ตอนที่ 1939

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,939 : มาตรการฉุกเฉิน!

 

“ข้า หยางชง! อาวุโสลำดับ 5 แห่งวังอุดรไพศาล พูดคำไหนคำนั้น!!”

 

ยามกล่าวประโยคนี้แววตาอันท่วมท้นไปด้วยจิตสังหารอำมหิตของมันนั้น…ช่างน่ากลัวปานมันจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน!

 

หลังจากกล่าวจบแล้วมันก็มองเพ่งไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอาฆาตลึกล้ำ ก่อนที่มุมปากจะยกฉีกยิ้มแสยะออกคราหนึ่ง ค่อยหันหลังจากไป

 

อย่างที่มันพูด

 

หากต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์มากพรสวรรค์ของลัทธิบูชาไฟ มันย่อมไม่กล้ายกเรื่องครอบครัวของต้วนหลิงเทียนขึ้นมาข่มขู่อะไรแบบนี้

 

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนเป็นเพียงศิษย์ดาษๆของลัทธิบูชาไฟที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองเท่านั้น…

 

ศิษย์ของลัทธิบูชาไฟระดับนี้ถึงแม้จะถูกคนนอกขู่ข่ม แต่ลัทธิบูชาไฟย่อมไม่สืบสาหาความอันใด ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่คนกล่าวข่มขู่เป็นถึงอาวุโสลำดับ 5ของวังอุดรไพศาล อันเป็นขุมพลังอันดับ 1 ของภูมิภาคเบื้องบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าด้วยซ้ำ!

 

“เฮอะ!”

 

หลังจากหยางชงเหินร่างจากไป หลี่อันก็ถลึงตามองต้วนหลิงเทียนทั้งทิ้งคำสบถไว้คำหนึ่งค่อยเหินร่างจากไปอีกคน ไม่คิดอยู่ต่อปากต่อคำอะไรกับต้วนหลิงเทียนอีก

 

อย่างไรก็ตามเวลานี้มันยังจะพูดอะไรได้?

 

มันย่อมไม่กล้าพูดอะไรอีก!

 

ข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับคนนอกรังแกคนในของลัทธิบูชาไฟ…อาชญากรรมเช่นนี้มีโทษหนักหนาสาหัสนัก! กระทั่งมันที่เป็นถึงอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬก็ไม่อาจแบกรับได้ไหว!

 

“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนช่างยอดเยี่ยมนัก!”

 

หลังจากที่หลี่อันกับหยางชงจากไปแล้ว เหล่าศิษย์แท่นบูชาไฟที่อยู่ในเหตุการณ์หลายคนอดไม่ได้ที่จะกล่าวชมพร้อมยกนิ้วโป้งให้ต้วนหลิงเทียน

 

ความแข็งข้อไม่โอนอ่อนยอมสยบต่ออำนาจมิชอบของต้วนหลิงเทียน นับว่าทำให้พวกมันเปิดหูเปิดตาแล้ว!

 

แน่นอนว่ายังมีเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่ไม่ได้กล่าวอะไร กลับมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเป็นห่วงแทน

 

พวกมันย่อมพบได้ไม่ยากว่าสีหน้าของต้วนหลิงเทียนได้เปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง…

 

ในไม่ช้าพวกมันก็ตระหนักกันได้ชัดเจนว่าวาจาข่มขู่ที่หยางชงให้ไว้เมื่อครู่ ดูเหมือนจะมีผลกระทบต่อต้วนหลิงเทียนพอสมควร!

 

“ดูเหมือนศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนจักมิใช่หมาป่าเดียวดาย! หากเป็นหมาป่าเดียวดายตัวคนเดียว…ไหนเลยวาจาข่มขู่จะทำร้ายครอบครัวของหยางชงจักมีผลกระทบได้ แต่ตอนนี้…”

 

“ภัยคุกคามจากหยางชงนั้นช่างต่ำช้าไร้ยางอายนัก…แม้ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนจักไม่ใช่ศิษย์มากพรสวรรค์ของลัทธิบูชาไฟเรา แต่หยางชงก็ไม่อาจทำอะไรศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนตรงๆได้…ทว่ากับครอบครัวของศิษย์พี่ไม่ใช่”

 

“นั่นสิ หากศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนมีครอบครัวจริงๆ เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ยากแก้ไขแล้ว”

 

“เหี้ยมโหดนัก! นี่มันจักเหี้ยมโหดเกินไปแล้ว”

 

“มีคำกล่าวที่ว่า บาดหมางคนมิแตะต้องครอบครัว…หยางชงนั่นมันล้ำเส้นแล้ว!”

 

 

เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬเริ่มมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตายังเผยอาการเห็นใจและรู้สึกช่วยไม่ได้ขึ้นมา

 

ในสายตาของพวกมัน

 

หากต้วนหลิงเทียนมีครอบครัวและญาติสนิทมิตรสหายจริง และหยางชงตัดสินใจลงมือกับคนเหล่านั้น…เรื่องนี้นับว่าเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกจริงๆ ต้วนหลิงเทียนคงไร้หนทางป้องกันภัยให้ครอบครัวได้…

 

ต้วนหลิงเทียนที่ยังคงลอยร่างบนฟ้าสูงแม้ร่างกายจะนิ่งเงียบงัน หากแต่ใบหน้ากลับเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา

 

ตอนนี้ในหูของเขา วาจาเหล่านั้นของหยางชงยังคงดังก้องซ้ำไปซ้ำมา

 

“ถูกแล้ว! ตราบใดที่เจ้าต้วนหลิงเทียนยังหดหัวอยู่ในลัทธิบูชาไฟ แม้วันนี้ข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้…แต่เจ้ารับประกันได้หรือไม่…ว่าญาติสนิทมิตรสหายทั้งครอบครัวอันใดของเจ้า ข้าหยางชงจะแตะต้องไม่ได้?”

 

“ข้าเชื่อว่าด้วยไหวพริบปฏิภาณของเจ้า ย่อมรู้ดีว่าในฐานะผู้อาวุโสลำดับ 5 แห่งวังอุดรไพศาลของข้า ข้าย่อมมีเส้นสายและกลวิธีมากมาย ย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่ข้าจะสืบค้น ‘ภูมิหลัง’ ของเจ้า!”

 

“น่าเสียดายที่เจ้ากลับไม่รับโอกาสที่ข้ามอบให้ภายในเวลาที่กำหนด นั่นเท่ากับเจ้าตัดโอกาสในการปกป้องญาติสนิทมิตรสหายและครอบครัวของเจ้าทิ้งเอง! ข้าล่ะเสียใจแทนพวกมันจริงๆ ที่มีคนอย่างเจ้าเป็นสหายและครอบครัว!!”

 

“ต้วนหลิงเทียน ต่อให้ชาตินี้เจ้าจะหดหัวอยู่ในลัทธิบูชาไฟไปตลอดกาล แต่ข้าจะให้คนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าทุกคนมันทุกข์ทรมานจนตายเสียดีกว่าอยู่! และจักมอบความเจ็บปวดทรมานของการสูญเสียทุกคนในชีวิตให้เจ้าได้ลิ้มรส!!”

 

……

 

เขารู้ดีแก่ใจว่าหยางชงไม่ได้ล้อเล่น!

 

ผ่านไปพักหนึ่งต้วนหลิงเทียนก็ดึงสติจากภวังค์คิด ภายใต้สายตาของทุกคนที่มองมาอย่างเป็นห่วงเขาก็หันหลังและเหินร่างย้อนกลับไปยังเรือนชั้นรองที่พักอยู่ ในที่สุดแผ่นหลังเขาก็หายลับไปต่อหน้าต่อตาผู้คน

 

หลังจากนั้นเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬก็ทยอยกันแยกย้ายจากไป

 

อย่างไรก็ตามในขณะที่พวกมันแยกย้ายกันไป ‘หัวข้อ’ สนทนาของพวกมันก็ยังคงวนเวียนอยู่กับต้วนหลิงเทียนไม่ห่าง รวมถึงเรื่องที่หยางชงข่มขู่จะเล่นงานครอบครัวของต้วนหลิงเทียนด้วย

 

หยางชง ในฐานะอาวุโสลำดับ 5 แห่งวังอุดรไพศาล ย่อมมีความสามารถล้างแค้นด้วยการไปลงกับครอบครัวของต้วนหลิงเทียนจริงๆ!

 

เรื่องนี้ไม่มีใครสงสัยเลย

 

“สมน้ำหน้าเจ้า”

 

จางจี้ที่ร่างส่ายโอนเอนไปมาจนต้องพิงประตูเรือนชั้นรองอีกหลัง แม้ร่างกายของมันจะยังคงเจ็บปวดไปทั้งตัว แต่ใบหน้าของมันก็เผยความสุขความยินดีหลังได้เห็นหยางชงข่มขู่ต้วนหลิงเทียนนัก!

 

ต้วนหลิงเทียนเอาชนะมันต่อหน้าผู้คนมากมายวันนี้ย่อมทำให้มันอับอายขายหน้า เป็นความอัปยศอย่างถึงที่สุด!

 

หลังผ่านการต่อสู้วันนี้แล้วมันก็มองต้วนหลิงเทียนเป็นดั่งศัตรูคู่อาฆาต! หากวันหน้ามันมีโอกาสล่ะก็ มันย่อมไม่มีวันปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป!

 

มันเชื่อว่าด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวเข้มของมัน เป็นเรื่องที่ง่ายดายนักที่จะมีพลังฝีมือก้าวล้ำเหนือต้วนหลิงเทียน

 

เกิดจางจี้รู้ว่าที่แท้พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนยามนี้หาใช่รากวิญญาณสีเหลืองอีกต่อไปแต่เป็นสีเขียวเข้มเหมือนกับมันล่ะก็…สีหน้าของมันต้องน่าดูชมแน่นอน!

 

หลังจากที่กลับมาถึงห้องพักในเรือนชั้นรองแล้ว ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนก็ยังคงฉายความเคร่งเครียดไม่ห่างหาย

 

อย่างไรก็ตามหลังผ่านไปพักหนึ่งในที่สุดเขาก็สงบสติอารมณ์ได้

 

“หยางชงนั่นมันต่ำช้าสารเลวนัก!”

 

หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวคำด่าทอหยางชงออกมา

 

ขณะเดียวกันไอพลังร้ายกาจขุมหนึ่งก็แผ่ซ่านออกมาทั่วกายพาลให้บรรยากาศในห้องเย็นลงถนัดตา

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนโมโหนัก!

 

เขาไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าหยางชงในฐานะอาวุโสลำดับ 5 แห่งวังอุดรไพศาล ซึ่งนับเป็นยอดฝีมือที่มีผู้นับหน้าถือตาในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบนไม่น้อย จะกล้ากล่าววาจาข่มขู่ว่าจะล้างผลาญครอบครัวเขาท่ามกลางผู้คน!

 

ตอนนี้ใจต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความโมโหคับแค้น หากแต่ไม่อาจหาที่ระบายได้

 

‘แต่จะอย่างไร…เรื่องที่หยางชงมันบอกว่าจะสืบค้นภูมิหลังของข้า ก็คงไม่ใช่เรื่องที่มันจะกระทำได้โดยง่าย เพราะอย่างไรข้าก็มาจากภูมิภาคเบื้องล่าง ไม่ได้มีพื้นเพเป็นคนในภูมิภาคเบื้องบน’

 

เมื่อคิดถึงจุดนี้อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนค่อยสงบลงได้อีกครั้ง

 

แน่นอนว่านี่ก็เป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น

 

ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนของภูมิภาคเบื้องบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า แต่เพราะเขาเคยถือครองตราผนึกมาร และผู้คนจำนวนมากในภูมิภาคเบื้องบนก็รู้เรื่องนี้ดี สักวันหยางชงมันต้องเอะใจและเชื่อมโยงเรื่องราวความเป็นมาของเขาจากชื่อเขาได้แน่…

 

“โชคยังดีที่ข้าไม่ได้ใช้หน้าตาที่แท้จริงของตัวเองที่นี่…”

 

เมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาตัดสินใจแปลงโฉมเข้าร่วมลัทธิบูชาไฟตั้งแต่แรก ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกว่าการรอบคอบครั้งนี้ช่วยเอาไว้ได้มาก

 

แต่แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าหยางชงจะไม่ลองลงไปยังภูมิภาคเบื้องล่างเพื่อสืบค้นข้อมูลที่แน่ชัด และไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีวันค้นพบฐานะที่แท้จริงของเขาในฐานะนายน้อยตำหนักเมฆาครามที่ภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!

 

ด้วยอำนาจของหยางชงไม่ช้าก็เร็วมันต้องขุดคุ้ยเรื่องของเขาได้แน่ นี่เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น…

 

และเป็นไปได้สูงที่หากหยางชงมันทราบตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้ว ตำหนักเมฆาคราม ที่อยู่ภูมิภาคเบื้องล่างคงได้เกิดการนองเลือดครั้งใหญ่ สายธารโลหิตคงชุ่มโชกชโลมดิน!

 

บิดามารดาของเขา…กระทั่งภรรยาและลูกน้อยที่เขาใส่ใจ…

 

น่ากลัวคงได้ตายโดยไม่เหลือศพให้กลบฝัง!

 

พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาต้วนหลิงเทียนที่สงบก่อนหน้าก็หวาดกลัวทั้งร้อนใจขึ้นมาอีกครั้ง

 

“ภารกิจที่เร่งด่วนที่สุดตอนนี้คือต้องแก้ไขภัยซ่อนเร้นนี่ให้ได้ก่อน…ก่อนที่จะมีวิธีปกปิดความเป็นมาของข้าได้อย่างสมบูรณ์ ข้าต้องจัดการเรื่องราวนี้ให้ดี!”

 

หลังจากพยายามสงบสติอารมณ์ลงอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็เร่งติดต่อไปหาผู้เฒ่าหั่วก่อนอื่นใด ยิงคำถามออกไปด้วยความกังวลอย่างไม่รอช้า “ผู้เฒ่าหั่ว ท่านพอมีทักษะอันใดที่สามารถปกปิดหรือต้านทานทักษะควาญวิญญาณได้หรือไม่?”

 

ตอนนี้ที่ต้วนหลิงเทียนกังวลที่สุดก็คือทักษะควาญวิญญาณ!

 

หากหยางชงหรือหลี่อันมันสบโอกาสใช้ทักษะจำพวกสืบค้นวิญญาณอะไรทำนองนี้ใส่เขาโดยที่ไม่เลือกวิธีการขึ้นมาล่ะก็…ภูมิหลังของเขามีหวังได้ถูกเปิดโปงออกมาหมดสิ้นแน่!

 

นี่คือเรื่องที่เขาไม่ต้องการจะเห็นมันเกิดขึ้น

 

อย่างไรก็ตามสิ่งนี้อยู่นอกเหนือความสามารถในการป้องกันตัวของเขา

 

เช่นนั้นเขาทำได้แค่พึ่งผู้เฒ่าหั่วเท่านั้น

 

ไม่ว่าผู้เฒ่าหั่วจะรู้ทักษะที่สามารถต้านทานทักษะควาญวิญญาณอะไรได้หรือไม่ แต่ตอนนี้ต่อให้ต้องรักษาม้าตายดุจม้าเป็นเขาก็จำต้องกระทำ เพราะเขาไร้หนทางเลือกอื่นอีกแล้ว!

 

และหลังจากที่ยิงคำถามใส่ผู้เฒ่าหั่วไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็รอคอยคำตอบจากผู้เฒ่าหั่วด้วยใจกังวล

 

“ข้ามี”

 

และทันทีที่ผู้เฒ่าหั่วตอบข่าวดีกลับมา ใจที่ระส่ำระสายของเขาก็โล่งขึ้นทันตา ขณะเดียวกันใบหน้าก็ฉายชัดถึงความสุขความยินดีออกมา

 

หลังจากนั้นเสียงของผู้เฒ่าหั่วก็ดังสืบเนื่องต่อมาว่า “อย่างไรก็ตามเพื่อให้บรรลุถึงผลลัพธ์ที่ต้องการ ทักษะลับนี้จำต้องใช้พลังวิญญาณส่วนหนึ่งประคองสภาพเอาไว้ตลอดเวลา…หากเจ้าหยุดจ่ายพลังวิญญาณไปประคองสภาพทักษะนี้เกิน 3 วัน ทักษะที่ข้าว่าก็จักสิ้นอำนาจ และทักษะนี้ก็มิได้มีความต้องการสูงมากอันใด เพียงพลังวิญญาณขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นไปก็พอ”

 

“หมายความว่าตลอดเวลา ข้าต้องจ่ายพลังวิญญาณเพื่อคงสภาพผลของทักษะที่ท่านว่าเอาไว้งั้นหรือ?”

 

ในสายตาของต้วนหลิงเทียนหากเขาสามารถรักษาความลับเรื่องภูมิหลังเอาไว้ได้ การจ่ายพลังวิญญาณเพื่อประคองสภาพทักษะยังจะนับเป็นอะไรได้

 

“หลังจากหยุดจ่ายพลังวิญญาณประคองสภาพเกิน3 วันทักษะจะไร้ผล…”

 

มากพอแล้ว!

 

ถึงแม้หยางชงกับหลี่อันจะลงมือโดยไม่เลือกวิธีการ เพื่อใช้ทักษะควาญวิญญาณกับเขา แต่พวกมันก็ต้องลอบลงมือโดยใช้เวลาที่น้อยที่สุดเพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการถูกลงโทษจากลัทธิบูชาไฟ ที่มากระทำอะไรกับเขาแบบนี้อย่างไร้เหตุผล…

 

เพราะสุดท้ายพวกมันต้องไม่กล้าก่อการอุกอาจต่อหน้าผู้คนแน่

 

โดยเฉพาะหลี่อัน!

 

เมื่อผู้คนพบว่ามันใช้ทักษะควาญวิญญาณกับศิษย์โดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอมอย่างไร้เหตุอันควรล่ะก็ ลัทธิบูชาไฟย่อมไม่เอามันไว้แน่! แม้อาจไม่ถึงขั้นฆ่ามัน แต่อย่างน้อยๆก็ต้องเนรเทศมันออกจากลัทธิบูชาไฟเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไป!!

 

“ผู้เฒ่าหั่วรีบถ่ายทอดทักษะลับนั่นให้ข้าที!”

 

ต้วนหลิงเทียนรีบพูดกับผู้เฒ่าหั่วอย่างกระตือรือร้น

 

ตอนนี้เขาต้องการทักษะลับที่ว่าอย่างยิ่งยวด!

 

เพราะสำหรับเขาแล้วสิ่งนี้ก็เหมือน ‘เครื่องรางช่วยชีวิต’ เหล่าสหายและครอบครัวของเขาที่อยู่ไกลห่างยังภูมิภาคเบื้องล่าง

 

คล้ายจะตระหนักได้ถึงความร้อนใจและความวิตกกังวลของต้วนหลิงเทียน ผู้เฒ่าหั่วก็เลือกจะเปลี่ยนเคล็ดความทักษะลับดังกล่าวให้กลายเป็นกระแสข้อมูล และถ่ายทอดลงสู่จิตใจของต้วนหลิงเทียนทันที ทำให้ต้วนหลิงเทียนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกเวลา

 

และเป็นอย่างที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าวไว้ไม่มีผิด ทักษะลับดังกล่าวไม่ได้ต้องการเงื่อนไขในการใช้งานอะไรมากมายนัก เพียงแค่ต้องการพลังวิญญาณขอบเขตเซียนมนุษย์ในการทำงานเท่านั้น

 

เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนใช้เวลาเพียง 1 ก้านธูปก็แตกฉานทักษะดังกล่าว และประสบผลสำเร็จในการใช้ทักษะดังกล่าวป้องกันยุทธวิธีสืบค้นวิญญาณทั้งหลายแหล่…

 

“อัตราการกินพลังวิญญาณอย่างต่อเนื่องที่ว่า ยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้…”

 

ต้วนหลิงเทียนระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อพบว่าปริมาณพลังวิญญาณที่จำต้องจ่ายออกไปคงสภาพทักษะลับนี้เอาไว้มันไม่ได้มากมายอะไร และไม่มีผลกระทบใดๆในการใช้ชีวิตตามปกติของเขาแม้แต่น้อย

 

‘ตอนนี้ข้าต้องรีบไปหาพี่กู่กับจ้าววังจูทันที…ทั้งคู่ต้องใช้ทักษะลับนี้ตลอดเวลาเช่นกัน! หาไม่แล้วเกิดหลี่อันกับหยางชงลอบลงมือใช้ทักษะควาญวิญญาณกับทั้งคู่ขึ้นมาคราวนี้ภูมิหลังของข้าได้ถูกเปิดเผยแน่ ที่นี้ก็ได้จบเห่กัน!’

 

หลังใช้ทักษะลับคุ้มครองตัวเองได้สำเร็จต้วนหลิงเทียนก็นึกถึงกู่ลี่ที่อาศัยอยู่ในแท่นบูชานกไฟ และจูลู่ฉีที่อยู่ในแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวขึ้นมาทันที!