ผู้อาวุโสโม่เอาป้ายอันหนึ่งออกมาจากอก ยื่นให้ลู่ฝานแล้วพูดว่า “นี่เป็นป้ายที่ฉันเป็นคนจัดการดูแลในตอนนั้น ตอนนี้เป็นของนายแล้ว อีกเดี๋ยวฉันจะเอาชื่อนายสลักไว้บนกำแพงพลังชี่ของเจดีย์ยา”

พูดพลาง ผู้อาวุโสโม่ก้าวออกไป ราวกับอยากพาเจ้าดำกับอี้ปู่ออกไปจนทนไม่ไหวแล้ว

เฮ่อจงมองลู่ฝาน ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ลู่ฝาน ฉันคิดไม่ถึงเลยว่านายจะเป็นคนหน้าเลือดขนาดนี้!”

พูดจบ เฮ่อจงส่ายหัวเดินออกไป

ผู้เฒ่าซูพูดอย่างไม่เกรงใจยิ่งกว่า เขาพูดเสียงดังว่า “ลู่ฝาน เก็บป้ายของนายไว้ให้ดี ระวังมันจะเอาชีวิตนาย!”

ทั้งสองเดินตามผู้อาวุโสโม่ออกไป

ตอนนี้ผู้ฝึกชี่ที่อยู่รอบๆ พากันเงียบทั้งหมด

ลู่ฝานมองป้ายเหมือนหยกในมือ จากนั้นพยักหน้าเบาๆ

ไม่ว่าอย่างไร เขาได้ป้ายนี้มาอยู่ในมือแล้ว

มีสิ่งนี้อยู่ ถือว่าอยู่ในเมืองหลวง เขามียันต์คุ้มกายที่ไม่เลวแล้ว!

……

หลังผ่านไปสองสามชั่วยาม ชื่อของลู่ฝานปรากฏอยู่บนกำแพงพลังชี่

เมื่อผู้ฝึกชี่ของเจดีย์ยาจำนวนไม่น้อย เห็นว่าลู่ฝานเป็นคนจัดการดูแลแล้ว พากันฮือฮาไปหมด ต่างสอบถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

หลังผ่านไปหนึ่งวัน เรื่องที่ลู่ฝานเอาอสูรวิเศษที่สามารถกลั่นยาได้ เป็นของแลกเปลี่ยนกับป้ายจัดการดูแล แพร่กระจายไปทั้งเจดีย์ยา

คนส่วนหนึ่งกำลังสอบถามด้วยความอยากรู้ ว่าเป็นอสูรวิเศษแบบไหนกันแน่ ที่สามารถกลั่นยาได้

ส่วนคนอีกส่วนหนึ่งกลับด่าทอลู่ฝานว่าหน้าไม่อาย ไม่คิดเลยว่านักบู๊จะกลายเป็นคนจัดการดูแลของเจดีย์ยา

หลังผ่านไปสามวัน เรื่องในเจดีย์ยาแพร่ไปถึงหูของอำนาจใหญ่อื่นๆ ในเมืองหลวง

ตระกูลหาน

หานอู๋ซวงนั่งอยู่ตรงข้ามสงป้าเทียน หลังจากได้ยินว่าลู่ฝานกลายเป็นคนจัดการดูแลของเจดีย์ยา เขาเกือบพ่นน้ำชาใส่หน้าสงป้าเทียน หลังจากนั้นเขาพูดเอะอะว่า “เด็กอย่างลู่ฝานมีความสามารถมากกว่าฉันอีก! เขาทำเรื่องที่ฉันยังไม่กล้าทำ นักบู๊กลายเป็นคนที่เหนือกว่าพวกผู้ฝึกชี่ ทำไมฉันฟังแล้วรู้สึกดีขนาดนี้!”

ตระกูลเทียน

เทียนหยาจื่ออ้าปากค้าง ยืนยันความถูกต้องของข่าวที่ได้รับหลายครั้งติดต่อกัน

“นายแน่ใจเหรอว่าจริง”

“ลู่ฝานเป็นคนจัดการดูแลของเจดีย์ยาจริงๆ เหรอ”

“ผู้อาวุโสของเจดีย์ยาอนุมัติเองเลยเหรอ”

หลังจากยืนยันว่าเรื่องจริงไม่มีความผิดพลาด เทียนหยาจื่อเงียบไป ผ่านไปนานจึงเค้นเสียงพูดออกมาว่า “ดี!”

ภายในพระราชวังที่อยู่ในเมือง

หลังจากองค์ชายรองฉินฝานได้ยินข่าวนี้ เขาหัวเราะจนหยุดไม่ได้

“ลู่ฝานนะลู่ฝาน นายทำให้ฉันประหลาดใจจริงๆ พี่ชายสุดที่รักของฉัน ครั้งนี้พี่จะทำอะไรเขาได้อีกไหม”

วังของไท่จื่อ

ไท่จื่อที่กำลังตกปลาอยู่ แปลกที่ไท่จื่อไม่โกรธ กลับหัวเราะออกมาด้วยซ้ำ

โยนเหยื่อเป็นกำ ลงไปในทะเลสาบ ไท่จื่อฉินอวิ่นยิ้มแล้วพูดว่า “ลู่ฝานน่าสนใจจริงๆ เขามีความสามารถกว่าที่ฉันจินตนาการไว้ เขาไม่เพียงแต่เข้าไปหลบในเจดีย์ยา ยังกลายเป็นคนจัดการดูแลอีกด้วย แค่นักบู๊ เขาเป็นแค่นักบู๊เท่านั้น!”

จางกวังกอดกระบี่อย่างสุขุมอยู่ด้านหลัง เขาพูดว่า “ไท่จื่อรู้สึกชอบคนมีความสามารถเหรอครับ”

ฉินอวิ่นยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ นักบู๊ธรรมดาเพียงคนเดียว คนที่ไม่มีค่าอะไร แน่นอนว่าฆ่าให้ตายดีที่สุด จะได้ไม่ขวางทาง แต่คนที่กลายเป็นคนจัดการดูแลเจดีย์ยา มีค่าให้ฉันเอามาเป็นพวก จางกวัง บอกให้เหรินเจียงไปมอบของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้ลู่ฝานแทนฉันหน่อย ถ้าเขาเป็นคนฉลาดและอยู่เป็น แปดผู้โดดเด่นของพวกนาย จะกลายเป็นเก้าผู้โดดเด่นแล้ว”

จางกวังขมวดคิ้วพูดว่า “ไม่ต้องให้เหรินเจียงหยั่งเชิงดูหน่อยเหรอครับ”

ฉินอวิ่นส่ายหน้าพูดว่า “ไม่จำเป็น แค่ฐานะก็เพียงพอแล้ว ฐานะคือสิ่งสำคัญ!”

พูดพลาง ฉินอวิ่นวางฝ่ามือลงบนผิวน้ำ ทันใดนั้นปลาโดนสะเทือนจนตาย ลอยขึ้นมาเป็นแถบ

“เจ้าปลาโง่ ทำไมต้องมาทำให้ฉันเสียเวลาด้วย รีบกินเหยื่อเร็วๆ ได้ไหม อย่าบอกนะว่าปลาโง่อย่างพวกแกไม่รู้เลยว่าฉันมีความอดทนต่ำมาก”