ตอนที่ 432 เจ้าก็คือซิงซิงผู้นั้น?

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ท่ามกลางแสงสลัว นางคว้าสิ่งนั้นเอาไว้ในมือใช้กำลังฉุดดึงมันขึ้นมา ก็เห็นว่าเป็นดาบยักษ์ของพี่ใหญ่ที่นางทำหล่นหายไปนั่นเอง

แสงสีเงินยวงที่แวววาวพลันเปลี่ยนเป็นแสงสีดำทะมึนขึ้นมา

นางกระชับดาบเล่มนั้นเอาไว้ในมือ ตัวดาบที่หนักจมดินไปแล้วกว่าครึ่ง พอดึงขึ้นมาจึงมีโคลนดำๆเกาะอยู่เต็มไปหมด

ตู๋กูซิงหลันออกจะประหลาดใจอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าดาบใหญ่เล่มนี้มาที่นี่ได้อย่างไร

นางนั่งลงพักผ่อนที่ก้อนหินใหญ่ข้างๆอยู่ครู่หนึ่ง พอร่างกายมีกำลังขึ้นมาหน่อยก็ค่อยแบกดาบเล่มนั้นไปที่ริมแม่น้ำสีดำ จุ่มลงไปแกว่งไปแกว่งมา

ทันใดนั้นเอง บนศีรษะก็มีกิ่งเถาวัลย์สองสามกิ่งห้อยลงมา

น้ำในแม่น้ำเป็นสีดำสนิท จึงทำให้มองไม่เห็นเงาสะท้อนบนศีรษะแม้แต่น้อย ตู๋กูซิงหลันพึ่งจะก้มเอวลงไป กิ่งเถาวัลย์เหล่านั้นก็พันลงมาอย่างรวดเร็ว

นางถอยไปด้านข้างวูบหนึ่ง ใช้มือเดียวกุมดาบยักษ์พลิกมือฟันกลับไป

“ตึง…..” ได้ยินแต่เสียงของโลหะกระทบกันครั้งหนึ่ง เป็นเสียงของดาบยักษ์กระแทกเข้ากับกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่จนส่งเสียงดังบาดหู

เกิดเป็นสะเก็ดไฟที่สวยงามกระเด็นขึ้นมา และหล่นลงไปในน้ำสีดำ ราวกับถ่านแดงๆที่ถูกแช่ลงไปในน้ำเย็นจัด

ตู๋กูซิงหลันเขม่นตามองออกไป ตระเตรียมตั้งรับขึ้นมาในทันที

ดาบยักษ์ของพี่ใหญ่ ขนาดตอนที่ใช้สับราชามังกรทะเลตะวันตกลู่กว่างก็ยังทำได้เหมือนหั่นแตงโม

แต่ว่าตอนนี้แค่กิ่งสองกิ่งกลับตัดไม่ขาด?

เรียวแขนที่บอบบางพ้นชายเสื้อออกมา ยามฟาดดาบลงไปสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าท่อนแขนของนางเกร็งจนกล้ามขึ้น

พอกิ่งเถาวัลย์เพียงสองกิ่งไม่อาจจัดการนางได้ ก็มีกิ่งเถาวัลย์อีกนับสิบกิ่งหล่นลงมาจากด้านบนในทันที

กิ่งเถาวัลย์เหล่านี้ล้วนมีชีวิตจิตใจ บนกิ่งมีใบสีดำ บางใบพอดูดซึมไข่ของแมลงกินวิญญาณเข้าไปแล้วก็เปลี่ยนเป็นแสงสีเงินยวง

ตู๋กูซิงหลันกวัดแกว่งดาบยักษ์ออกไป กำลังที่ใช้ออกยังโหดเ**้ยมกว่าตอนที่ใช้กับลู่กว่างมากนัก แต่ว่ากิ่งเถาวัลย์พวกนี้กลับแข็งแกร่งอย่างไร้เหตุผล!

นางสับลงไปจนส่งเสียงดังตึงตังๆ ก็ยังไม่มีใบหล่นลงมาสักใบ!

กลับเป็นตู๋กูซิงหลันที่ถูกพวกกิ่งเถาวัลย์นับสิบกิ่งรายล้อมเข้ามาพันตัวจนขยับไม่ได้

ได้ยินเสียง ‘ซวบ’ดังขึ้นมา คราวนี้แม้แต่ดาบยักษ์ของนางก็ยังถูกรวบขึ้นไปบนต้นไม้ด้วยพร้อมๆกัน

วิญญาณทมิฬที่ช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง พยายามทั้งกัดและกระชากแต่กิ่งไม้พวกนั้นก็ไม่เป็นอะไร มันกัดเสียจนฟันโยกแล้ว

พอตู๋กูซิงหลันถูกลากขึ้นไป วิญญาณทิมฬก็ถูกมัดขึ้นไปด้วยเช่นกัน

ริมหูได้ยินเสียงลมพลิ้วผ่าน ยิ่งสูงขึ้นไปกลิ่นเหม็นก็ยิ่งจางลง

ต้นไม้ต้นนี้สูงมาก ยังสูงกว่าน้ำตกสีดำนั้นอีกครึ่งหนึ่ง

ลำต้นขนาดใหญ่แทบจะครอบคลุมอยู่เหนือน้ำตกทั้งหมด พอตู๋กูซิงหลันถูกลากขึ้นไปถึงได้มองเห็นสภาพโดยรอบได้ชัดเจนมากขึ้น

ท่ามกลางความมืดมิด มีแสงสีเงินเล็กๆทอประกายราวกับหมู่ดาวในยามราตรี

มือที่กุมดาบยักษ์เอาไว้ถูกมัดจนแน่นหนา ทั่วทั้งร่างถูกพันทบไปมาจนเป็นลูกบ๊ะจ่าง คนถูกลากขึ้นไปเรื่อยๆจนเกือบจะถึงจุดที่เป็น ‘เขามังกร’ ต้นไม้ต้นนั้นถึงได้หยุดลง

ได้ยินเสียงดังซวบซาบดังมา กิ่งเถาวัลย์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจับตู๋กูซิงหลันมัดเอาไว้บนกิ่งกิ่งหนึ่ง

พอมองลงไป ก็สูงจากพื้นถึงร้อยกว่าเมตร!

ใต้เท้ามีแต่ความว่างเปล่า หากว่าไม่ระมัดระวังจนตกลงไปมีหวังต้องพบกับจุดจบที่กระดูกหักทั่วร่าง

ตู๋กูซิงหลันกลั้นลมหายใจเอาไว้ ขณะเดียวกันก็พบว่ากิ่งเถาวัลย์ต่างๆค่อยๆถอยออกไป เหลือเพียงไม่กี่กิ่งทำหน้าที่คอยช่วยพยุงนางเอาไว้

พอนางคิดจะหยิบยันต์ขึ้นมา เพียงแค่ขยับมือก็ถูกจับมัดไว้อีกครั้ง แม้แต่ดาบยักษ์ก็ยังถูกต้นไม้ต้นนี้ลากออกไปจนไกลจากนาง

ทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงของบุรุษที่ผ่านโลกมามากผู้หนึ่ง “ช่างเป็นสาวน้อยที่อารมณ์ร้ายนัก”

น้ำเสียงนั้นดังมาจากทุกทิศทาง จนแยกไม่ออกว่ามาจากที่ใดกันแน่

ตู๋กูซิงหลันเบิกตาโต ถามออกไปว่า “ท่านผู้อาสุโสคือผู้ใด?”

ตั้งแต่ตอนที่นางตกลงมาในหุบเหวไร้ก้น ก็ไม่เคยได้พบกับคนที่ยังมีชีวิตมาก่อน อยู่ๆพอได้ยินเสียงที่สามารถใช้ภาษามนุษย์สื่อสารกันได้จึงรู้สึกว่าน่าสนิทสนมขึ้นมา

คืนต้นไม้ต้นนี้น่ะหรือ?

หรือว่าเป็นเทพเซียนที่อยู่เบื้องหลังของมันกัน?”

ด้วยความสามารถขนาดที่เจ้าจระเข้ผีดิบยังกริ่งเกรงและสามารถบังคับเหล่าแมลงกินวิญญาณเท่านี้ก็มิอาจมองข้ามได้แล้ว

“เจ้าถามว่าข้าเป็นใครหรือ?” คนผู้นั้นรู้สึกเหมือนได้ยินเรื่องขำขันจนต้องหัวเราะออกมา “เจ้าตกลงมาในหุบเหวไร้ก้น กลับไม่รู้ว่าข้าคือผู้ใดหรือ?”

“ทำไมเด็กรุ่นหลังในตอนนี้ จึงไม่รู้เรื่องรู้ราวถึงเพียงนี้….”

ตู๋กูซิงหลัน “…….” นางต้องของอภัยในความไม่รู้เรื่องของตนเอง แต่ว่ามันคือเรื่องจริง!

ต้นไม้นั้นมิได้รัดนางจนแนบแน่น แต่ว่านางก็ไม่อาจดิ้นหลุดได้

นางก้มหน้าลง กระพริบตาเบาๆ ก็เห็นว่าด้ายผูกชะตาบนข้อมมือเป็นสีแดงเข้มขึ้นมา

หัวใจของนางกระตุกวาบ มองออกไป ก็เห็นว่าไม่ไกลออกไป ตรงจุดหนึ่งบนยอดไม้ที่มีกิ่งเถาวัลย์พันไปมาจนมิดชิด มีเงาร่างร่างหนึ่งถูกห่อหุ้มเอาไว้

เพราะถูกกิ่งก้านที่สลับซับซ้อนบดบังสายตา ตอนแรกจึงมองไม่เห็น

“ว่าอย่างไร พวกเจ้ารู้จักกันด้วยหรือ?” ครู่หนึ่งเสียงนั้นก็ดังขึ้นมาอีกด้วยน้ำเสียงที่หยอกเย้า

ตู๋กูซิงหลันไม่ได้ตอบคำถาม นางยังไม่รู้ชัดว่าอีกฝ่ายคือใครมาจากไหน ย่อมไม่ยอมตอบกลับไปง่ายๆ

มีเพียงข้อหนึ่งที่น่าจะยืนยันได้นั่นก็คืออีกฝ่ายเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง เป็นพวกสุดยอดของความแข็งแกร่ง!

หากว่าพลาดไปเพียงนิดเดียว ก็อาจทำให้ตนเองต้องแหลกลาญได้อย่างแน่นอน!

เห็นนางไม่ตอบ อีกฝ่ายก็ไม่ได้โกรธ เพียงเอ่ยเรื่อยๆให้ได้ยินว่า “คนหนุ่มผู้นี้ ตอนที่ตกลงมา ก็บังเอิญกระแทกเข้ากับจุดที่มีหินที่แข็งที่สุดของหุบเหวไร้ก้น เดิมทีก็ได้รับบาดเจ็บหนักอยู่แล้ว คราวนี้จึงถึงกับกระดูกแตกแหลกละเอียด ช่างน่าเสียดายรูปโฉมที่งดงามนั่นจริงๆ….”

ประโยคนี้ ถึงกับทำให้หัวใจของตู๋กูซิงหลันผวาขึ้นมาอย่าง่ายดาย?

เขา…..กระดูกแตกแหลกละเอียด?

“พอตกลงมา ก็ยังพึมพำเรียกหาซิงซิงอะไรนั่น?”

คนผู้นั้นเอ่ยต่อไปว่า “เจ้าก็คือซิงซิงผู้นั้นหรือเปล่า?”

หัวใจของตู๋กูซิงหลันหดเล็กลง ร่างโน้มออกไปด้านหน้าในทันที กิ่งเถาวัลย์ที่พันรัดนางเอาไว้จึงยิ่งขมวดแน่นกว่าเดิม

“จะตื่นเต้นเคร่งเครียดไปใย?” คนผู้นั้นหัวเราะเบาๆ “เจ้าก็คือซิงซิง (ดาว) ดวงนั้นจริงๆ?”

ตู๋กูซิงหลันถอนหายใจ จากนั้นเอ่ยเสียงต่ำว่า “ซิงหลันไร้แซ่ เป็นแม่ของเขา! เกิดเรื่องกับลูก แม่คนใดจะไม่ห่วงใยบ้างเล่า?”

คนผู้นั้น “…..”

แม้แต่วิญญาณทมิฬเองก็ยังนิ่งอึ้งไป เจ้านี่มันยึดติดกับการเป็นแม่มากเกินไปแล้ว!

หลังจากนั้นอีกครู่ใหญ่ ที่เบื้องหน้าพลันปรากฏแสงสีเงินทึมๆขึ้นมา ได้ยินเสียงวิ้งๆ ก็เห็นประกายแสงเหล่านั้นรวมตัวกันเป็นเงาร่างร่างหนึ่งอย่างช้าๆ

แสงสีเงินเรืองรองตรงหน้า ดุจดั่งเทพเซียน

รูปร่างของเขาสูงโปร่ง มีเส้นผมยาวสีเงินยวง หันหลังให้กับตู๋กูซิงหลัน เสื้อผ้าบนร่างพลิ้วไหว เผยใบหน้าด้านข้างให้เห็นเพียงบางส่วนเท่านั้น

เป็นรูปโฉมที่งดงามจนไม่อาจจะหาใครมาเทียบเทียม!

เขาหันหลังให้กับตู๋กูซิงหลัน พลางเคลื่อนมายังด้านหน้าอีกสองก้าว พอมาถึงเบื้องหน้าของตู๋กูซิงหลัน ก็คว้ากิ่งเถาวัลย์กิ่งหนึ่งเอาไว้ สอบถามอย่างจริงจังว่า “เจ้าชื่ออะไรนะ?”

ตู๋กูซิงหลัน “……”

“นั่นเอ่อ ท่านผู้อาวุโส ข้าอยู่ด้านหลังของท่าน….” ผ่านไปพักใหญ่ตู๋กูซิงหลันค่อยเอ่ยขึ้นมา

“อ้อ……อายุมากแล้ว สายตาจึงไม่ค่อยดี” คนผู้นั้นนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ค่อยหมุนร่างกลับมา เดินมาทางข้างกายตู๋กูซิงหลัน ……ตรงหน้าวิญญาณทมิฬ ก็ยื่นมือออกไปลูบคลำ

“ นี่เจ้ามีขนยาวด้วยหรือ?” เขามีสีหน้าจริงจัง คล้ายไม่ได้เสแสร้ง ว่าแล้วก็คลำดูอีกหลายรอบ

วิญญาณทมิฬถูกคว้าคอเอาไว้ มันไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย

คนผู้นี้มีพลังสุดแข็งแกร่งอยู่ภายในร่าง เพียงแค่มายืนอยู่ตรงหน้า ก็แทบจะทำให้มันคุกเข่าลงไปบนพื้นร้องเรียกเป็นบิดาแล้ว

………………….

ตอนต่อไป “ _ _ คนงาม”

ไรท์ : เล่นทายคำชื่อตอนหน้า อะไรเอ่ยมีสองพยางค์