มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 689
“ผู้น้อยคิดว่าโลกแสงดาวนั้นใหญ่มาก แบ่งออกเป็นเหนือใต้ตะวันออกตะวันตกสี่อาณาจักรใหญ่ ข้าเคยไปแค่อาณาจักรเหนือ ที่ที่เคยไปมา ไม่ถึงหนึ่งในล้านของโลกแสงดาวด้วยซ้ำ” หลัวซิวกล่าวเช่นนี้

“ไม่ เจ้าผิดแล้ว ที่จริงโลกแสงดาวนั้นเล็กมาก” สตรีชุดม่วงส่ายหน้า “เมื่อเทียบกับทั่วทั้งจักรวาล โลกแสงดาวเป็นเพียงน้ำหยดหนึ่งที่ไม่สะดุดตาในทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุดเท่านั้น”

“ในจักรวาลมีพิภพอยู่มากมาย แบ่งออกเป็น พิภพชั้นล่าง พิภพ ชั้นกลาง พิภพชั้นสูง และพิภพชั้นสูงสุด เจ้ารู้หรือไม่ว่าโลกแสงดาว จัดอยู่ในพิภพชั้นไหน?”

เมื่อหลัวซิวได้ยินดังนั้น ก็ชะงักไปชั่วขณะ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ฟังแนวคิดเกี่ยวกับพิภพ

ในจักรวาลมีพิภพอยู่มากมาย โลกแสงดาวเป็นเพียงโลกที่ไม่โดดเด่นใบหนึ่งเท่านั้น?

ในอดีตที่ผ่านมา หลัวซิวไม่เคยคิดเลยว่านอกจากโลกแสงดาวแล้ว จะยังมีโลกอื่น ๆ อยู่อีก

คำถามของสตรีชุดม่วงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หลัวซิวครุ่นคิดอยู่สักพัก กล่าว: “ในโลกแสงดาวของเรามีผู้แข็งแกร่งแดนนิรันกาลอยู่จำนวนมาก ควรจะนับได้ว่าเป็นโลกในพิภพชั้นสูงใช่หรือไม่?”

หลังจากที่เขาได้พูดคำพูดนี้ออกมา สตรีชุดม่วงก็มีท่าทางยิ้มไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ออกมาทันที “โลกในพิภพชั้นสูง? โลกเล็ก ๆ อย่างโลกแสงดาวต่อให้วางไว้ในหมู่โลกในพิภพชั้นล่าง ก็นับได้ว่าเป็นโลกที่แสนธรรมดาใบหนึ่งเท่านั้นเอง”

“ทั่วทั้งจักรวาลโลกในพิภพชั้นล่างมีอยู่เป็นล้านแห่ง ตอนนี้เจ้ารู้แล้วหรือยังว่าโลกแดงดาวนั้นเล็กถึงเพียงใด?”

คำพูดเหล่านี้ของเทวทูตจื่อเยียน พูดได้ว่าได้ลบล้างทัศนคติที่มีต่อโลกของหลัวซิวโดยสิ้นเชิง

เมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกตกตะลึงของหลัวซิว เทวทูตจื่อเยียนก็ได้ยิ้มออกมา กล่าว: “บางทีเจ้าอาจจะคิดมาโดยตลอดว่าเหนือแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ก้าวสู่แดนนิรันกาล ก็ได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกยุทธ์แล้ว แต่ก็แค่ในโลกพิภพชั้นล่างเท่านั้น”

“โลกในพิภพชั้นกลางเรียกแดนนิรันกาลว่า แดนเทพมาร และเหนือเทพมารนั้น ยังมีเทพฟ้า!”

“โลกในโลกพิภพชั้นล่าง หมื่นปีพบเทพมารอยู่หนึ่งครั้ง และโลกในพิภพชั้นกลาง แสนปีถึงจะพบเทพฟ้าหนึ่งครั้ง!”

“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในโลกแสงดาว ความจริงแล้วเป็นสถานที่ฝึกฝนที่โลกเสวียนเทียนสร้างขึ้นในโลกแสงดาว เพื่อค้นหายอดในยอดอัจฉริยะส่งไปยังโลกเสวียนเทียน และโลกเสวียนเทียน ก็เป็นโลกในพิภพชั้นกลางนั่นเอง!”

พุดมาถึงตรงนี้ สตรีชุดม่วงก็ชะงักเล็กน้อย “ที่ข้าพูดสิ่งเหล่านี้กับเจ้า เพียงเพราะข้าคิดว่าเจ้าไม่เลวนัก บางที่อาจมีสักวัน มีความเป็นไปได้เพียงเล็กน้อยที่จะเดินออกไปจากโลกแสงดาว ก้าวสู่โลกเสวียนเทียน”

“แน่นอน เจ้านับได้แค่ว่าไม่เลวเท่านั้น จะสามารถมีสักวันที่เดินออกไปจากโลกแสงดาวที่จัดอยู่ในพิภพชั้นล่างเข้าสู่โลกในพิภพ ชั้นกลางได้หรือไม่ ยังต้องดูที่ความพยายามและการกระทำของเจ้า”

“ข้าเห็นเจ้าถูกโฉลกกับข้า รู้สึกว่าข้ากับเจ้ามีวาสนาต่อกัน จึงจะมอบโอกาสบางอย่างให้แก่เจ้า”

สตรีชุดม่วงดีดนิ้วมือขึ้นมากลางอากาศ ลำแสงสีดำสองสายก็ได้ลอยเข้ามาสู่มือของหลัวซิว กลายเป็นแผ่นหยกสองชิ้น

เมื่อเห็นแผ่นหยกทั้งสองชิ้นนี้ หลัวซิวก็รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย ดูก็รู้ว่าฐานะของสตรีชุดม่วงนางนี้ไม่ธรรมดา ของที่นางเอาออกมา ก็จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

“ในแผ่นหยกหนึ่งในนั้นได้บันทึกความรู้ที่ข้าได้ตระหนักรู้จากกฎความตายเขาไว้ จากแดนการฝึกตนในตอนนี้ของเจ้าสามารถทำความเข้าใจสิ่งที่อยู่ด้านในได้ เพียงพอที่จะให้เจ้าใช้ประโยชน์จากมันโดยไม่รู้จบ หากเจ้าสามารถทำความเข้าใจสิ่งที่อยู่ด้านในแผ่นยกได้อย่างทั้งหมดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เช่นนั้นเจ้าก็จะได้รับการยอมรับจากกฎดั้งเดิม เดินเข้าสู่แดนเทพมาร และก็คือที่โลกแสงดาวของพวกเจ้าเรียกว่าแดนนิรันกาลนั่นเอง!”

หลัวซิวได้ฟังคำพูดเหล่านี้ ในใจกก็รู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก แผ่นหยกที่สามารถทำให้คนก้าวสู่แดนนิรันกาลได้ ที่บันทึกเอาไว้ยังเป็นกฎความตายระดับสุดยอด ความล้ำค่าของแผ่นหยกชิ้นนี้แค่คิดก็ทราบได้แล้ว!

ในขณะเดียวกัน หลัวซิวก็ยิ่งเฝ้าคอยและอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น ในแผ่นหยกอีกแผ่นนั้น ได้บันทึกสิ่งใดเอาไว้?