“จะบอกว่าฝ่าบาทโง่ก็พูดมาเถอะ คราวที่แล้วผู้เฒ่าหุยก็ด่าต่อหน้าฝ่าบาทว่าปัญญาอ่อน เป็นทายาทจอมล้างผลาญ ฝ่าบาทก็ยังรับฟังคำสั่งสอนด้วยความเคารพ เจ้าจะบอกว่าฝ่าบาทไม่รู้จักการจัดการก็พูดมา เรื่องเมล็ดพันธุ์ข้าเป็นคนทำให้เสียเรื่องเอง ใครจะไปรู้ว่าผลผลิตสูงแต่ว่าไม่อร่อย ปีหน้าพวกเราค่อยไปแลกกลับมา เส้นบะหมี่ไม่เหนียวนุ่มยังจะเรียกว่าเส้นบะหมี่ได้อีกหรือ”
“ฝ่าบาทได้สร้างโกดังเก็บเสบียงอาหารเพื่อเตรียมอาหารสำหรับปีที่ต้องเผชิญกับภัยพิบัติ ต่อให้ฝางเสวียนหลิงมีแปดหัวก็คิดไม่ถึงว่าจะมีคนทำกำไรได้เช่นนี้ หากไม่ผิดกฎหมายก็สามารถดำเนินการได้ การที่พวกชาวบ้านทำเช่นนี้ถือว่าคาดการได้ดีเลยทีเดียว มีเหตุผลและรากฐานที่ดี ไม่สามารถหาเหตุผลมาโต้แย้งได้ ต่อให้เรื่องไปถึงราชสำนัก ฝ่าบาทก็คงไม่มีอะไรจะพูด บอกได้เพียงแต่ว่าเจ้าหน้าที่ตั้งกฎได้ไม่รอบคอบ ท่านผู้เฒ่า หากต้องการจะเปลี่ยนเสบียงอาหารก็เร่งมือเข้า หลังจากที่ข้ากลับไปจะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทฟัง หากช้าก็จะไม่สามารถเอาเปรียบได้เช่นนี้อีกแล้ว”
ชายเฒ่ายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ชาวนาธรรมดากลับดุเหมือนมีแผนการชั่วร้ายอยู่ในหัว “ท่านเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบใช่หรือไม่ แค่ดูเครื่องแบบก็รู้แล้ว ไม่ได้ดูดีเท่าชุดสีแดงเหมือนของท่านโหวของข้า ท่านสวมชุดสีเขียวอ่อน ตำแหน่งต้องต่ำกว่าระดับเจ็ดแน่นอน วันนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ท่านก็ต้องรีบกลับไปที่ฉางอัน คงจะไม่ได้เจอขุนนางชั้นสูง หากท่านไปที่โกดังก็คงไม่ได้เจอผู้ดูแลแต่จะว่าไปต่อให้ท่านเจอผู้ดูแล เขาก็จะไม่ไว้หน้าท่าน เพราะหน้าที่รับผิดชอบของเขาก็คือนำเสบียงอาหารชั้นดีไปเก็บไว้ในคลังเสบียง
ธัญพืชของข้าเมล็ดใหญ่ เมล็ดเต็ม สีสวย และเป็นของใหม่ พ่อบ้านชอบเป็นอย่างมาก ข้าทำเรื่องนี้โดยไม่ได้ปิดบังใคร เจ้าคิดว่าผู้ดูแลคลังเสบียงไม่รู้หรืออย่างไร ข้านำเสบียงเข้าและออกจากคลังเสบียงในราคาที่ยุติธรรม ผู้ดูแลเคยถามไปแล้ว เมื่อได้ยินก็เพียงแค่หัวเราะ ไม่ได้เก็บไปใส่ใจ แล้วยังชมว่าข้าฉลาดอีกด้วย พรุ่งนี้ให้ข้าเอาเสบียงไปแลกกับเขาอีก พรุ่งนี้ข้าจะออกเดินทางในยามสี่ พอรุ่งสางก็ไปถึงคลังเสบียงพอดี ในตอนนั้นขุนนางอย่างท่านน่าจะกำลังประชุมที่ราชสำนัก หากเจ้าไปรายงานหลังจากประชุมราชสำนักแล้ว เสบียงอาหารของข้าก็คงขายหมดไปนานแล้ว ถ้าหากราชสำนักมีเรื่องที่ต้องหารือมากมายในตอนเช้า หากรอให้เจ้านำคำสั่งไปที่คลังเสบียง ข้าก็กลับบ้านไปตั้งนานแล้ว ต่อให้เจ้าออกคำสั่งมาอีกครั้งมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า
และแน่นอนว่าหากท่านมีตำแหน่งเดียวกันกับท่านโหวของข้า ข้าคงทำได้เพียงยอมแพ้ ต่อให้เจ้ารีบขี่ม้าเข้าวังหลวงไปทุบประตูศาลให้ขุนนางชั้นสูงออกหมายจับ ข้าก็คงหมดสิ้นหนทางแล้ว แต่ว่าท่านโหวของข้าจะช่วยท่านอย่างนั้นหรือ”
หวงอวี่แทบจะกระโดดขึ้นมาด้วยความโมโห ชายเฒ่าที่ไม่รู้หนังสือ แต่กลับรู้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับกระบวนการทำงานของศาลเช่นนี้ นี่มันน่ากลัวเสียจริง แม้แต่คนที่เคยเรียนหนังสือมาบ้างก็ยังไม่เข้าใจเท่าเขา หันกลับไปมองอวิ๋นเยี่ย ดูว่าเขาจะพูดอย่างไร
อวิ๋นเยี่ยหันไปพูดกับหวงอวี่ด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด “เมื่อครู่ไม่รู้ว่ากินอะไรไม่ดีเข้าไปหรือไม่ รู้สึกปวดท้อง ข้าต้องการพักผ่อนสักหนึ่งวัน” พูดจบอวิ๋นเยี่ยและชายเฒ่าก็เอามือกุมท้องแล้วหัวเราะเสียงดัง
หวงอวี่ชะงักไป ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา ชายเฒ่าไม่ได้ทำผิดอะไร แล้วก็ไม่จำเป็นต้องไปขัดขวาง นอกจากนี้ก็เหมือนกับที่ชายเฒ่าบอกว่าทุกอย่างคงสายเกินไปแล้ว จะว่าไปการมาลาดตระเวนในหมู่บ้านก็เป็นเรื่องสมควรที่ต้องทำแล้ว
ชายเฒ่ายิ้มอย่างมีความสุข ภาคภูมิใจที่ตัวเองได้ค้นพบเคล็ดลับด้านโชคลาภโดยบังเอิญ ลูกสะใภ้ยกฝักถั่วเหลืองมาหนึ่งจานแล้วพูดเบาๆ ว่าจานนี้เติมเกลือมาแล้ว
ชายเฒ่ามองดูลูกสะใภ้ที่เดินเข้าไปในห้อง ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เด็กที่มาจากหมู่บ้านอื่น ยังมีความขี้เหนียวอยู่บ้าง มีแขกมาบ้านก็ต้องใส่เครื่องเทศไปด้วยจึงจะดี เพียงแต่ว่าเด็กสาวในหมู่บ้านแต่งงานกันหมดแล้ว ตอนที่เจ้าสองของข้าจากไปเขาก็ไม่พอใจกับงานแต่งครั้งนี้ ข้าเป็นคนตัดสินใจเอง ตอนนี้ดูแล้วเด็กสาวที่มาจากต่างหมู่บ้านมาเป็นเจ้าบ้านแย่ยิ่งกว่าเด็กสาวในหมู่บ้านเราเสียอีก ช่างเถิด ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถิด รอให้เจ้าสองของข้ากลับมาก็ค่อยๆ สอนเขาก็พอแล้ว”
ทั้งสามคนนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะ ฝักถั่วเหลืองถูกต้มจนนิ่ม มีรสเค็ม เมื่อกินเข้าไปรสชาติไม่เลวเลยทีเดียว หวงอวี่ถามชายเฒ่าเกี่ยวกับการเก็บเกี่ยวในช่วงปีนี้และรายได้ในครอบครัว
ชายเฒ่าเป็นคนชัดเจน เมื่อเห็นท่านโหวไม่ดื่มเหล้าแรงๆ ของตัวเอง ขุนนางหนุ่มก็ยังปฏิเสธบอกว่ากำลังปฏิบัติหน้าที่ไม่สามารถดื่มได้ มีเพียงตัวเองที่กระดกจนหมดจอก กินฝักถั่วเหลืองต้มไปสองฝักแล้วถามขุนนางว่า “เจ้าไม่ควรมาที่ภูเขาอวี้ซัน พวกเรารู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ภูเขาอวี้ซันเป็นสถานที่ที่มีกฎเกณฑ์ กฎของราชสำนักคือกฎที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่เหลือก็เป็นกฎของหมู่บ้าน แล้วยังมีขนบธรรมเนียบประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดมาจากคนรุ่นก่อนอีกด้วย พวกเราต้องปฏิบัติตามสิ่งเหล่านี้ ที่เหลือก็ต้องดูตามจิตใจของเหล่าชาวบ้าน ส่งบรรพบุรุษ เลี้ยงดูลูกหลาน ดูแลเรื่องอาหารเครื่องแต่งกายของภรรยา ถือว่าพวกเราทำได้ดีแล้ว ที่เหลือก็เพียงแค่ดำรงชีวิตให้ดียิ่งขึ้นจึงจะสมกับพระมหากรุณาธิคุณที่ฝ่าบาทมาเยี่ยมหมู่บ้าน
เมื่อห้าปีที่แล้วข้าไม่กล้าคิดว่าจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีเหมือนตอนนี้ สองปีที่แล้วทุกบ้านยังเอาเนื้อมาคล้องที่ข้อมือเพื่อแสร้งทำเป็นว่ารวย ตอนนี้ไม่ว่าบ้านใครก็มีเนื้อเยอะแยะมากมายให้กิน คนขายเนื้อตอนนี้รู้จักเอาสัตว์ที่ผอมแล้วก็กระดูกไปขายที่หมู่บ้านตระกูลอวิ๋น แล้วนำสัตว์ที่อ้วนไปขายในเมือง ต่างก็ได้ราคาดีกันทั้งสองฝ่าย
ส่วนเสบียงที่ปลูกได้มาจากเมล็ดใหม่ไม่อร่อย? พระเจ้า หลายปีก่อนหน้านี้ใครจะกล้าบ่น ได้กินข้าวสักคำก็ถือว่าเป็นบุญคุณแล้ว ไม่เห็นสนใจว่าเมล็ดพันธุ์ดีไม่ดี เมื่อก่อนข้าเคยอิจฉาคนที่อาศัยอยู่ในฉางอัน การที่ลูกสาวได้แต่งงานเข้าไปอยู่ในเมืองก็เหมือนกับได้อยู่ในรังแห่งความสุข ตอนนี้มีคนโง่เท่านั้นที่จะทิ้งกิจการครอบครัวแล้วเข้าไปอยู่ในเมือง บางคนในเมืองอยากจะให้ลูกสาวแต่งงานมาอยู่ที่นี่ ก็ต้องดูว่าพวกเด็กๆ ในหมู่บ้านจะเต็มใจหรือไม่ ตอนนี้เด็กๆ เริ่มไม่รู้ความกันแล้ว จะแต่งงานกับผู้หญิงสักคนก็จะเลือกแต่งกับคนในหมู่บ้านตัวเอง หากผู้หญิงแต่งออกไปหมดแล้ว ก็ส่งแม่สื่อตระเวนไปแปดสิบลี้เพื่อหาหญิงสาวหน้าตาดีมาแต่งงานโดยเฉพาะ ไม่แต่งกับคนที่รู้จักเอาการเอางาน ทั้งหมดได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว วันเวลาหลายปีข้าไม่กล้านึกถึงวันเก่าๆ ทั้งหมดเป็นเพราะท่านโหวนำความสุขมาให้ คิดถึงปีนั้นที่ท่านโหวบังคับให้ทุกคนเลี้ยงหมูแล้วยังโดนด่า…”
ระหว่างทางกลับไปจวนตระกูลอวิ๋น หวงอวี่ก็เอาแต่มองอวิ๋นเยี่ยที่เดินอยู่ข้างๆ ตอนที่รู้ว่ารายได้ต่อเดือนของครอบครัวชาวนานั้นสูงกว่ารายได้ของตำแหน่งขุนนางของตัวเอง เขาก็รู้สึกประหลาดใจในตัวอวิ๋นเยี่ยเป็นอย่างมาก อวิ๋นเยี่ยอายุรุ่นราวคราวเดียวกับตัวเอง แต่กลับทำเรื่องที่ตัวเองตามไม่ทัน อายุยังน้อยก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นท่านโหว มันไม่ง่ายเลย
ก้าวเข้าไปในตระกูลอวิ๋นก็ได้เห็นคนรับใช้ผู้ชั่วร้ายนั่งยองๆ กินแตงกวาอยู่ที่ประตู พ่อบ้านยืนมองอยู่ข้างๆ เอาแต่เตะเขาไม่หยุด คนที่ชื่อท่านเป่าก็ไม่ได้ตอบโต้ พอถูกเตะก็เกาที่ก้นแล้วก็ก้มกินแตงกวาต่อ ดูจากเมล็ดแตงกวาที่หล่นอยู่คาดว่าคงกินไปไม่น้อย
“เกิดอะไรขึ้นกับหลิวจิ้นเป่า” สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าช่างแปลกเหลือเกิน หลิวจิ้นเป่าไม่ชอบกินผลไม้เท่าไหร่ เขาชอบกินเนื้อมากกว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขามานั่งกินแตงกวาอยู่คนเดียว
“เจ้าบ้านี่อยู่ดีไม่ว่าดีก็เอาเงินไปเล่นพนันที่ฉางอัน พอหมดตัวก็กลับมา นึกขึ้นได้ว่าภรรยาของเขาจะซื้อแตงกวาให้ลูก แต่ในกระเป๋าไม่มีเงินเหลือเลย เจ้าบ้านี่กลัวเสียหน้าก็เลยไม่ไปยืมคนอื่น ดื่มเหล้าแก้เซ็งไปสองจอกแล้วตัวเองก็ไปที่ตลาดขอติดเงินค่าแตงกวาไว้ก่อน นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่อาจจะเป็นเพราะคำพูดของพ่อค้าหาบเร่ไม่น่าฟังเท่าไหร่ เขาจึงต่อยพ่อค้าผู้นั้นจนฟันร่วงแล้วก็ไปทุบทำลายแผงลอยของเขา พ่อแม่ของเขาได้มาเอาเรื่อง ฮูหยินโกรธมาก หลังจากให้เงินชดใช้แล้วก็เงินค่ารักษา ฮูหยินจึงซื้อแตงกวาตะกร้าใหญ่มาให้เขากินเสียให้พอ ขายขี้หน้าเสียจริง”
หลิวจิ้นเป่าอายจนแทบจะมุดหัวเข้าไปในกางเกง อวิ๋นเยี่ยหัวเราะแล้วพูดว่า “ในเมื่อสำนึกผิดแล้ว เช่นนั้นก็พอเท่านี้เถิด การลงโทษโดยการให้กินแตงกวามันเป็นโทษที่เบาสำหรับเขาเกินไป เหล่าเฉียนดูไว้ให้ดี ห้ามเขาดื่มเหล้าเป็นเวลาหนึ่งเดือน การทุบทำลายแผงลอยของพ่อค้าหาบเร่สมควรถูกลงโทษ หากเจ้าจะทุบเจ้าก็ควรไปทุบบ่อนพนัน พรุ่งนี้นำคนไปทุบบ่อนพนันเสีย ก็แค่บ่อนพนันที่ตลาดตะวันตก หลิวจิ้นเป่า ข้าไม่เชื่อว่าคนอย่างเจ้าจะทำไม่ได้”
หลิวจิ้นเป่าเงยหน้าขึ้นมาด้วยความอับอายแล้วพูดว่า “ท่านโหว ท่านถูกกักบริเวณอยู่ ข้าน้อยกลัวว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้ท่าน เงินหมดแล้วก็ให้มันหมดไป ที่ข้ากลับมาเพราะว่าการกินแตงกวาไม่ได้ช่วยคลายความโกรธได้ ข้าน้อยสาบานได้ว่า ข้าต่อยพ่อค้าหาบเร่ผู้นั้นเบาๆ ไม่กล้าลงแรงเยอะ ในเมื่อท่านโหวบอกว่าไม่เป็นไร พรุ่งนี้ข้าน้อยจะไปทำลายบ่อนพนันมืดแห่งนั้น เพียงแต่ว่าข้าได้ยินมาว่าบ่อนพนันแห่งนั้นมีองค์หญิงหลานหลิงเป็นหุ้นส่วน ท่านกับองค์หญิงหลานหลิงมีสัมพันธไมตรีที่ดีมาตลอด ดังนั้นข้าน้อยจึงได้อดทนไว้”
อวิ๋นเยี่ยรู้ว่าหลิวจิ้นเป่าไม่ใช่คนที่ชอบรังแกคนอ่อนแอ แต่ว่าองค์หญิงหลานหลิงที่อายุเพียงสิบขวบก็รู้จักมีหุ้นส่วนแล้วหรือ ช่างน่าแปลกเสียจริง การอบรมสั่งสอนของหลี่ซื่อหมินที่มีต่อลูกสาวของเขานั้นหละหลวมเกินไปแล้ว
หวงอวี่เห็นคนรับใช้ผู้ชั่วร้ายถูกลงโทษจึงไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก แต่เมื่อได้ยินว่าองค์หญิงหลานหลิงเปิดบ่อนพนันส่วนตัวจึงทำให้เขาเบี่ยงเบนความสนใจไปที่เรื่องนี้ เมื่อครู่กำลังจะบอกว่าตัวเองเตรียมที่จะฟ้องร้องแต่ก็ถูกอวิ๋นเยี่ยห้ามไว้ อวิ๋นเยี่ยพูดกับเขาว่า
“องค์หญิงหลานหลิงอายุเพียงสิบขวบ เรื่องนี้ต้องเป็นเพราะคนรอบตัวนางยืมชื่อนางไปหลอกลวงคนอื่น เจ้าอย่าได้ฟ้องร้อง การทำเช่นนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อเด็กคนนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว การจัดการของฮองเฮาจะทำให้หลานหลิงทรมานอย่างแน่นอน ไปทุบบ่อนพนันเลยก็พอ เปิดหนึ่งที่ก็ทุบหนึ่งที่ ทุบจนนางเลิกเปิดบ่อนค่อยหยุด ไม่จำเป็นต้องทำให้อึกทึกครึกโครม มันไม่ใช่เรื่องดีเลยหากเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ว่าข้าไม่เป็นไร อยากทุบก็ทุบไป ฝ่าบาทและฮองเฮาไม่มีทางรู้สึกขุ่นเคือง เจ้าคงไม่รู้ว่าหลานหลิงเป็นราชินีปีศาจน้อยที่อยู่ในวัง ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี หากเจ้าถูกนางหมายหัว อนาคตของเจ้าไม่เป็นสุขอย่างแน่นอน”
ใช้คำพูดมากมายในการเกลี้ยกล่อมหวงอวี่ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความยุติธรรม บอกให้พ่อบ้านไปเตรียมบะหมี่เนื้อมาสองที่ หวงอวี่หิวมาทั้งวันแล้ว จากนั้นบะหมี่เนื้อหน้าตาน่ากินก็ถูกยกมา ไม่ต้องเกรงใจอะไรกันแล้ว ซดไปซดมาก็หมดไปสามชามได้ บะหมี่ชามสุดท้ายถูกวางลงบนโต๊ะ เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “ช่างมีความสุขเสียจริง วันนี้หวงอวี่กินบะหมี่ของอวิ๋นโหว ภายภาคหน้าข้าจะไม่ทำผิดต่อความพยายามที่ยากลำบากของอวิ๋นโหวอย่างแน่นอน ในชาตินี้ข้าคงไม่มีวันเข้าใจการใช้เล่ห์เหลี่ยม แต่ต่อไปข้าจะทำความเข้าใจความเป็นมาของทุกอย่างอย่างชัดเจนก่อนแล้วจึงยื่นเรื่องฟ้องร้อง เรื่องขององค์หญิงหลานหลิ่งขอให้อวิ๋นโหวลงมือในเร็ววัน มิเช่นนั้นวันที่ข้ากลับเมืองหลวงจะเป็นวันที่หลานหลิงถูกฟ้องร้อง ข้าจะไม่ยอมปล่อยนางเพียงเพราะนางอายุน้อย แล้วก็จะไม่ยอมถอยเพียงเพราะนางได้รับการสนับสนุนจากฝ่าบาทและได้รับความรักจากฮองเฮา หลังจากสิบวันหากยังคงมีบ่อนพนันที่อยู่ภายใต้อำนาจขององค์หญิง ข้าจะตักเตือนอย่างแน่นอน”
เมื่อพูดจบก็ไม่ได้บอกลา เพียงแค่โค้งคำนับอวิ๋นเยี่ยแล้วหันหลังเดินจากไป ในมืออวิ๋นเยี่ยยังคงถือข้าวอยู่ครึ่งชาม ค่อยๆ กินจนหมดจึงได้วางตะเกียบลง ถอนหายใจแล้วพูดกับตัวเองว่า “นี่พึ่งจะเป็นคนแรก แล้วเมื่อไหร่จึงจะสิ้นสุด” ไม่มีใครตอบเขาได้ เหล่าเฉียนมักจะคิดว่าวันนี้ท่านโหวไม่ค่อยมีแรง แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
ในอ่างบัวด้านทิศตะวันออกของลานมีดอกบัวสีชมพูค่อยๆ โผล่ขึ้นมา ดอกไม่ใหญ่มากนัก มีขนาดเล็กเพียงแค่กำปั้นของอวิ๋นน้อย เอนไปข้างขอบอ่างอย่างเขินอาย อวิ๋นเยี่ยอยากจะย้ายดอกบัวไปไว้ตรงกลางอ่าง ลองย้ายสองครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ มันยังคงค่อยๆ ขยับมาที่ข้างอ่างเหมือนเดิม…