจนใจว่า “พวกเจ้าก่อปัญหาเก่งจริงๆ…”

แม้ว่าเขาจะพูดแบบนี้ก็ไม่มีท่าทางว่าจะถอย ตรงกันข้ามกลับยืนอยู่ข้างมู่เฉินแสดงจุดยืนชัดเจน

“สมาชิกเผ่าแรดอสูร… นั่นหานซันใช่ไหม? ข้าเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเขา อัจฉริยะของเผ่าแรดอสูรถือได้ว่าเป็นคนที่โดดเด่นแม้ในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ด”

“ไม่คิดว่าเผ่าแรดอสูรกับเผ่าวิหคโลกันตร์จะเป็นพันธมิตรกัน”

“…”

เมื่อได้ยินบทสนทนา มู่เฉินก็ยิ้มเมื่อย เขาไม่ใช่คนหาเรื่องซะหน่อย แต่เป็นอีกฝ่ายที่เข้ามาหาเรื่องพวกเขาต่างหาก…

ทว่าความรู้สึกดีก็เกิดขึ้นในใจเมื่อเห็นหานซันเลือกยืนอยู่ข้างเขา เพียงแค่หานซันไม่ได้เลือกที่จะหลบฉากออกไปหลังจากเห็นเผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็งก็ทำให้ชายคนนี้มีค่ามากขึ้นที่มู่เฉินจะคบไว้เป็นสหาย

เมื่อไป๋ปิงเห็นการแสดงออกของหานซัน ใบหน้าก็ยิ่งดำทะมึนขึ้นมากกว่าเดิม จอมยุทธ์จากเผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็งก็หน้านิ่วคิ้วขมวด หากพวกแรดอสูรเข้าร่วมด้วย การรวมตัวของฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าพวกเขา

ใบหน้าของไป๋ปิงมืดครึ้ม จากนั้นก็หายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธที่ระเบิดอยู่ในใจ ก่อนที่เขาจะพูดเสียงน่าขนลุก “เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่ หวังว่าพอถึงเวลาแล้วแกจะยังกล้าที่จะรับภาระนี้ไว้”

พูดจบเขาก็ไม่อยู่อีกต่อไป ไอเย็นสาดซัดไปทั่วขณะหันหลังเดินไป แต่ทุกคนรู้ว่าความโกรธในหัวใจของไป๋ปิงระเบิดไปนานแล้ว

จอมยุทธ์เผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็งก็รู้สึกไม่เต็มใจเดินออกไปเช่นกัน ยังไงพวกเขาก็มาจากเผ่าหงส์ฟ้า ปกติเคยทนเจ็บช้ำน้ำใจแบบวันนี้ซะที่ไหน ทว่าในเผ่าหงส์ฟ้าพวกเขาก็ถือว่าเป็นพวกธรรมดาสามัญ นอกจากนี้พวกเขายังถูกแยกเมื่อเข้าสู่ดินแดนเสินโซ่ ซึ่งมีคนไม่กี่คนอยู่ที่นี่ ไม่งั้นถ้าอัจฉริยะจากเผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็งอยู่ด้วยละก็ ไม่ว่าจะมู่เฉินหรือหานซันก็ไม่สามารถเดินออกไปได้แน่

เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาก็ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความไม่เต็มใจ สายตาจ้องเขม็งไปที่พวกมู่เฉิน จากนั้นก็หันหลังเดินตามไป๋ปิงไป

เมื่อผู้คนโดยรอบเห็นว่าเรื่องนี้จบลง ก็ส่ายหัวด้วยความเสียดาย ตอนแรกพวกเขาคิดว่าทั้งสองฝ่ายจะปะทะกันจนเลือดตกยางออกซะอีก แบบนี้ทั้งสองฝ่ายก็ต้องเจ็บกันหนักแน่นอน

ฉื้อหงหวู่ที่ไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้ก็มองไปที่มู่เฉิน ดวงตาของนางกะพริบเหมือนจะแสดงเจตนาต่อสู้ แต่สุดท้ายก็ระงับไว้พูดว่า “อย่าทะนงตัวนัก ไป๋ปิงไม่ได้เป็นหนึ่งในห้าอันดับต้นของเผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็งด้วยซ้ำ หากเจ้าคิดว่าพวกเขาอ่อนแอ เจ้าต้องทนทุกข์ในไม่ช้าแน่”

น้ำเสียงของนางมีจุดประสงค์ในการเตือนมู่เฉินชัดเจน ด้วยวิธีนี้ก็ถือว่าเป็นการชดใช้การกระทำหยาบคายก่อนหน้าของนางได้บ้าง

ทว่ามู่เฉินก็ยังไม่ค่อยชอบใจนางจึงทำเพียงพยักหน้าเบาๆ รับฟังคำเตือนไว้

เมื่อฉื้อหงหวู่เห็นว่ามู่เฉินตอบกลับแบบไม่แยแส นางก็ขบฟันกระทืบเท้า ไม่อยากจะพูดอะไรอีกต่อไป นางหันกลับเดินจากไป ขณะเดียวกันก็กัดฟันพึมพำกับตัวเองว่า “หยิ่งต่อไปเถอะ! เมื่อไรที่เจ้าพบพวกเขา ข้าจะดูสิว่าเจ้ายังสามารถเอาชีวิตรอดไปได้หรือไม่!”

มู่เฉินมองร่างที่จากไปของฉื้อหงหวู่ ดวงตาก็หดเกร็งลง ไป๋ปิงไม่ได้เป็นหนึ่งในห้าอันดับแรกของเผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็ง ถ้าสิ่งที่นางพูดเป็นความจริงนั่นก็หมายความว่าพลังของเผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็งไม่อาจประมาทได้ สมควรกับเป็นเผ่าหงส์ฟ้าจริงๆ

“นางพูดความจริง พวกตัวน่าสยองไม่ได้อยู่ที่นี่วันนี้ ไม่งั้นสถานการณ์จะลำบากในการแก้ไขแล้ว” หานซันพยักหน้าพลางพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดลงหลายส่วน

มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ และยิ้ม “เส้นทางของการฝึกฝนเต็มไปด้วยศัตรูที่ทรงพลังทุกย่างก้าว หากเราคิดแต่จะหลีกเลี่ยง เส้นทางของเราก็ดูจะน่าเบื่อไปหน่อย”

หานซันอึ้งไปกับคำพูดของมู่เฉิน จากนั้นก็มองอีกฝ่ายด้วยสายตาแปลกประหลาด ก่อนที่เขาจะตอบว่า “พี่มู่มีความคิดเช่นนี้ ข้าหานซันนับถือจริงๆ”

ไม่เหลีกเลี่ยงในเส้นทาง ไม่รู้สึกหวาดกลัว สภาวะของจิตใจเช่นนี้เป็นวิถีแท้จริงในการฝึกฝนของยอดยุทธ์

มิน่าล่ะมู่เฉินถึงไม่กลัวอัจฉริยะของเผ่าอื่นๆ ทั้งที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นหก เวลานี้ในที่สุดหานซันก็เข้าใจ นี่ทำให้เขาต้องถอนหายใจ เขารู้สึกว่าอนาคตของชายคนนี้ไม่อาจหยั่งรู้ได้ ในเวลานั้นไม่ต้องพูดถึงเผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็ง แม้แต่เผ่าหงส์ฟ้าทั้งหมดก็ไม่คณนามือมู่เฉิน

เมื่อมั่วเฟิงเห็นว่าไป๋ปิงไปแล้ว สีหน้าก็ค่อยๆ กลับคืนสู่ปกติ เขามองมู่เฉินนิ่ง ลังเลก่อนพูดว่า “ขอบใจ แต่เรื่องนี้เจ้าต้องลำบากใจอะไร ข้าสามารถจัดการได้”

มู่เฉินยิ้มบาง “ข้าไม่ชอบให้คนอื่นลบหลู่เพื่อนข้า…”

ท่าทางของมั่วเฟิงแข็งทื่อไป จากนั้นก็หลุบตาลงด้วยแววตาซับซ้อน ก่อนที่จะพยักหน้าช้าๆ ไม่พูดอะไรอีก แต่มั่วหลิงที่คุ้นเคยกับนิสัยของพี่ชายดี นางรู้ว่าตอนนี้หัวใจของพี่ชายไม่สงบแน่นอน

ด้วยตัวตนของพวกเขา แม้แต่ในเผ่าวิหคโลกันตร์ก็แทบไม่มีใครเรียกพวกเขาว่าเพื่อน นี่ก็เป็นเหตุที่ทำให้มั่วเฟิงมีนิสัยเย็นชาเช่นนี้

มู่เฉินไม่คิดว่าคำพูดของเขาจะทำให้เกิดคลื่นในหัวใจของมั่วเฟิง เมื่อเขาพูดจบก็หันหลังกลับมองไปที่ต้นไม้หินเบื้องหน้าชายร่างผอมบาง

เมื่อครู่ของเหลวจื้อจุนห้าแสนหยดทำให้เขาได้รับแก่นเพลิงหงส์ฟ้า ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามาก ทำให้มู่เฉินรู้สึกสนใจเพิ่มขึ้น เนื่องจากเขารู้สึกได้คลุมเครือว่าสิ่งที่ชายร่างผอมได้มา ไม่ธรรมดาจริงๆ

แต่แค่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายดึงโชคไปทั้งหมดตอนพบสมบัติเหล่านั้นรึเปล่า ถึงทำให้ตัวเองได้แต่เฝ้าสมบัติไม่สามารถเปิดได้

เมื่อชายร่างผอมเห็นสายตาของมู่เฉินหัวใจก็สั่นสะท้าน หัวใจเขาแทบจะร่ำไห้เป็นสายเลือดเมื่อเห็นมู่เฉินได้รับแก่นเพลิงหงส์ฟ้าไป หากวัตถุนั่นอยู่ในมือเขาอาจสามารถขายได้ในราคาสูงเกือบล้านหยดของเหลวจื้อจุนเลยทีเดียว

“ทำไม? สหายยังคิดจะเสี่ยงโชคอีกเหรอ? ก่อนหน้านี้ข้าเห็นว่าวิธีการเปิดผนึกของเจ้าดูเหมือนค่อนข้างลึกซึ้งนะ” ชายร่างผอมหัวเราะฝืดๆ ขณะที่หยั่งเชิงถาม เมื่อสักครู่เขาเห็นวิธีการในการเปิดผนึกของมู่เฉิน ซึ่งชัดว่าโอกาสที่จะประสบความสำเร็จสูงกว่าการทำลายไม่น้อย

เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดนั่นก็หลีกเลี่ยงการตอบคำถาม “ก็แค่โชคดี”

จากนั้นเขาก็มองดูลูกผลึกแสงบนต้นไม้ ก่อนจะเหลือบตาไปหามั่วหลิง นางรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร สายตานางกวาดออกแล้วเหยียดมือออกชี้ไปที่ลูกผลึกแสงสามลูก

เมื่อมู่เฉินเห็น แรงดูดก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือ ลูกผลึกแสงทั้งสามที่มั่วหลิงระบุตกอยู่ในมือเขา จากนั้นเขาก็โยนขวดหยกออกไปโดยไม่ลังเลและยิ้ม “ของเหลวจื้อจุนรวมหนึ่งล้านห้าแสนหยด ขอบคุณมาก”

ชายร่างผอมเห็นว่ามู่เฉินเด็ดขาดเพียงใด เปลือกตาก็กระตุก ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ลูกผลึกแสงทั้งสามที่มู่เฉินเลือกเอาไป เขามีความรู้สึกว่าสมบัติที่มีราคาสูงสุดถูกมู่เฉินหยิบเอาไปหมดแล้ว

ทว่าแม้ในหัวใจจะไม่เต็มใจเพียงใด เขาก็ได้แต่ยิ้มภายใต้การจ้องมองของมู่เฉิน รับขวดหยกด้วยรอยยิ้มที่ไม่น่าดู

หลังจากเป็นประจักษ์พยานกับวิธีการของมู่เฉิน เขาก็รู้แล้วว่ามู่เฉินไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา อย่าไปหาเรื่องคนเช่นนี้ซะจะดีกว่า

ขณะที่คิด ชายร่างผอมก็ทนต่อความร้าวรานในหัวใจ ตัดสายพลังงานที่ติดอยู่กับลูกผลึกแสง

ลูกผลึกแสงสามลูกพลิ้วลงในมือ มู่เฉินก็โยนขึ้นเบาๆ เขาเป็นกังวลในหัวใจ เนื่องจากเขาได้ใช้จ่ายของเหลวจื้อจุนที่มีแทบทั้งหมดไปแล้ว แต่ตอนนี้เขาได้แต่เลือกที่จะเชื่อในความสามารถพิเศษของมั่วหลิง หวังว่าวัตถุในลูกผลึกแสงทั้งสามจะมีค่าสูงกว่าราคาล้านห้าแสนหยดได้จริงเถอะ…

ไม่งั้นครั้งนี้เขาขาดทุนย่อยยับแน่