ตอนที่ 1193 - สยบมือสังหาร

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  อ๊าา!
  จู่ๆ ก็มีเสียงอุทานดังขึ้น เป็นเสียงของเทพไม้ที่กลับมา นางยืนด้านหลังซือหยูและจ้องมองเขาด้วยความแปลกใจ
  “ที่รักหยูเจ้ามีพรสวรรค์นัก! ถ้าเป็นข้าคงจะคิดวิธีหาเงินรวดเร็วและง่ายดายแบบเจ้าไม่ได้!”
  เทพไม้พูดชม
  ซือหยูตอบด้วยสีหน้าโมโห
  “ทำไมข้าถึงไม่พอใจที่เจ้าชมข้ากันนะ?”
  “โอ้!ที่รักหยู เจ้ายิ่งใหญ่ดั่งแสงอรุณฉายเส้นทางยามค่ำคืนมืดสนิทให้ข้า”
  “ข้าทำใจแล้ว!จากนี้ไป ข้าจะฝึกวิหคเพลิงทมิฬเอง เราจะเริ่มเปิดคณะละครสัตว์ในฝันของเรากัน!”
  เทพไม้ลูบมือตัวเองนางเลียริมฝีปากเมื่อคิดถึงตอนเก็บตั๋วค่าเข้าชมจนมือลื่น
  วิหคเพลิงทมิฬถอนหายใจแรง
  “หยุดเล่นได้แล้ว!เจ้าคิดว่าขู่ข้าแค่นี้จะทำให้มือสังหารจากสำนักนรกหวาดกลัวเรอะ? เจ้าดูถูกสำนักนรกเกินไปแล้ว!”
  ซือหยูเอานิ้วแตะจมูก
  “เอิ่ม…ข้าน่ะขู่เจ้าก็จริงแต่ข้าไม่แน่ใจกับนังเทพคนนั้นหรอกนะ”
  เทพไม้ในตอนนี้ยากจนจนสิ้นหวังนางไม่ติดใจที่จะทำอะไรแปลกประหลาดเพื่อหาเงินในตอนนี้แล้ว
  “ข้าอยากจะรู้เรื่องสำนักนรกจากเจ้า”
  ซือหยูกล่าว
  “เพราะใครก็ตามที่กล้าพอจะสังหารข้านั้นไม่มีเหตุผลให้อยู่บนโลกใบนี้”
  เมื่อได้ฟังวิหคเพลิงทมิฬตกใจ เขาอวดดีเกินไปแล้ว! เขาคิดจะทำลายทั้งสำนักนรกงั้นรึ?
  แม้จะรู้ถึงความเจ้าอุบายของเขาวิหคเพลิงทมิฬก็ได้แต่หัวเราะ
  แม้แต่พันธมิตรบูรพายังไม่มีความมั่นใจที่จะทำลายล้างสำนักนรกอย่างเขาย้อนไปในยามที่สำนักนรกรุ่งเรือง พวกขเาได้สังหารเทพสามคนในคราเดียว
  พันธมิตรบูรพาเคยส่งเทพไปทำลายล้างสำนักนรกยี่สิบคนโดยผ่านซากสถานที่เทวะเพื่อจัดการสำนักนรกในคราเดียว
  แต่สุดท้ายสำนักนรกก็ไม่มีภัยขณะที่เทพทั้งยี่สิบคนอยู่ในสภาพทที่น่ากลัว มีเทพสองคนที่หมดลมหายใจไปตลอดกาล
  มิใช่เพราะสถานที่เทวะอยู่ใกล้อาณาเขตของเผ่าอสูรแต่มันเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างพิเศษ
  และที่นั่นเองก็มีสิ่งที่มีความชิงชังต่อพันธมิตรบูรพาและมองพันธมิตรบูรพาเป็นศัตรูตัวฉกาจ
  การเข้าไปยังที่นั่นไม่ต่างจากจมลงในมหาสมุทรเชี่ยวกรากที่มีศัตรูรายล้อมพวกเขามิอาจเจอตำแหน่งของสำนักนรกได้ ไม่ต้องพูดถึงการทำลายล้างมัน
  “ฮ่าๆๆๆก่อนเจ้ามา เจ้าไม่คิดว่าตกต้องตกอยู่ในมือคนที่เป็นแค่อสูรเนรมิตร ใช่ไหม?”
  ซือหยูถาม
  “อาจมีสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในโลกนี้แต่นั่นมันก่อนที่เจ้าจะได้เจอข้า!”
  “ไม่ช้าก็เร็วข้าจะไปเยี่ยมสำนักนรก!”
  เมื่อได้ฟังคำพูดอันมั่นใจของซือหยูวิหคเพลิงทมิฬเริ่มเป็นกังวล
  ชายหนุ่มผู้นี้แตกต่างกับศัตรูทุกคนที่นางเคยเจอมาก่อนโดยสิ้นเชิง!
  “ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรข้าจะทำร้ายทรมาน จะขู่ จะติดสินบน แต่อย่างได้คิดว่าเจ้าจะได้รู้อะไรเกี่ยวกับสำนักนรกจากข้า”
  “ข้าคือมือสังหารสำนักนรกข้ารู้แจ้งในเรื่องความตายแล้ว”
  วิหคเพลิงทมิฬดูสบายใจและไม่หวาดกลัวเมื่อเผชิญกับการคุกคามของซือหยู
  ซือหยูฉีกยิ้ม
  “ไม่เคยมีใครบอกเจ้าเรื่องวิถีวิญญาณในโลกนี้รึ?หากจะรู้ความลับจากดวงวิญญาณ มันก็ไม่จำเป็นต้องพูดแม้สักคำเดียว”
  “ฮื่มเจ้าหมายถึงการค้นวิญญาณสินะ? พวกเรามือสังหารทุกคนได้รับการปกป้องจากเทพแห่งความตาย ดวงวิญญาณเรามิอาจถูกค้นโดยคนนอก ไม่ต้องพูดถึงการควบคุม”
  เมื่อเห็นวิหคเพลิงทมิฬมั่นใจซือหยูพูดสวน
  “นังโง่เจ้าลืมคำพูดข้ารวดเร็วนัก อาจมีสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในโลกนี้ แต่นั่นมันก่อนที่เจ้าจะได้เจอข้า!”
  “เจ้า…”
  วิหคเพลิงทมิฬจ้องมองซือหยูด้วยความตกใจ
  ก่อนที่นางจะพูดจบลำแสงสีเขียวสองสายพุ่งออกจากตาของซือหยู วิหคเพลิงทมิฬมิอาจหลบได้ทันเวลาและต้องลำแสงนั้น
  ลำแสงทั้งสองมีพลังที่นางต้านทานไม่ไหวมันกลายเป็นศรคมพุ่งทะลวงดวงวิญญาณตรึงไม่ให้ไปไหน
  วิหคเพลิงทมิฬแสดงการขัดขืนผ่านสายตาไม่นานสีหน้านางก็อ่อนโยนสงบ สุดท้าย ร่างเงาของนางก็โค้งคำนับและพูดด้วยเสียงอันอ่อนหวาน
  “ข้ามาจากเผ่าวิหคเพลิงทมิฬนามว่าลี่หลัว คารวะนายท่าน ข้าล่วงเกินท่านไปแล้ว โปรดลงโทษข้าเถอะ”
  เทพไม้กระพริบตา
  “วิชาควบคุมดวงวิญญาณอะไรกัน!มันไม่ได้ทำงานด้วยการใช้กำลังกับดวงวิญญาณ แต่เป็นการทำให้ดวงวิญญาณยอมรับเจ้าเป็นนายอย่างจริงใจ ไม่มีเทพหน้าไหนฝึกวิชาแบบนี้ได้หรอก”
  นี่คือพลังของขอบเขตวิญญาณมายาขั้นสูงมันมมีพลังที่เหนือกว่าพลังวิญญาณอื่นใด มันสามารถทำให้คนอื่นเชื่อฟังได้ด้วยความเต็มใจ
  ไม่เพียงแต่สติและปัญญาจะยังคงอยู่แต่พลังก็ยังเหลืออยู่เต็มที่อีกด้วย
  เพียงแค่เขาพูดเขาก็เปลี่ยนศัตรูหน้าไหนก็ได้เป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ของตัวเองในพริบตา
  แต่ต้องมีเงื่อนไขหนึ่งในการใช้วิชานี้นั่นคือเป้าหมายจะต้องมีดวงวิญญาณที่อ่อนแอและไม่ทันระวังตัว
  “เล่าเรื่องสำนักนรกให้ข้าฟัง!”
  …
  ต่อมาซือหยูฟังพลางคิด โครงสร้างของสำนักนรกมีความซับซ้อนอย่างมาก ว่าที่เทพขั้นต้นอย่างลี่หลัวนับเป็นแค่ชนชั้นกลางในสำนักนรก
  เหนือจากนางยังมียอดฝีมือชั้นสูงที่เป็นว่าที่เทพขั้นกลางและขั้นสูงเหนือกว่านั้นก็คือเจ้าสำนักนรกที่ลึกลับที่สุด…เทพแห่งความตาย
  เมื่อได้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับสำนักนรกซือหยูพยักหน้าช้า ๆ และดึงง้าวกลับมา
  หลังเกิดใหม่จากเพลิงลี่หลัวได้กลายเป็นสตรีวัยกลางคนผู้งดงาม นางคุกเข่าหนึ่งข้างลงกับพื้นและฟังคำสั่งซือหยูอย่างตั้งใจอยู่ตลอดเวลา ใบหน้านางเป็นธรรมชาติราวกับไม่ได้ถูกบังคับเลย
  “มือสังหารอีกคนอยู่ไหนล่ะ?”
  ซือหยูมองเทพไม้
  เทพไม้กำกระเป๋าของนางหลวมๆ และทำแก้มป่อง
  “ข้าต้องฟื้นคืนจิตวิญญาณเทพกลับมาจิตวิญญาณเทพของว่าที่เทพคนนี้ยังมั่นคงไม่พอ แต่มันดีพอที่จะฟื้นฟูพลังของข้า”
  ซือหยูตอบอย่างไร้อารมณ์
  “ต้องใช้ว่าที่เทพกี่คนเจ้าถึงจะพอใจล่ะ?งานชุมนุมเทพจะจัดขึ้นพรุ่งนี้แล้ว ถ้าเจ้าเชื่อฟัง ข้าจะช่วยเจ้าฟื้นคืนจิตวิญญาณเทพให้กลับมาเหมือนเดิมในคราเดียว…”
  “ฮ่าๆๆๆข้ารู้ว่าเจ้าน่ะรักข้า สามีที่รักเอ๋ย เราจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ล่ะ?”
  “และเจ้าก็จะหย่ากับข้าแล้วเอาสมบัติของข้าไปสินะ?”
  “ใช่ใช่แล้ว! นั่นแหละที่ข้าคิด!”
  “ทำไมเจ้าถึงพูดได้หน้าตาเฉยแบบนั้นกัน?!”
  เทพไม้เงียบไป
  เทพไม้ส่งมือสังหารที่นางจับได้ให้ซือหยูเขาอยู่ในสภาพที่ดี ดูเหมือนเทพไม้จะจับเขาได้อย่างง่ายดาย
  เมื่อเขาออกมาได้การตอบสนองแรกของเขาไม่ใช่การหนี แต่เป็นการสังหารซือหยูที่อยู่ตรงหน้า!
  หากมีเทพไม้อยู่เขามิอาจหนีได้ เขาได้แต่ใช้โอกาสนี้สังหารซือหยู
  “ฮื่ม!”
  ลี่หลัวที่คุกเข่าข้างเดียวบนพื้นส่งเสียงอย่างเย็นชาและซัดฝ่ามือใส่เขา
  ทั้งคู่เป็นว่าที่เทพขั้นต้นแต่ลี่หลัวนั้นมีพลังเหนือกว่าอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด นางสยบมือสังหารคนแรกได้อยู่หมัด
  มือสังหารชายตกตะลึง
  “ลี่หลัว!เจ้าเป็นมิตรกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
  ดูจากแววตาลี่หลัวมือสังหารชายไม่ได้เห็นว่าดวงวิญญาณของนางถูกบงการอยู่เลย
  “ข้าจะฆ่าเจ้าก่อนที่เจ้าได้เข้าใกล้นายท่าน!”
  ลี่หลัวแววตาโหดร้ายนางกำลังจะสังหารเขาแต่ซือหยูก็หยุดนางเอาไว้
  เทพไม้นึกขึ้นได้นางใช้พลังเรียกเถาวัลย์จำนวนมากออกมาจากใต้ดินมัดตัวมือสังหารชายเอาไว้จนเหมือนกับขนมจีบ มีเพียงดวงตาและปากของเขาที่เผยให้เห็น
  “ข้ายอมแพ้เจ้าก็ได้!”
  มือสังหารกล่าว
  “เจ้าเชื่อคำพูดตัวเองหรือไม่?”
  ซือหยูถาม
  มือสังหารตอบ
  “ถ้าลี่หลัวยอมจำนนต่อเจ้าจินกังผู้นี้ก็จะทำแบบเดียวกัน!”
  “มือสังหารสำนักนรกคนเดียวก็พอแล้วจะมีอีกคนไปทำไมกันเล่า?”
  ซือหยูพูดอย่างไร้อารมณ์
  “ทั้งพลังและฐานะในสำนักนรกกับเรื่องข้อมูลสำนักนรกของเจ้าด้อยกว่าลี่หลัวมากนักเก็บเจ้าไว้มันไร้ความหมาย!”
  จินกังย่อมไม่เต็มใจจำยอมแต่เขาคิดจะหาโอกาสหนีและกลับมาสังหารซือหยูอีกครั้ง!
  “แต่ถึงข้าไม่คิดจะเก็บเจ้าเอาไว้เจ้าก็มีค่ามากทีเดียว”
  ซือหยูครึ่งยิ้มและเหลือบมองเทพไม้
  เทพไม้เองก็ยิ้มจากนั้นดวงวิญญาณของจินกังก็ถูกทำให้อ่อนแอจนหมดสภาพ มิอาจต่อกรได้
  หลังจากนั้นซือหยูก็ควบคุมเขาได้สำเร็จไปอีกคน
  เมื่อว่าที่เทพทั้งสองคุกเข่าต่อหน้าซือหยูเหอหลูจูจึงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าสำนึกผิด
  “เทพขนนกพวกเรามันใช้ไม่ได้เลย”
  ซือหยูเจอมือสังหารที่หน้าเรือนเทพกระเรียนแต่คนตระกูลเทพกระเรียนจำนวนมากมายกลับต่อต้านไม่ได้ ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก
  “พวกเจ้ามีพลังจำกัดถ้าพวกเจ้าบุ่มบ่ามเข้ามาตั้งแต่เมื่อครู่ นอกจากจำกลายเป็นตัวประกันแล้วพวกเจ้ายังจะทำอะไรไม่ได้ซ้ำร้ายยังขวางทางข้า ดีแล้วที่เจ้าหยุดคนของตัวเองเอาไว้”
  ซือหยูกล่าวชม
  ถ้าเหอหลูจูไม่หยุดคนในตระกูลเรื่องราวคงจะวุ่นวายไปมากกว่านี้ และนั่นจะเป็นความได้เปรียบของมือสังหาร
  “ท่านเทพขนนก…เจ้าสอง…มือสังหารนี่ท่านจะจัดการยังไง?”
  เหอหลูจูมองว่าที่เทพทั้งสองจากสำนักนรก
  ว่ากันว่าว่าที่เทพมือสังหารจากสำนักนรกนั้นยอดเยี่ยมมากแต่ละคนสามารถลอบสังหารว่าที่เทพทั่วไปในพันธมิตรบูรพาได้ด้วยตัวเอง
  เขาไม่เคยคิดว่าทั้งสองจะตกมาอยู่ในมือของเทพขนนกทีละคนเช่นนี้
  ที่สำคัญกว่านั้นทั้งสองยังเชื่อฟังคำสั่งของซือหยูอีก นี่จะเป็นกำลังสำคัญของตระกูลเทพกระเรียน!
  ซือหยูชี้ที่ลี่หลัว
  “พานางกลับไปพักฟื้นพลังในช่วงนี้นางจะปกป้องตระกูลเทพกระเรียนแทนข้าชั่วคราว”
  งานชุมนุมเทพกำลังจะเริ่มขึ้นซือหยูที่เป็นตัวแทนเทพจะหายไปจากโลกเทพกระเรียนในระยะหนึ่ง
  “ส่วนจินกัง…”
  ซือหยูเลียริมฝีปากอย่างเยือกเย็น
  “คงไม่สุภาพนักหากไม่คืนสิ่งที่ได้รับมาหากนายน้อยฉินผู้ยิ่งใหญ่ห่วงใยข้านัก ถ้าหากข้าไม่ไปเยี่ยมก็คงจะเป็นการไม่รู้สำนึก!”
  เขาถูกวางอุบายให้ตกอยู่ในอันตรายถึงสองครั้งถ้าหากเขาไม่แสดงพลังสักหน่อยล่ะก็…หึหึ…
  เมื่อได้ยินความตั้งใจของซือหยูเสียงอันเปี่ยมไปด้วยความแค้นดังตามมา
  “ท่านเทพขนนกหากท่านอยากเดินทางไปที่ตระกูลเทพตำรา ข้าเต็มใจนักที่จะนำท่านไป!”
  เขาหันไปและพบกับคังเตี้ยยี่อดีตหัวหน้าหน่วยผู้คุมกฎ
  ฉินเฟยเฉินได้ฉวยโอกาสเขาในวันก่อนทำให้เขาต้องมาอยู่ในโลกเทพกระเรียนเพื่อจะสังหารซือหยู
  และไม่ว่าซือหยูจะมีชีวิตอยู่หรือไม่คังเตี้ยยี่ก็ต้องตายเพื่อปิดปากอยู่ดี!
  ฉินเฟยเฉินส่งเขามาตายอย่างเห็นได้ชัด!
  ซือหยูหัวเราะ
  “เขาเป็นนายเก่าเจ้าเจ้าคิดจะทำเช่นนี้จริง ๆ หรือ?”
  คังเตี้ยยี่มีแต่ความแค้นในใจ
  “มิใช่ข้าไร้คุณธรรมแต่เป็นพวกตระกูลเทพตำราที่ผิดแปลก! ข้าเต็มใจรับใช้ท่านเทพขนนก”
  ซือหยูเหลือบมองคังเตี้ยยี่และหัวเราะเบาๆ
  “ดีจากนี้เจ้าอยู่ในโลกเทพกระเรียนกับข้าได้”
  หวังยุ่นเสวียนเพียงแต่หัวเราะ
  “วิหคที่ดีย่อมเลือกต้นไม้ที่ดีทำรังข้าพูดได้เพียงเท่านี้”
  ซือหยูกับหวังยุ่นเสวียนจะไม่เข้าใจสิ่งที่คังเตี้ยยี่คิดอยู่หรือ?คังเตี้ยยี่อาสานำทางไปเพราะหวังว่าซือหยูจะปกป้องเขาที่ทำงานให้ได้
  เมื่อเห็นซือหยูสยบมือสังหารว่าที่เทพทั้งสองกับตาคังเตี้ยยี่จึงมั่นใจในตัวซือหยูมากกว่าเดิมหลายเท่า เขาตัดสินใจที่จะมอบความศรัทธาให้กับซือหยู