ติ่งผิงต่อสู้กับจางโม่
ในเรื่องของระดับพลัง ติ่งผิงตามหลังจางโม่ถึงหกระดับ แต่เขาใช้วิธีการทุกอย่างทำให้พลังต่อสู้ของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าจางโม่ แล้วด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพบวกกับพลังแห่งจักรภพ ทำให้เขามีพลังมากกว่าจางโม่มาก
เมื่อชายทั้งสองคนต่อสู้กัน ในไม่ช้าตระกูลติ่งก็กลายเป็นซากปรักหักพักและอย่างน้อยหนึ่งในสามของสมาชิกตระกูลปลิวออกไปหลังจากการต่อสู้
จางโม่เริ่มตกตะลึงมากขึ้นเมื่อต่อสู้ ตอนแรกเขาคิดว่าสามารถเอาชนะติ่งผิงได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งถึงขนาดทำให้เขาฝ่ายแพ้!
เรื่องนี้ทำให้เขาเริ่มเป็นบ้า
ถ้าศัตรูเป็นหลิงฮันเขาคงไม่อับอายที่แพ้ นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นสัตว์ประหลาดที่แม้แต่อาจารย์ของเขาหรืออาจารย์ของอาจารย์หรือแม้กระทั่งอัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่ตอนนี้คนที่เขาต่อสู้ด้วยคือศิษย์ของอีกฝ่าย แล้วเขาจะไม่รู้สึกอับอายได้อย่างไร
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่ได้มีเพียงแค่หลิงฮันเท่านั้นที่มีพรสวรรค์น่าสะพรึงกลัว แม้แต่ศิษย์ของเขาก็ไม่อาจดูแคลนได้!” สาวงามคนหนึ่งลงมาจากท้องฟ้า นางมีปีกหนึ่งคู่อยู่ด้านหลังที่กระพือไปมาเล็กน้อยเพื่อให้บินบนท้องฟ้าได้
ในโลกใบเล็กปีกทั้งสองข้างของนางคงจะไร้ประโยชน์ นั่นเป็นเพราะหลังจากที่ทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานก็สามารถบินได้แล้ว
แต่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีเพียงแค่จอมยุทธระดับดาราที่เข้าใจความลับของสวรรค์และปฐพีเท่านั้น ถึงจะโปรยบินบนท้องฟ้าได้
– แต่ไม่ใช่ว่าดาวเหอหนิงมีจอมยุทธระดับดาราไม่กี่คนหรอกหรือ?
ดังนั้น การมีปีกบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นความฝันของใครหลายคนที่จะได้โปรยบิน อย่างน้อยก็ของผู้คนเมื่อหลายล้านปีก่อน
ตงหลินเอ๋อเป็นลูกศิษย์อาวุโสของนิกายนกอมตะเมฆา
อัจฉริยะดั้งเดิมได้รับสภาพแวดล้อมของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ บวกกับการเปิดสวรรค์ แน่นอน ถ้าเทียบกับหลิงฮันแล้วพวกเขาเหมือนเป็นคนทั่วไป ตอนนี้พวกเขาเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติขั้นเก้าเท่านั้น
“หึ่ม นี่เจ้ายังไม่รีบเข้ามาช่วยข้าอีกรึ!” จางโม่อย่างไม่พอใจ
“ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เจ้าพูดด้วยความมั่นใจว่าไม่ต้องการผู้ช่วยหรอกรึ?” ตงหลินเอ๋อหัวเราะ พลังต่อสู้ของนางไม่ได้ด้อยไปกว่าจางโม๋ แล้วถ้าบวกกับความสามารถบิน นางจึงไม่กลัวว่าจะไม่สามารถหนีจากติงผิงไปได้
“หึ่ม ถ้างั้นทำไมเจ้าไม่ลองต่อสู้กับติงผิงคนเดียวดูล่ะ?” จางโม่เค้นเสียงพูด พรสวรรค์ของเจ้าเด็กนี่แทบไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิงฮัน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะประมาท
“ย่อมได้ ข้าจะจัดการเจ้าเด็กนี่ให้เร็วที่สุด เพราะที่เมืองจักรพรรดิยังมีจอมยุทธระดับทลายมิติอีกหลายคนให้ต้องจัดการ” ตงหลิงเอ๋อไม่พูดอ้อมค้อมและเข้าร่วมการต่อสู้โดยตรง
“จอมยุทธระดับทลายมิติไม่ได้น่ากลัว ที่น่าหวาดกลัวคือมังกรเฒ่าต่างหาก” จางโม่กล่าว
“ผู้อาวุโสหลายคนได้ทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้าไปแล้ว ถ้าพวกเขาร่วมมือกัน มังกรเฒ่าจะมีพิษสงอะไร!” ตงหลินเอ๋อพูดด้วยความเกี้ยวกราด
ไม่ว่าในกรณีใดที่พวกเขาต้องการคือใครก็ได้ที่นั่งบัลลังก์จักรพรรดิและคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง ความสำเร็จของตัวจักรพรรดินั้นไม่มีผลอะไรกับพวกเขาทั้งนั้น
ติงผิงฟังด้วยความเดือดดาล
เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดทำให้จิตใจของเขาหวั่นไหว แต่ที่อีกฝ่ายไม่รู้คือหลิงฮันกลับมาแล้ว และใช้เวลาแค่สามเดือนเท่านั้นในการฝึกจอมยุทธระดับภูผาวารีสี่คน!
ในปัจจุบัน เมืองจักรพรรดิมีจอมยุทธขอบเขตพระเจ้าเกือบสิบคน และพลังต่อสู้ของหลิงฮันกับจักรพรรดิจอมอสูรยังอยู่ในระดับภูผาวารีขั้นสูง
ภายในจักรวรรดิต้าหลิง หลิงฮันสามารถสยบจอมยุทธระดับทลายมิติทุกคนได้ด้วยนิ้วเดียว
แต่เดี๋ยวก่อน!
ติงผิงคิดในใจ ถ้าเขาหนี แผนการโจมตีของอีกฝ่ายจะล่าช้าหรือไม่? อาจารย์ ข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อเล่นกับคนพวกนี้เอง ข้าจะปล่อยให้อาจารย์จัดการเรื่องเล็กน้อยนี่ได้อย่างไร?
นี่คือการตัดสินใจของเขา!
ติงผิงล่าถอยอย่างกะทันหันและพูดว่า “ข้ายินดีที่จะร่วมมือกับพวกเจ้า แต่พวกเจ้าต้องรับปากข้าว่าจะไม่ทำร้ายข้าหรือผนึกพลังของข้า!”
“หืม?” ตงหลินเอ๋อและจางโม่มองหน้ากันด้วยความแปลกใจ
ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงเปลี่ยนใจเร็วขนาดนี้?
หรือเป็นเพราะสองต่อหนึ่งสู้ไม่ได้เลยยอมแพ้? ฮ่าฮ่าฮ่า ทุกคนย่อมกลัวต่อความตาย ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าเด็กนี่ยังเป็นแค่รุ่นเยาว์เท่านั้น เป็นธรรมดาที่จะกลัวความตาย
“ตกลง!” ทั้งสองคนพยักหน้า เพราะยังไงติงผิงก็เป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติเท่านั้น
ติ่งผิงตามทั้งสองคนไปอย่างเงียบๆ และพวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ได้บังคับอะไรเขาเลยเพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ
พวกเขาเดินทางผ่านภูเขาและแม่น้ำ และเข้าไปในเมืองที่มีชีวิตชีวาแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้านิกายโบราณ
อย่างที่คิดสถานที่ตั้งของห้านิกายโบราณอยู่ในเมือง ในตอนที่จักรพรรดิพิรุณและคนอื่นๆตามกวาดล้างสมาชิกห้านิกายโบราณที่เหลือรอดอยู่ พวกเขาตามหาทั้งในภูเขาและทะเล แต่ใครจะคิดว่าพวกมันปักหลักอยู่ในเมืองที่มีชีวิตชีวาเช่นนี้
ภายใต้การนำทางของตงหลิงเอ๋อ พวกเขาเข้าไปในคฤหาสน์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่มีทะเลสาบธรรมชาติและทัศนียภาพที่งดงาม
“ผู้รู้สถานการณ์ คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ!” ราชันดาบปรากฏตัว แต่ทว่าตอนนี้เขาได้ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีแล้ว ซึ่งเขาไม่คิดที่จะปกปิดกลิ่นอายของตนเองเลยแม้แต่น้อย กลิ่นอายที่เขาปลดปล่อยออกมาคล้ายกับเจตจำนงแห่งดาบที่ก่อตัวเป็นเงาดาบรอบตัวเขา หากมันพุ่งออกไปก็จะสามารถฆ่าจอมยุทธระดับทลายมิติได้ทันที
เขาได้ยินตงหลินเอ๋อพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันและไม่มีข้อสงสัยเลยแม้แต่น้อย ในช่วงสองปีที่ผ่านมา หลิงฮันไม่เคยกลับมาที่นี่เลย ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาไม่สามารถออกมาจากจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะได้
ในทางกลับกัน ห้านิกายโบราณมีจอมยุทธหลายคนที่ถูกปิดผนึกและหลับไหลมาเป็นเวลาหลายหมื่นปี แล้วตอนนี้ในเมื่อพวกเขาได้เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว มีอย่างน้อยหนึ่งในสิบคนที่ทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้า ซึ่งทำให้ตอนนี้พวกเขามีจอมยุทธที่ทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้ามากเกือบสี่สิบคน!
นี่คือกองกำลังที่เด็ดขาด คนเดียวที่พวกเขาต้องกลัวคือเฮ่อเหลียนเทียนหยุน มังกรเฒ่านั่นมีพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวมาก และได้ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีแล้ว พลังต่อสู้ของเขาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“เจ้ารู้อะไรจงพูดออกมา” ราชันดาบกล่าว เขาต้องการข้อมูลของเฮ่อเหลียนเทียนหยุนให้มากที่สุดเพื่อที่จะได้วางแผนรับมือตอบโต้
ติงผิงไม่คิดจะปกปิดอะไรและบอกข้อมูลของเฮ่อเหลียนเทียนหยุนให้อีกฝ่ายฟัง ซึ่งทำให้ราชันดาบรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และคิดในใจว่าติงผิงเป็นคนขี้ขลาดตาขาว ทั้งที่ยังไม่โดนทรมานอะไรเลยแท้ๆ แต่ก็พูดออกมาจนหมดเปลือก
ห้านิกายโบราณมีข้อมูลเกี่ยวกับเฮ่อเหลียนเทียนหยุนอยู่บ้าง เมื่อเทียบกับข้อมูลที่เพิ่งได้รับมาจากติงผิงแล้ว นั่นทำให้เขาพูดว่าติงผิงไม่ได้พูดโกหกเลยแม้แต่คำเดียว
พวกเขาเชื่อในคำพูดของติงผิงและคิดว่าติงผิงยังเด็กเกินไปและเกรงกลัวต่อความตาย
ตั้งแต่ที่ติงผิงร่วมมือกับพวกเขา พวกเขาจึงไม่ทำอะไรติงผิง บางทีพวกเขาอาจยอมรับติงผิงในฐานะหมาเฝ้าบ้าน นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติเท่านั้น
พวกเขาตกลงเห็นด้วยที่จะโจมตีเมืองจักรพรรดิในอีกสิบวันข้างหน้า
ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา พวกเขาเตรียมตัวกันมาอย่างดีและรอแค่เวลาเปิดศึกเท่านั้น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สิบวันต่อมา ติงผิงนำกลุ่มคนลอบเข้าไปในเมืองและเข้าไปในพระราชวังอย่างเงียบๆ ซึ่งมีคนในรอสมทบและเข้าร่วมกองทัพยึดอำนาจ