DND.
อ๊าา!
จู่ๆ ก็มีเสียงอุทานดังขึ้น เป็นเสียงของเทพไม้ที่กลับมา นางยืนด้านหลังซือหยูและจ้องมองเขาด้วยความแปลกใจ
“ที่รักหยูเจ้ามีพรสวรรค์นัก! ถ้าเป็นข้าคงจะคิดวิธีหาเงินรวดเร็วและง่ายดายแบบเจ้าไม่ได้!”
เทพไม้พูดชม
ซือหยูตอบด้วยสีหน้าโมโห
“ทำไมข้าถึงไม่พอใจที่เจ้าชมข้ากันนะ?”
“โอ้!ที่รักหยู เจ้ายิ่งใหญ่ดั่งแสงอรุณฉายเส้นทางยามค่ำคืนมืดสนิทให้ข้า”
“ข้าทำใจแล้ว!จากนี้ไป ข้าจะฝึกวิหคเพลิงทมิฬเอง เราจะเริ่มเปิดคณะละครสัตว์ในฝันของเรากัน!”
เทพไม้ลูบมือตัวเองนางเลียริมฝีปากเมื่อคิดถึงตอนเก็บตั๋วค่าเข้าชมจนมือลื่น
วิหคเพลิงทมิฬถอนหายใจแรง
“หยุดเล่นได้แล้ว!เจ้าคิดว่าขู่ข้าแค่นี้จะทำให้มือสังหารจากสำนักนรกหวาดกลัวเรอะ? เจ้าดูถูกสำนักนรกเกินไปแล้ว!”
ซือหยูเอานิ้วแตะจมูก
“เอิ่ม…ข้าน่ะขู่เจ้าก็จริงแต่ข้าไม่แน่ใจกับนังเทพคนนั้นหรอกนะ”
เทพไม้ในตอนนี้ยากจนจนสิ้นหวังนางไม่ติดใจที่จะทำอะไรแปลกประหลาดเพื่อหาเงินในตอนนี้แล้ว
“ข้าอยากจะรู้เรื่องสำนักนรกจากเจ้า”
ซือหยูกล่าว
“เพราะใครก็ตามที่กล้าพอจะสังหารข้านั้นไม่มีเหตุผลให้อยู่บนโลกใบนี้”
เมื่อได้ฟังวิหคเพลิงทมิฬตกใจ เขาอวดดีเกินไปแล้ว! เขาคิดจะทำลายทั้งสำนักนรกงั้นรึ?
แม้จะรู้ถึงความเจ้าอุบายของเขาวิหคเพลิงทมิฬก็ได้แต่หัวเราะ
แม้แต่พันธมิตรบูรพายังไม่มีความมั่นใจที่จะทำลายล้างสำนักนรกอย่างเขาย้อนไปในยามที่สำนักนรกรุ่งเรือง พวกขเาได้สังหารเทพสามคนในคราเดียว
พันธมิตรบูรพาเคยส่งเทพไปทำลายล้างสำนักนรกยี่สิบคนโดยผ่านซากสถานที่เทวะเพื่อจัดการสำนักนรกในคราเดียว
แต่สุดท้ายสำนักนรกก็ไม่มีภัยขณะที่เทพทั้งยี่สิบคนอยู่ในสภาพทที่น่ากลัว มีเทพสองคนที่หมดลมหายใจไปตลอดกาล
มิใช่เพราะสถานที่เทวะอยู่ใกล้อาณาเขตของเผ่าอสูรแต่มันเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างพิเศษ
และที่นั่นเองก็มีสิ่งที่มีความชิงชังต่อพันธมิตรบูรพาและมองพันธมิตรบูรพาเป็นศัตรูตัวฉกาจ
การเข้าไปยังที่นั่นไม่ต่างจากจมลงในมหาสมุทรเชี่ยวกรากที่มีศัตรูรายล้อมพวกเขามิอาจเจอตำแหน่งของสำนักนรกได้ ไม่ต้องพูดถึงการทำลายล้างมัน
“ฮ่าๆๆๆก่อนเจ้ามา เจ้าไม่คิดว่าตกต้องตกอยู่ในมือคนที่เป็นแค่อสูรเนรมิตร ใช่ไหม?”
ซือหยูถาม
“อาจมีสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในโลกนี้แต่นั่นมันก่อนที่เจ้าจะได้เจอข้า!”
“ไม่ช้าก็เร็วข้าจะไปเยี่ยมสำนักนรก!”
เมื่อได้ฟังคำพูดอันมั่นใจของซือหยูวิหคเพลิงทมิฬเริ่มเป็นกังวล
ชายหนุ่มผู้นี้แตกต่างกับศัตรูทุกคนที่นางเคยเจอมาก่อนโดยสิ้นเชิง!
“ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรข้าจะทำร้ายทรมาน จะขู่ จะติดสินบน แต่อย่างได้คิดว่าเจ้าจะได้รู้อะไรเกี่ยวกับสำนักนรกจากข้า”
“ข้าคือมือสังหารสำนักนรกข้ารู้แจ้งในเรื่องความตายแล้ว”
วิหคเพลิงทมิฬดูสบายใจและไม่หวาดกลัวเมื่อเผชิญกับการคุกคามของซือหยู
ซือหยูฉีกยิ้ม
“ไม่เคยมีใครบอกเจ้าเรื่องวิถีวิญญาณในโลกนี้รึ?หากจะรู้ความลับจากดวงวิญญาณ มันก็ไม่จำเป็นต้องพูดแม้สักคำเดียว”
“ฮื่มเจ้าหมายถึงการค้นวิญญาณสินะ? พวกเรามือสังหารทุกคนได้รับการปกป้องจากเทพแห่งความตาย ดวงวิญญาณเรามิอาจถูกค้นโดยคนนอก ไม่ต้องพูดถึงการควบคุม”
เมื่อเห็นวิหคเพลิงทมิฬมั่นใจซือหยูพูดสวน
“นังโง่เจ้าลืมคำพูดข้ารวดเร็วนัก อาจมีสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในโลกนี้ แต่นั่นมันก่อนที่เจ้าจะได้เจอข้า!”
“เจ้า…”
วิหคเพลิงทมิฬจ้องมองซือหยูด้วยความตกใจ
ก่อนที่นางจะพูดจบลำแสงสีเขียวสองสายพุ่งออกจากตาของซือหยู วิหคเพลิงทมิฬมิอาจหลบได้ทันเวลาและต้องลำแสงนั้น
ลำแสงทั้งสองมีพลังที่นางต้านทานไม่ไหวมันกลายเป็นศรคมพุ่งทะลวงดวงวิญญาณตรึงไม่ให้ไปไหน
วิหคเพลิงทมิฬแสดงการขัดขืนผ่านสายตาไม่นานสีหน้านางก็อ่อนโยนสงบ สุดท้าย ร่างเงาของนางก็โค้งคำนับและพูดด้วยเสียงอันอ่อนหวาน
“ข้ามาจากเผ่าวิหคเพลิงทมิฬนามว่าลี่หลัว คารวะนายท่าน ข้าล่วงเกินท่านไปแล้ว โปรดลงโทษข้าเถอะ”
เทพไม้กระพริบตา
“วิชาควบคุมดวงวิญญาณอะไรกัน!มันไม่ได้ทำงานด้วยการใช้กำลังกับดวงวิญญาณ แต่เป็นการทำให้ดวงวิญญาณยอมรับเจ้าเป็นนายอย่างจริงใจ ไม่มีเทพหน้าไหนฝึกวิชาแบบนี้ได้หรอก”
นี่คือพลังของขอบเขตวิญญาณมายาขั้นสูงมันมมีพลังที่เหนือกว่าพลังวิญญาณอื่นใด มันสามารถทำให้คนอื่นเชื่อฟังได้ด้วยความเต็มใจ
ไม่เพียงแต่สติและปัญญาจะยังคงอยู่แต่พลังก็ยังเหลืออยู่เต็มที่อีกด้วย
เพียงแค่เขาพูดเขาก็เปลี่ยนศัตรูหน้าไหนก็ได้เป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ของตัวเองในพริบตา
แต่ต้องมีเงื่อนไขหนึ่งในการใช้วิชานี้นั่นคือเป้าหมายจะต้องมีดวงวิญญาณที่อ่อนแอและไม่ทันระวังตัว
“เล่าเรื่องสำนักนรกให้ข้าฟัง!”
…
ต่อมาซือหยูฟังพลางคิด โครงสร้างของสำนักนรกมีความซับซ้อนอย่างมาก ว่าที่เทพขั้นต้นอย่างลี่หลัวนับเป็นแค่ชนชั้นกลางในสำนักนรก
เหนือจากนางยังมียอดฝีมือชั้นสูงที่เป็นว่าที่เทพขั้นกลางและขั้นสูงเหนือกว่านั้นก็คือเจ้าสำนักนรกที่ลึกลับที่สุด…เทพแห่งความตาย
เมื่อได้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับสำนักนรกซือหยูพยักหน้าช้า ๆ และดึงง้าวกลับมา
หลังเกิดใหม่จากเพลิงลี่หลัวได้กลายเป็นสตรีวัยกลางคนผู้งดงาม นางคุกเข่าหนึ่งข้างลงกับพื้นและฟังคำสั่งซือหยูอย่างตั้งใจอยู่ตลอดเวลา ใบหน้านางเป็นธรรมชาติราวกับไม่ได้ถูกบังคับเลย
“มือสังหารอีกคนอยู่ไหนล่ะ?”
ซือหยูมองเทพไม้
เทพไม้กำกระเป๋าของนางหลวมๆ และทำแก้มป่อง
“ข้าต้องฟื้นคืนจิตวิญญาณเทพกลับมาจิตวิญญาณเทพของว่าที่เทพคนนี้ยังมั่นคงไม่พอ แต่มันดีพอที่จะฟื้นฟูพลังของข้า”
ซือหยูตอบอย่างไร้อารมณ์
“ต้องใช้ว่าที่เทพกี่คนเจ้าถึงจะพอใจล่ะ?งานชุมนุมเทพจะจัดขึ้นพรุ่งนี้แล้ว ถ้าเจ้าเชื่อฟัง ข้าจะช่วยเจ้าฟื้นคืนจิตวิญญาณเทพให้กลับมาเหมือนเดิมในคราเดียว…”
“ฮ่าๆๆๆข้ารู้ว่าเจ้าน่ะรักข้า สามีที่รักเอ๋ย เราจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ล่ะ?”
“และเจ้าก็จะหย่ากับข้าแล้วเอาสมบัติของข้าไปสินะ?”
“ใช่ใช่แล้ว! นั่นแหละที่ข้าคิด!”
“ทำไมเจ้าถึงพูดได้หน้าตาเฉยแบบนั้นกัน?!”
เทพไม้เงียบไป
เทพไม้ส่งมือสังหารที่นางจับได้ให้ซือหยูเขาอยู่ในสภาพที่ดี ดูเหมือนเทพไม้จะจับเขาได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเขาออกมาได้การตอบสนองแรกของเขาไม่ใช่การหนี แต่เป็นการสังหารซือหยูที่อยู่ตรงหน้า!
หากมีเทพไม้อยู่เขามิอาจหนีได้ เขาได้แต่ใช้โอกาสนี้สังหารซือหยู
“ฮื่ม!”
ลี่หลัวที่คุกเข่าข้างเดียวบนพื้นส่งเสียงอย่างเย็นชาและซัดฝ่ามือใส่เขา
ทั้งคู่เป็นว่าที่เทพขั้นต้นแต่ลี่หลัวนั้นมีพลังเหนือกว่าอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด นางสยบมือสังหารคนแรกได้อยู่หมัด
มือสังหารชายตกตะลึง
“ลี่หลัว!เจ้าเป็นมิตรกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ดูจากแววตาลี่หลัวมือสังหารชายไม่ได้เห็นว่าดวงวิญญาณของนางถูกบงการอยู่เลย
“ข้าจะฆ่าเจ้าก่อนที่เจ้าได้เข้าใกล้นายท่าน!”
ลี่หลัวแววตาโหดร้ายนางกำลังจะสังหารเขาแต่ซือหยูก็หยุดนางเอาไว้
เทพไม้นึกขึ้นได้นางใช้พลังเรียกเถาวัลย์จำนวนมากออกมาจากใต้ดินมัดตัวมือสังหารชายเอาไว้จนเหมือนกับขนมจีบ มีเพียงดวงตาและปากของเขาที่เผยให้เห็น
“ข้ายอมแพ้เจ้าก็ได้!”
มือสังหารกล่าว
“เจ้าเชื่อคำพูดตัวเองหรือไม่?”
ซือหยูถาม
มือสังหารตอบ
“ถ้าลี่หลัวยอมจำนนต่อเจ้าจินกังผู้นี้ก็จะทำแบบเดียวกัน!”
“มือสังหารสำนักนรกคนเดียวก็พอแล้วจะมีอีกคนไปทำไมกันเล่า?”
ซือหยูพูดอย่างไร้อารมณ์
“ทั้งพลังและฐานะในสำนักนรกกับเรื่องข้อมูลสำนักนรกของเจ้าด้อยกว่าลี่หลัวมากนักเก็บเจ้าไว้มันไร้ความหมาย!”
จินกังย่อมไม่เต็มใจจำยอมแต่เขาคิดจะหาโอกาสหนีและกลับมาสังหารซือหยูอีกครั้ง!
“แต่ถึงข้าไม่คิดจะเก็บเจ้าเอาไว้เจ้าก็มีค่ามากทีเดียว”
ซือหยูครึ่งยิ้มและเหลือบมองเทพไม้
เทพไม้เองก็ยิ้มจากนั้นดวงวิญญาณของจินกังก็ถูกทำให้อ่อนแอจนหมดสภาพ มิอาจต่อกรได้
หลังจากนั้นซือหยูก็ควบคุมเขาได้สำเร็จไปอีกคน
เมื่อว่าที่เทพทั้งสองคุกเข่าต่อหน้าซือหยูเหอหลูจูจึงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าสำนึกผิด
“เทพขนนกพวกเรามันใช้ไม่ได้เลย”
ซือหยูเจอมือสังหารที่หน้าเรือนเทพกระเรียนแต่คนตระกูลเทพกระเรียนจำนวนมากมายกลับต่อต้านไม่ได้ ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก
“พวกเจ้ามีพลังจำกัดถ้าพวกเจ้าบุ่มบ่ามเข้ามาตั้งแต่เมื่อครู่ นอกจากจำกลายเป็นตัวประกันแล้วพวกเจ้ายังจะทำอะไรไม่ได้ซ้ำร้ายยังขวางทางข้า ดีแล้วที่เจ้าหยุดคนของตัวเองเอาไว้”
ซือหยูกล่าวชม
ถ้าเหอหลูจูไม่หยุดคนในตระกูลเรื่องราวคงจะวุ่นวายไปมากกว่านี้ และนั่นจะเป็นความได้เปรียบของมือสังหาร
“ท่านเทพขนนก…เจ้าสอง…มือสังหารนี่ท่านจะจัดการยังไง?”
เหอหลูจูมองว่าที่เทพทั้งสองจากสำนักนรก
ว่ากันว่าว่าที่เทพมือสังหารจากสำนักนรกนั้นยอดเยี่ยมมากแต่ละคนสามารถลอบสังหารว่าที่เทพทั่วไปในพันธมิตรบูรพาได้ด้วยตัวเอง
เขาไม่เคยคิดว่าทั้งสองจะตกมาอยู่ในมือของเทพขนนกทีละคนเช่นนี้
ที่สำคัญกว่านั้นทั้งสองยังเชื่อฟังคำสั่งของซือหยูอีก นี่จะเป็นกำลังสำคัญของตระกูลเทพกระเรียน!
ซือหยูชี้ที่ลี่หลัว
“พานางกลับไปพักฟื้นพลังในช่วงนี้นางจะปกป้องตระกูลเทพกระเรียนแทนข้าชั่วคราว”
งานชุมนุมเทพกำลังจะเริ่มขึ้นซือหยูที่เป็นตัวแทนเทพจะหายไปจากโลกเทพกระเรียนในระยะหนึ่ง
“ส่วนจินกัง…”
ซือหยูเลียริมฝีปากอย่างเยือกเย็น
“คงไม่สุภาพนักหากไม่คืนสิ่งที่ได้รับมาหากนายน้อยฉินผู้ยิ่งใหญ่ห่วงใยข้านัก ถ้าหากข้าไม่ไปเยี่ยมก็คงจะเป็นการไม่รู้สำนึก!”
เขาถูกวางอุบายให้ตกอยู่ในอันตรายถึงสองครั้งถ้าหากเขาไม่แสดงพลังสักหน่อยล่ะก็…หึหึ…
เมื่อได้ยินความตั้งใจของซือหยูเสียงอันเปี่ยมไปด้วยความแค้นดังตามมา
“ท่านเทพขนนกหากท่านอยากเดินทางไปที่ตระกูลเทพตำรา ข้าเต็มใจนักที่จะนำท่านไป!”
เขาหันไปและพบกับคังเตี้ยยี่อดีตหัวหน้าหน่วยผู้คุมกฎ
ฉินเฟยเฉินได้ฉวยโอกาสเขาในวันก่อนทำให้เขาต้องมาอยู่ในโลกเทพกระเรียนเพื่อจะสังหารซือหยู
และไม่ว่าซือหยูจะมีชีวิตอยู่หรือไม่คังเตี้ยยี่ก็ต้องตายเพื่อปิดปากอยู่ดี!
ฉินเฟยเฉินส่งเขามาตายอย่างเห็นได้ชัด!
ซือหยูหัวเราะ
“เขาเป็นนายเก่าเจ้าเจ้าคิดจะทำเช่นนี้จริง ๆ หรือ?”
คังเตี้ยยี่มีแต่ความแค้นในใจ
“มิใช่ข้าไร้คุณธรรมแต่เป็นพวกตระกูลเทพตำราที่ผิดแปลก! ข้าเต็มใจรับใช้ท่านเทพขนนก”
ซือหยูเหลือบมองคังเตี้ยยี่และหัวเราะเบาๆ
“ดีจากนี้เจ้าอยู่ในโลกเทพกระเรียนกับข้าได้”
หวังยุ่นเสวียนเพียงแต่หัวเราะ
“วิหคที่ดีย่อมเลือกต้นไม้ที่ดีทำรังข้าพูดได้เพียงเท่านี้”
ซือหยูกับหวังยุ่นเสวียนจะไม่เข้าใจสิ่งที่คังเตี้ยยี่คิดอยู่หรือ?คังเตี้ยยี่อาสานำทางไปเพราะหวังว่าซือหยูจะปกป้องเขาที่ทำงานให้ได้
เมื่อเห็นซือหยูสยบมือสังหารว่าที่เทพทั้งสองกับตาคังเตี้ยยี่จึงมั่นใจในตัวซือหยูมากกว่าเดิมหลายเท่า เขาตัดสินใจที่จะมอบความศรัทธาให้กับซือหยู