[ส่วนที่ 9 บัวพ้นน้ำ] ตอนที่ 50 ใช้คนทดลอง

เจาะเวลาสู่ต้าถัง

การเลี้ยงเด็กเป็นความสนุกอย่างหนึ่ง แต่เด็กที่เลี้ยงต้องเป็นลูกของตัวเอง แม่ที่รักสะอาดก็จะแกล้งทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นอึของลูกน้อย ตรวจสอบดูอึของลูก ดูว่าระบบย่อยอาหารของเขาปกติหรือไม่ นี่คือเรื่องที่แม่ลูกอ่อนต้องทำทุกวัน ดังนั้นเมื่ออวิ๋นเยี่ยเห็นลูกทั้งสองคนของตัวเอง เขาก็รู้สึกราวกับว่ามองเห็นตัวเอง 

 

 

“ชาติก่อนเจ้าเป็นผู้หญิงหรือ” ซินเย่วมองดูอวิ๋นเยี่ยด้วยสายตาแปลกๆ นางไม่เคยเห็นผู้ชายที่เชี่ยวชาญในการเลี้ยงเด็กมากขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ผู้ชายคนอื่นๆ ในหมู่บ้านก็ไม่มีความสามารถเช่นนี้ น่ารื่อมู่ก็อยากรู้อยากเห็น นางเดินเข้ามาดูฝีมือการเลี้ยงเด็กของอวิ๋นเยี่ย 

 

 

“เป็นผู้ชายหรือไม่พวกเจ้าไม่รู้หรือ ถามอะไรโง่ๆ ตอนนี้เด็กผู้ชายใส่กางเกงเป้าเปิดดีกว่า น้องชายออกมาข้างนอกช่างเป็นหน้าเป็นตา น่ารื่อมู่ เจ้าคิดว่าเช่นไร มัดลูกไม่ใช่มัดแกะ หนักมือทำไมขนาดนั้น แล้วอีกอย่าง ตัวใหญ่กว่าซินเย่วอีกแต่น้ำนมยังไม่เยอะเท่าซินเย่ว ลูกสาวของข้ากำลังโต ใครจะกล้าให้นมน้อย เย็นวันนี้ ข้าทำซุปปลาให้เจ้า เจ้าดื่มให้หมด พรุ่งนี้กินตีนเป็ดอีกสองตีน ข้าไม่เชื่อว่ายังจะยังไม่มีน้ำนม” 

 

 

ไล่ผู้หญิงสองคนนี้ออกไป ท่านย่าก็ไม่มีประโยชน์ ไล่ออกไปด้วย วันนี้เป็นเวลาของพ่อลูก คนนอกอย่ามารบกวน อุ้มเอวและหัวของลูกสาวมาเขย่าในอ้อมแขน ไม่กล้าเขย่าแรงเกินไป ไม่เช่นนั้นนางจะอ้วก ลูกสาวอ้าปากสีชมพูเล็กๆ สายตามองมาที่พ่อ ทำเสียงแงๆ ไม่มีความหมาย 

 

 

ปูผ้าหนาๆ ไว้ในกระถางดอกไม้ อวิ๋นน้อยจับขอบกระถางแล้วลุกขึ้นยืนได้พอดี เขากระโดดโลดเต้นอยากออกมาจากกระถาง ในครอบครัวที่ไม่มีรถเข็นเด็ก นายท่านควรจะถูกส่งไปเป็นอาหารหมู หลังจากที่เกลี้ยกล่อมลูกชายและลูกสาวนอนหลับไปแล้ว เขาก็วาดเขียนลงบนกระดาษ ไม่นานก็วาดรถเข็นเด็กที่มีกันสาดเสร็จเรียบร้อย เรียกช่างไม้ของตระกูลมา เลือกไม้ที่ดีที่สุด ขัดเกลาอย่าให้เหลือเสี้ยนไม้แม้แต่น้อย ทำมุมทั้งหมดให้เป็นทรงโค้ง ทำออกมาให้ได้ในหนึ่งชั่วโมง ไม่ว่าจะใช้คนกี่คน ทำออกมาให้ได้สองคัน! 

 

 

ช่างไม้รีบวิ่งไปทำ ปกติท่านโหวไม่ค่อยกำหนดเวลา หากกำหนดเวลาก็แสดงว่าเป็นเรื่องสำคัญของตระกูล มาหาพ่อบ้าน บอกให้เขาพาช่างปักไปหาช่างไม้ ทำเบาะ ทำกันสาดให้กับรถเข็น รีบเลย จะเอาเดี๋ยวนี้ 

 

 

เป็นท่านโหวมันดีแบบนี้ แค่เอ่ยปาก เรื่องอื่นก็มีคนไปทำให้ จัดการเรื่องพวกนี้เรียบร้อยแล้ว ข้าก็จะไปนอนพักผ่อนสักหน่อย เติมพลังต้อนรับคลื่นลูกต่อไปของพวกลูกๆ ได้ยินพ่อบ้านบอกว่าภรรยาสองคนนั้นเอาเหล้าเอาอาหารนั่งรถม้าไปที่แม่น้ำตงหยาง ช่างเถอะ ถือว่าให้พวกนางหยุดหนึ่งวัน 

 

 

ลูกน้อยช่างวุ่นวาย ลูกสาวตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้จ้า แล้วลูกชายก็เริ่มร้องไห้ตาม อวิ๋นเยี่ยลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่เตียงของลูกน้อย อย่าพึ่งสนใจลูกชาย อุ้มลูกสาวขึ้นมาตบที่ก้นเบาๆ นางฉี่อีกแล้ว แล้วดูเหมือนว่าจะอึด้วย กะละมังน้ำอุ่นเตรียมไว้เรียบร้อย เช็ดก้นรอบหนึ่งแล้วล้างด้วยน้ำอุ่น นางถึงได้หยุดร้อง ส่วนลูกชายหยุดร้องไปตั้งนานแล้ว เอาหมวกของพ่อใส่ไว้ที่เท้าแล้วเอาเข้าปาก 

 

 

เสี่ยวยาอยากจะมาช่วยก็ถูกไล่ออกไป เสี่ยวอู่ก็ถูกไล่ออกไป เด็กพวกนี้เข้าใกล้ลูกๆ ไม่ได้ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง มีซือซือที่รู้ความ พาอวิ๋นน้อยฉี่ได้ แต่นางมักจะมองดูน้อยชายของอวิ๋นน้อยอยู่ตลอด 

 

 

พ่อบ้านและท่านย่าเข็นรถเข็นเข้ามาคนละคันอย่างมีความสุข คนที่ไม่เคยเข็นรถเข็นเด็กก็เป็นแบบนี้ เอาผ้าของลูกปูไว้ข้างบน ปูให้แน่นๆ ท้องฟ้าข้างนอกไม่ครึ้มไม่แดด ได้เวลาพาเด็กๆ ออกไปเดินเล่นแล้ว 

 

 

เดินเข็นรถช้าๆ อยู่ในสวนกับซือซือคนละคัน ช่างรู้สึกภาคภูมิใจ เด็กคนอื่นๆ เห็นของเล่นสนุกๆ ก็พากันวิ่งเข้ามา พวกนางก็อยากจะเข็นรถหลานชายกับหลานสาวด้วยเหมือนกัน 

 

 

อี้เหนียงไม่เคยขออะไรจากพี่อวิ๋น เห็นรถเข็นเด็กนางก็ตาแดงก่ำ จับแขนพี่อวิ๋นขอร้องอ้อนวอน บอกว่าอยากจะได้รถเข็นเด็ก ลูกของนางก็จะเอาของสิ่งนี้เหมือนกัน 

 

 

โชคดีที่อวิ๋นเยี่ยได้เตรียมการไว้หมดแล้ว บอกนางว่าช่างไม้กำลังทำ หากอยากได้ก็ไปเอา ได้ยินแบบนี้ อี้เหนียงก็ปล่อยแขนพี่อวิ๋นแล้ววิ่งไปหาช่างไม้ ไม่มีท่าทางของความเป็นฮูหยินเลยสักนิด 

 

 

แสงพระจันทร์สว่างขึ้นมา ผู้หญิงสองคนที่ออกไปเที่ยวเล่นจนหมดแรงก็พากันกลับบ้าน พวกนางรู้สึกว่าทำเกินไป ผลักกันไปผลักกันมาไม่กล้าเดินเข้าประตู ซินเย่วใช้ปิ่นปักผมเจาะรูที่หน้าต่าง แอบมองเข้าไปข้างใน เห็นอวิ๋นเยี่ยใช้เท้าเตะเปลและอุ้มลูกชายอยู่ในอ้อมแขน ทั้งสองคนกำลังอ่านหนังสือ เขายังมีเวลาก้มหน้าจิบชา ทุกครั้งที่เขาพลิกหนังสือ เขาก็ยังจะถามความคิดเห็นของของลูกชายที่กำลังง่วงนอน พ่อลูกช่างเข้ากันได้ดี 

 

 

ไม่ตื่นตระหนก ไม่รีบร้อน ราวกับตอนที่เขาทำเรื่องอื่นๆ ยังคงมีหลักการเหมือนเดิม เห็นในห้องที่เงียบสงบ จู่ๆ ซินเย่วก็รู้สึกว่า ถึงแม้ท่านพี่จะไม่มีผู้หญิงแต่เขาก็สามารถมีชีวิตที่สุขสบายได้ บนโลกใบนี้ยังมีอะไรที่เขาทำไม่เป็นอีก? 

 

 

เรื่องทำอาหารคงไม่ต้องพูดถึง อาหารที่เขาทำช่างขึ้นชื่อในฉางอัน ตัวเองขี่ม้ายังตามไม่ทัน น่ารื่อมู่บอกว่าท่านพี่ของตัวเอง ตอนที่อยู่ที่ฉ่าวหยวนเขาก็เย็บเสื้อด้วยตัวเอง ฝีมือดีมาก ตอนนี้เขาก็มักจะบอกซินเย่วว่าควรใส่เสื้อผ้าแบบไหนถึงจะดูดี สำหรับการแต่งตัวสีแดงสลับสีเขียวของน่ารื่อมู่ เขาก็คัดค้านอยู่ตลอด ช่วยไม่ได้ นี่คือชุดโปรดของนาง 

 

 

อย่างไรก็ต้องเข้าไปอยู่ดี ซินเย่วเปิดประตูเบาๆ กำลังจะขอโทษท่านพี่ แต่กลับเห็นว่าอวิ๋นเยี่ยยิ้มแล้ววางหนังสือในมือลง ยกมือขึ้นมาที่ปากบอกให้นางเงียบๆ ลูกหลับไปแล้ว… 

 

 

เสี่ยวยามาคอยรับใช้อวิ๋นเยี่ยแต่เช้า ซือซือกับพวกเสี่ยวอู่ก็มาด้วย ตี๋เหรินเจี๋ยปิดปากแน่น เอาถังน้ำเล็กๆ มาโดยไม่พูดไม่จา ในช่วงฤดูร้อน อวิ๋นเยี่ยชอบล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเป็นที่สุด 

 

 

รู้ว่าพวกเขามีเรื่องจะขอร้อง แต่เขาก็ไม่ได้เปิดโปง ล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยก็นั่งรออาหารเช้าที่ห้องโถงข้างหน้า พวกเด็กๆ พากันเอาการบ้านของเมื่อวานมาให้อวิ๋นเยี่ยตรวจ ไม่เลว ไม่เลว การบ้านของเมื่อวานพวกเขาตั้งใจทำมาก ลายมือเป็นระเบียบเรียบร้อย คำตอบเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เด็กพวกนี้ลอกยังลอกไม่เป็น เสี่ยวอู่ทำผิดคนเดียว พวกเจ้าก็ทำผิดกันหมด แล้วอีกอย่าง ตี๋เหรินเจี๋ยคนเดียวเขียนห้าหกเล่มเขาก็คงเหนื่อยแย่ 

 

 

“เสี่ยวเจี๋ย เมื่อคืนเขียนการบ้านจนเหนื่อยใช่หรือไม่ ตอนกลางคืนพักผ่อนให้มากหน่อย เจ้ายังเด็กนอนดึกไม่ได้” 

 

 

“ไม่เหนื่อยขอรับ แค่ตอนเขียนให้เสี่ยวเป่ยมืออ่อนแรงนิดหน่อย” พูดจบก็เห็นสายตาหกคู่จ้องมองมาที่ตัวเอง อย่าจะเอามือมาปิดปากมันก็คงจะสายไปแล้ว รีบไปยืนอยู่ข้างหลังอาจารย์แล้วตะโกนว่า “พวกนางอยากให้อาจารย์สร้างบ้านบนต้นไม้ให้พวกนาง บังคับให้ข้าเขียนการบ้านให้พวกนาง เมื่อคืน ข้าเขียนจนถึงเที่ยงคืน ง่วงแทบตาย” 

 

 

ได้ยินที่ตี๋เหรินเจี๋ยฟ้อง อวิ๋นเยี่ยก็เห็นอกเห็นใจเด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนี้ ในสภาพแวดล้อมที่มีผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชาย ไม่อยากถูกรังแกคงเป็นเรื่องยาก เมื่อก่อนเขาเคยเล่าเรื่องบ้านต้นไม้ให้พวกนางฟัง พวกนางไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร คิดว่าเด็กผู้หญิงคงไม่ชอบปีนป่าย ตั้งแต่เห็นรถเข็นเด็กเมื่อวาน เด็กพวกนี้ก็จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ คงคิดว่าไม่เลวเลยทีเดียว ถึงได้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตอนเช้า 

 

 

มีต้นไม้ใหญ่สองสามต้นในสวนดอกไม้ที่เหมาะกับการสร้างบ้านบนต้นไม้ หลังจากบอกความคิดให้กับช่างไม้แล้ว อวิ๋นเยี่ยก็ไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรอีก วันนี้อาจารย์ซุนมีการทดลองสำคัญที่ต้องทำ เขาต้องไปเรียนรู้ สำหรับรูปแบบของบ้าน ให้พวกนางไปคิดกันเอง ส่วนซินเย่วกับน่ารื่อมู่ พวกนางเอารถเข็นเด็กออกไปอวดที่บ้านตระกูลหนิวตั้งนานแล้ว หลังฤดูเก็บเกี่ยวของฤดูร้อนมักจะมีเวลาว่างให้พักผ่อน ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิจนถึงตอนนี้ ซินเย่วคงต้องการการพักผ่อนสักหน่อย 

 

 

เป้าหมายในการทดลองของซุนซือเหมี่ยวคือวัวนมตัวหนึ่ง หน้าอกของวัวนมเต็มไปด้วยถุงนม บีบเบาๆ ก็มีของเหลวสีเหลืองไหลออกมา นี่คือวัคซีนไข้ทรพิษ วันนี้ซุนซือเหมี่ยวจะฉีดวัคซีนตัวนี้เข้าในร่างกายคน สำนักศึกษามีคนลองยาอยู่ตลอด หลี่ซื่อหมินเป็นคนส่งมาให้โดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่นคนที่ส่งมาวันนี้ บอกว่าเขาต้องโทษฆ่าคน แล้วสมัครใจมาเป็นคนทดลองยาที่สำนักศึกษา หากไม่ตาย ขุนนางก็จะไม่เอาเรื่องเลวทรามของเขาเมื่อก่อนอีกต่อไป ไม่เช่นนั้นจะทำตามกฎหมาย จะถูกลงโทษด้วยการตัดหัว 

 

 

ตั้งแต่ครั้งก่อน ชายคนที่มาถ่ายเลือดให้กับเหล่าฉินแล้วไม่ตาย ยังคงสามารถเดินไปเดินมาในฉางอัน การมาเป็นคนทดลองยาให้กับสำนักศึกษาได้กลายเป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเขาจะได้แสวงหาแสงสว่างของชีวิต ตอนนี้หากไม่ใช่โทษที่เลวร้ายอะไร ก่อนที่จะถูกตัดหัวก็จะถามก่อนว่าจะมาเป็นคนทดลองยาให้กับสำนักศึกษาหรือไม่ หากรับปากก็จะระงับการลงโทษ จับไปขังไว้ในคุก รอให้คนของสำนักศึกษามารับ วันนี้แทบจะเป็นวันหยุดของนักโทษ ถึงตอนนี้นักโทษที่ตายไปเพราะทดลองยามีไม่กี่คน แต่ตาบอด พิการกลับมีมากมาย 

 

 

ในห้องที่มีแสงสว่าง อวิ๋นเยี่ยฆ่าเชื้อให้แขนของนักโทษอย่างระมัดระวัง หยิบมีดขึ้นมาบาดปากแผล หั่วจู้ใช้สำลีชุบวัคซีนโรคฝีดาษวัวทาลงบนแผล หลังจากมั่นใจว่าเรียบร้อยแล้วก็พันแผลไว้รอผลของการทดลอง 

 

 

การทดลองทำไปทั้งหมดห้ากลุ่มพึ่งจะเสร็จสิ้น เมื่ออวิ๋นเยี่ยและหั่วจู้ถอดเสื้อผ้าลินินออกและเดินไปที่ห้องโถง เห็นซุนซือเหมี่ยวกำลังหลับตาท่องคัมภีร์ ท่าทางดูเจ็บปวด สีหน้าก็แดงก่ำ ราวกับว่าเขาป่วย 

 

 

อวิ๋นเยี่ยรีบไปแตะที่หลังหูซุนซือเหมี่ยว เห็นว่าร้อนจนน่าตกใจ นี่ไม่ใช่ไข้หวัดธรรมดา แต่เป็นไข้ที่เกิดจากไวรัส เหล่าเต้าคนนี้คงจะไม่ได้เอาตัวเองไปทำการทดลองหรอกนะ ปลดเสื้อคลุมของเหล่าเต้าออก เอาแขนซ้ายออกมา มีรอยแผลเล็กๆ สองรอยที่แขน ฆ่าเชื้อไม่สะอาดติดเชื้อเข้าแล้ว 

 

 

เขากับหั่วจู้พาเหล่าเต้าไปนอนบนเตียง เปิดหน้าต่าง ใช้เครื่องพ่นที่ทำจากไม้ไผ่ฉีดแอลกอฮอล์ให้ทั่วห้อง นี่คือวิธีการฆ่าเชื้อเดียวที่อวิ๋นเยี่ยทำได้ หั่วจู้เอาใบยาสมุนไพรมาวางที่แผล ใช้แอลกอฮอล์ถูที่หน้าผาก รักแร้และต้นขาของเหล่าเต้า ทำให้อุณหภูมิร่างกายเขาเย็นลง 

 

 

เหล่าเต้ามักจะไม่เห็นด้วยกับการใช้คนในการทดลองยา ตอนแรกอวิ๋นเยี่ยก็ไม่สนับสนุนให้ทำแบบนี้ เขามักจะคิดว่ามันไร้มนุษยธรรม แต่ผู้ดูแลสำนักศึกษาหลิวเซี่ยนกับสวี่จิ้งจงกลับไม่เห็นด้วย เขาคิดว่าการทำแบบนี้ไม่ได้ผิดศีลธรรม แต่กลับเป็นการสะสมศีลธรรมให้กับลูกหลาน ให้โอกาสนักโทษได้มีชีวิตรอด 

 

 

เมื่อมีข่าวลือมาจากเมืองโซ่วโจว บอกว่ามีคนบาดเจ็บล้มตายเพราะไข้ทรพิษ จำนวนมาก อวิ๋นเยี่ยจึงตัดสินใจที่จะให้คนมาทำการทดลอง หลี่ซื่อหมินรู้ เขาขอแค่การทดลองประสบความสำเร็จ สามารถกำจัดโรคระบาดได้ เขาส่งคนมาบอกอวิ๋นเยี่ยกับซุนซือเหมี่ยวว่า “ขอแค่ประสบความสำเร็จ ไม่ต้องสนใจชีวิตคน บาปกรรมอยู่กับเขา อยู่กับสวรรค์ ไม่ได้อยู่กับตระกูลซุนกับอวิ๋น” เพราะเรื่องนี้เขาถึงได้ฟ้องร้องต่อสรวงสวรรค์ บอกว่าเป็นความหวังดีของซุนซือเหมี่ยว แต่คิดไม่ถึงว่าเหล่าเต้าก็ยังคงทำใจไม่ได้