[ส่วนที่ 9 บัวพ้นน้ำ] ตอนที่ 52 ใช้คนทดลอง (สาม)

เจาะเวลาสู่ต้าถัง

“หลังจากซุนเต้าจั่งทั้งหกคนเข้าไปแล้ว เขาก็ปิดทางเข้าถ้ำอย่างแน่นหนา หากไม่ครบสองเดือนก็ไม่อนุญาตให้เปิดออก ไม่ว่าเช่นไรก็ไม่อนุญาตให้เปิด หน้าต่างระบายอากาศข้างบนคือทางเข้าออกของอาหาร ใช้บ่วงส่งเข้าไป บ่วงต้องล้างด้วยแอลกอฮอล์ทุกวัน คนที่ปฏิบัติงานต้องสวมเสื้อคลุมทั้งตัว สวมหน้ากากปิดปากปิดจมูก ใช้ครั้งเดียวก็เผาทิ้งซะ คนที่มายุ่งเกี่ยวด้วยยิ่งน้อยยิ่งดี หากอยู่ภายใต้เงื่อนไขการป้องกันเช่นนี้ แล้วพวกเจ้ายังมีคนป่วยอยู่ เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าควรจัดการเช่นไร แล้วข้าจะจุดไฟเผาภูเขาลูกนี้เอง” 

 

 

อวิ๋นเยี่ยพูดคำที่ไร้ความปรานีที่สุดบนโลกใบนี้ให้ทหารที่อยู่ข้างหลังฟังอย่างแผ่วเบา แต่ความเจ็บปวดในใจกลับราวกับกระแสน้ำที่กระทบเข้ามาให้หัวของเขา เงื่อนไขเรียบง่ายเกินไปแล้ว ปัจจัยที่ไม่แน่นอนมากเกินไป เงื่อนไขการป้องกันที่พูดได้ว่าเคร่งครัดจนเคร่งครัดไปกว่านี้ไม่ได้แล้วของยุคหลังยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ตอนนี้การทำเรื่องแบบนี้มันอันตรายเกินไป นอกเสียจากว่าต้องเอาชีวิตคนไปเติมเต็มก็ไม่มีวิธีอื่น 

 

 

“อวิ๋นโหว พี่น้องทุกคนต่างก็รู้ว่าการทหารครั้งนี้อันตรายอย่างยิ่ง แต่ไม่รู้ว่าอันตรายมาจากไหน แต่เมื่อเห็นซุนเต้าจั่งเดินเข้าไปในถ้ำ ข้าก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา ฝ่าบาทสั่งให้ข้าทำตามคำสั่งของท่านโหวอย่างเคร่งครัด ในถ้ำกำลังทำอะไรข้าไม่กล้าถาม แต่แค่อยากรู้ว่าหากพวกข้าตายไป พวกข้าตายไปอย่างคุ้มค่าหรือไม่” 

 

 

เมื่อแม่ทัพไป๋เหยี่ยนเหรินพูดเช่นนี้ ดูเหมือนว่ารูม่านตาของเขาจะหดตัวลง อวิ๋นเยี่ยพูดกับเขาอย่างเคร่งขรึมว่า “เดิมทีฝ่าบาทจะส่งองค์ชายมาทำเรื่องที่เจ้ากำลังทำอยู่ตอนนี้ แต่ถูกข้าปฏิเสธ องค์ชายอาจจะพึ่งพาได้มากกว่าเจ้า แต่ในเรื่องความสามารถของการป้องกันเขาด้อยกว่าเจ้า ข้าจะบอกเจ้าให้ว่าหากเจ้าตายในภารกิจครั้งนี้ เจ้ามีความดีความชอบยิ่งใหญ่กว่าการไปยึดธงเมืองอื่นเสียอีก” 

 

 

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นท่านโหวจะจัดการเช่นไร คำสั่งของท่านเมื่อครู่คือไม่อนุญาตให้ใครออกไป ถึงตอนนั้นหากท่านทำไม่ลง ก็ให้ข้าทำแทนดีหรือไม่” 

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นว่าไอ้สารเลวที่จะฆ่าตัวเองเมื่อไรก็ได้มีฟันสีขาวแล้วยังสามารถสะท้อนแสงอาทิตย์ได้ ต้องอธิบายให้ชัดเจนว่าตัวเองไม่มีทางติดเชื้อไข้ทรพิษ ไม่มีทางตาย 

 

 

“หากพูดถึงเรื่องนี้ เจ้าค่อนข้างซวย ข้าค่อนข้างโชคดี เพราะเรื่องพื้นฐานของร่างกาย ข้าไม่มีทางเป็นอะไร ส่วนเจ้า ข้าพูดอะไรไม่ได้ ดังนั้นถึงตอนนั้น ตอนที่เจ้าฆ่าตัวตายเจ้าช่วยลงมือให้รวดเร็วหน่อย ข้าฆ่าคนไม่ค่อยเป็น ไก่ที่บ้านข้ายังฆ่าไม่ตาย หากให้ข้าช่วยฆ่าเจ้า บางทีใช้มีดฟันสิบกว่าครั้งเจ้าก็อาจจะยังไม่ตาย ถึงตอนนั้นอย่าโทษว่าข้าฝีมือไม่ดี” 

 

 

สองคนกำลังพูดคุยกัน ซุนซือเหมี่ยวก็เดินขึ้นจากป่าพร้อมกับคนทดลองยาอีกห้าคน ทุกคนสวมเสื้อสีขาว ไม่พูดไม่จาช่างทำให้คนรู้สึกกลัว 

 

 

อวิ๋นเยี่ยเดินเข้าไปเหมือนอยากจะพูดอะไรกับเหล่าเต้า แต่ซุนซือเหมี่ยวกลับหัวเราะแล้วห้ามเอาไว้ จับมือเขาแล้วพูดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องเตือนข้าอีก และก็ไม่ต้องบอกว่าให้เจ้ามาแทนข้า เจ้ามีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้ข้าเชื่อ ความจริงข้าเชื่อในสิ่งที่เจ้าพูดทั้งหมด เมื่อก่อนข้ายังสงสัย แต่หลายปีที่ผ่านมาข้าก็ได้ตรวจสอบความถูกต้องของเจ้าทีละอย่าง การทดลองนี้สำคัญมาก ข้าไม่อยากยืมมือคนอื่น แม้แต่เจ้าก็ไม่ได้ ข้าเกิดมาในลัทธิเต๋า อาจารย์ของข้าคือผู้บำเพ็ญเพียรที่เคร่งครัดเป็นอย่างยิ่ง หากทำสำเร็จ ความดีความชอบในครั้งนี้อาจจะช่วยเหลือลัทธิเต๋าที่กำลังตกต่ำได้ ก็ถือว่าข้าได้ทำดีที่สุดเพื่อความศรัทธาของข้าแล้ว” 

 

 

ตบที่มือของอวิ๋นเยี่ยเบาๆ แล้วก็เดินผ่านเขาเข้าไปในถ้ำ ที่นั่น มีเสื้อผ้าแบบเดียวกันหกชิ้นรอให้พวกเขาสวมใส่ เสื้อชุดนั้นจะต้องใส่เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม… 

 

 

เมื่อซุนซือเหมี่ยวพาชายทั้งห้าเดินเข้าไปในถ้ำ หินก้อนใหญ่ก็ตกลงมาบนพื้น ปิดผนึกปากถ้ำไว้อย่างแน่นหนา อวิ๋นเยี่ยคุกเข่าลงและโค้งคำนับไปที่ปากถ้ำอย่างเคร่งขรึม ตั้งแต่มาที่โลกใบนี้ เขาไม่เคยคุกเข่าโค้งคำนับใครจริงใจเช่นนี้มาก่อน การโค้งคำนับสามครั้ง แม้แต่กับหลี่ซื่อหมินเขาก็ไม่เคยทำ 

 

 

แม่ทัพไป๋เหยี่ยนก็โค้งคำนับตาม เหล่าทหารไม่ว่าตัวจะอยู่ที่ไหนก็ต่างพากันโค้งคำนับไปตรงปากถ้ำ พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมต้องคุกเข่าโค้งคำนับ แค่เห็นว่าท่านโหวกับแม่ทัพกำลังคำนับ พวกเขาจึงคำนับตาม เพราะคนที่เดินเข้าไปคือซุนซือเหมี่ยว โค้งคำนับก็เป็นเรื่องที่ควรทำ ได้เจอกับซุนเทพเซียนล้วนแต่เป็นบุญบารมี 

 

 

อวิ๋นเยี่ยสร้างบ้านไม้อยู่ตรงปากถ้ำ ไม่มีกำแพงด้านหน้า เงยหน้าขึ้นก็สามารถมองเห็นปากถ้ำทันที เดือนนี้เขาวางแผนจะอาศัยอยู่ที่นี่ รอเหล่าซุนกลับมาอย่างปลอดภัย หากมีการเล่นพิณ มันคงจะสามารถปลอบประโลมจิตใจที่หงุดหงิดในถ้ำได้ แต่มีพิณก็ไร้ประโยชน์ เพราะอวิ๋นเยี่ยเล่นไม่เป็น ฝากความหวังไว้ที่แม่ทัพไป๋เหยี่ยนไม่สู้ฝากความหวังไว้ที่วัวสักตัว โชคดีที่เหล่าซุนเอาโทรศัพท์เข้าไปด้วย เพลง ‘คำสาปที่บริสุทธิ์’ ในโทรศัพท์อาจจะทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจขึ้น เหล่าซุนรู้ว่าแค่กดปุ่มนั้น ก็จะมีเสียงดนตรีที่ไพเราะดังออกมา เขาตกใจมากแต่กลับไม่ถามอวิ๋นเยี่ยสักคำ อวิ๋นเยี่ยบอกเขาว่ามันสามารถเล่นไปได้เรื่อยๆ ถึงสามชั่วโมง แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้แบตเตอรี่ยังคงเล่นถึงสามชั่วโมงได้หรือไม่  

 

 

ในใจทุกข์ทรมาน แต่สีหน้ากลับไม่สามารถแสดงความกังวลออกมาได้ เพราะเช่นนี้ถึงได้เกิดภาพแปลกๆ ขึ้นที่ครึ่งห้องของอวิ๋นเยี่ย อวิ๋นเยี่ยกำลังฝึกเขียนตัวอักษร ยืดไหล่ตรง เขียนตัวอักษรราวกับมังกรและงูที่คดเคี้ยว หลังคาผ้ากระสับกระสาย ทำเอาเหล่าทหารต่างพากันเคารพศรัทธา คนที่มีความรู้ก็มักจะได้รับการเคารพเสมอ 

 

 

หลังจากที่อวิ๋นเยี่ยเขียนคำว่าไอ้สารเลวกว่าสี่ร้อยรอบเสร็จ จากนั้นเขาก็เริ่มวาดภาพเต่า กระดองกลมขนาดใหญ่ วาดตารางข้างบน แลบลิ้นออกมาพยายามวาดหัวเต่าให้ดูมีชีวิตชีวา ชูหัวไปทางด้านซ้ายหรือขวา ในนี้มีแค่ความรู้ เต่ามีลิ้นหรือไม่ จำไม่ได้แล้ว วาดไปเถอะ วาดเพิ่มอีกสักหน่อยเวลาจะได้เดินไปเร็วๆ ตาสีเขียวสองลูก ปากหนึ่งปาก ขาสี่ข้าง หางเล็กๆ หนึ่งหาง 

 

 

เต่าที่มีชีวิตชีวาก็วาดเสร็จแล้ว เพียงแต่ลิ้นไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไหร่ เงยหน้าขึ้นมองดูดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า รู้สึกพอใจกับเวลาที่ผ่านไปกับการวาดภาพเต่าเป็นอย่างมาก ตอนนี้ตัดสินใจระบายสีให้เต่า ระบายสีเสร็จฟ้าก็มืดลงพอดี 

 

 

หลี่ซื่อหมินเอาหน้าไม้มาแปดอัน ใช้ข้างนอกห้าอัน ใช้ข้างในสามอัน แม่ทัพไป๋เหยี่ยนดูเหมือนจะไม่ต้องการพักผ่อน แค่อวิ๋นเยี่ยลืมตาขึ้นมาก็จะเห็นเขากำลังลาดตระเวนดูรอบๆ บางครั้งก็จับงูพิษในกอหญ้ามาถลกหนังกินเนื้อ บางครั้งจับรังนกอินทรีบนต้นไม้ อวิ๋นเยี่ยเคยบอกว่า แม้แต่หนูก็ไม่ได้ ไม่อนุญาตให้มีหนูในถ้ำแม้แต่ตัวเดียว ทุกที่มีแต่อาหารที่เป็นพิษ เป็นยาพิษของซุนซือเหมี่ยว ว่ากันว่ามันรุนแรงจนทำให้หายใจไม่ออก 

 

 

ไม่ว่าใครก็ตามที่เอาแต่วาดเต่าทั้งวันทั้งคืนก็คงจะต้องวาดออกมาได้ดีในระดับหนึ่ง หลีสือเคยบอกว่าเรื่องทั้งหมดบนโลกใบนี้ ขอแค่มีสมาธิก็พอ เพื่อหลีกหนีความทุกข์ทรมานของจิตใจ อวิ๋นเยี่ยเอาสมาธิทั้งหมดมาไว้ที่การวาดภาพ ใช้ทักษะการวาดภาพที่หลีสือเคยสอนวาดเต่าออกมา คำว่าเต่าไม่ใช่คำด่าคนในต้าถัง อวิ๋นเยี่ยเคยเห็นผู้ชายตั้งหลายคนที่ในชื่อมีคำว่ากุย หวังกุยโซ่ว หลี่กุยเหนียน หั่นกุย เป็นต้น ทหารแนวหลังเห็นว่าท่านโหวหลงใหลในเต่ามากขนาดนี้ เขาก็รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก ตอนที่ส่งเสบียงอาหารมา เขาตั้งใจส่งเต่าเล็กเต่าใหญ่มาให้กะละมังหนึ่ง 

 

 

เมื่ออวิ๋นเยี่ยกำลังมีความสุขกับการวาดภาพเต่า หน้าต่างระบายอากาศของถ้ำก็มีธงโผล่ขึ้นมา ตอนนี้อวิ๋นเยี่ยที่ถือพู่กันอยู่ในมือสามอัน เต่าบนกระดาษก็เหลือแค่ตา เขาเห็นธงที่โผล่ขึ้นมา พู่กันที่อยู่ในมือก็ตกลงบนกระดาษ ทำให้เต่ามีตาสามตาที่สีไม่เหมือนกัน 

 

 

น้ำต้นหลิว น้ำปูนขาว และแอลกอฮอล์เตรียมพร้อมหมดแล้ว น้ำมันเต็มปากถ้ำ เครื่ื่องโยนหินเต็มไปด้วยถังน้ำมัน หน้าไม้ลากหินก้อนใหญ่ออกจากปากถ้ำ อวิ๋นเยี่ยยืนอยู่นอกวง พนมมืออธิษฐานขอให้พระเจ้าไม่ปล่อยให้คนอย่างซุนซือเหมี่ยวต้องมาจบชีวิตลงที่นี่ ในประวัติศาสตร์ชายเฒ่าคนนี้มีอายุกว่าร้อยปี แต่เขาไม่ได้เป็นไข้ทรพิษซะหน่อย 

 

 

พระเจ้ายังคงไว้หน้าเขา ซุนซือเหมี่ยวเปลือยกายเดินออกมาจากถ้ำ ในมือถือกระเพาะหมูที่แห้งเหือด มัดปากจนแน่น ข้างหลังมีชายร่างใหญ่ห้าคนเดินตามออกมา ทุกคนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่แค่ไม่ได้เจอแสงอาทิตย์นานเกินไป พวกเขาพากันหลับตาอย่าชอบอกชอบใจ 

 

 

ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปพวกเราไม่ใช่นักโทษอีกแล้ว พวกเราเป็นอิสระแล้ว ซุนซือเหมี่ยวก้าวลงไปในน้ำต้นหลิว เอาตัวลงไปแช่น้ำแล้วมุดหัวลงไปด้วย ทั้งห้าคนคุ้นเคยกับการทำตามซุนซือเหมี่ยวตั้งนานแล้ว พวกเขาก็พากันก้าวลงไปในน้ำต้นหลิวเช่นกัน 

 

 

อวิ๋นเยี่ยมือสั่น ดึงแม่ทัพไป๋เหยี่ยนเดินมา เอาภาพเต่าให้เขาดูด้วยความตื่นเต้นแล้วพูดว่า “สำเร็จแล้ว เอาของสิ่งนี้ส่งไปให้ฝ่าบาท ส่งไปข้ามวันข้ามคืน อย่าได้รอช้า” 

 

 

ถึงแม้ว่าแม่ทัพไป๋เหยี่ยนจะไม่รู้ว่าอะไรสำเร็จแล้ว แต่เขาก็ออกคำสั่งบอกให้เอาภาพวาดนั้นห่อไว้ดีๆ ใส่บ่วงส่งไปยังฝั่งตรงข้ามของหน้าผา มีกองทัพทหารอีกกลุ่มหนึ่งคอยเฝ้าอยู่ที่นั่น หลังจากนั้นก็เห็นเงาที่คล่องแคล่วว่องไวสองสามคนหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว 

 

 

ซุนซือเหมี่ยวแช่อยู่ในน้ำต้นหลิวเป็นเวลาธูปหนึ่งดอก จากนั้นก็ลงไปแช่ในน้ำปูนขาวต่อ การแช่ในน้ำปูนขาวนั้นไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ แต่เหล่าเต้าก็ยังคงยิ้ม ความเจ็บปวดแค่นี้ทำอะไรเขาไม่ได้ ชายร่างใหญ่ห้าคนก็กระโดดลงไปด้วย พูดคุยหัวเราะกันอย่างมีความสุข ไม่สนใจความแรงของน้ำปูนขาวเลยแม้แต่น้อย  

 

 

เห็นว่าทุกคนแช่กันหมดแล้ว ซุนซือเหมี่ยวก็ออกมาจากน้ำปูนขาว กระโดดลงไปในสระน้ำสะอาด มีเสื้อผ้า ผ้าเช็ดมือ และสบู่ก้อนใหญ่ในตะกร้าไม้ไผ่ที่มีเครื่องหมายตรงขอบสระ ชายร่างใหญ่พากันหัวเราะกระโดดลงไปในสระ หยิบผ้าเช็ดมือและสบู่ออกจากตะกร้าไม้ไผ่ตามเครื่องหมายของตัวเอง จากนั้นก็เริ่มทำความสะอาดตัวเองให้สะอาดสะอ้าน 

 

 

พวกเขาพึ่งจะกระโดดลงไปในสระน้ำ แม่ทัพไป๋เหยี่ยนก็ออกคำสั่ง เครื่องโยนหินโยนถังน้ำมันลงในถ้ำอย่างแม่นยำ จากนั้นลูกธนูใหญ่ของหน้าไม้ก็จุดเปลวไฟพุ่งเข้าไปในถ้ำ  

 

 

ทันใดนั้นไฟก็ลุกโชนในถ้ำ เปลวไฟสีแดงเข้มก็โผล่ออกมาจากถ้ำทันที เปลวไฟที่ออกมาจากรูระบายอากาศสูงกว่าสามฟุต พื้นดินด้านหน้าของถ้ำก็ถูกเผา แม้แต่จุดเดียวก็ไม่ยอมปล่อยไป 

 

 

ซุนซือเหมี่ยวที่ทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อยแล้ว พันผ้าเช็ดมือไว้บนหัว หยิบน้ำเต้าจากตะกร้าไม้ไผ่แล้วดื่มน้ำอย่างมีความสุข มีกลิ่นหอมออกมา คนอื่นๆ เห็นว่ามีของดีๆ แบบนี้ พวกเขาก็ค้นดูตะกร้าไม้ไผ่ของตัวเอง เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด น้ำเต้าคนละลูก พวกเขาก็ดื่มน้ำเต้าของตัวเองอย่างมีความสุข ความรู้สึกของการหนีรอดจากความตายทำให้คนอ่อนแอสองคนร้องไห้ออกมา 

 

 

ซุนซือเหมี่ยวปลอบใจพวกเขาเบาๆ และยังบอกพวกเขาว่าหากมีปัญหาในการใช้ชีวิตก็จะหางานที่สำนักศึกษาให้พวกเขา แล้วยังบอกอีกว่าครั้งนี้ประสบความสำเร็จแล้ว ไม่เพียงแต่พ้นจากโทษประหาร ฝ่าบาทยังจะมีรางวัลให้อีกด้วย ทำเอาชายร่างใหญ่สองสามคนต่างพากันปลื้มปิติ หากรู้ว่ามีเรื่องดีๆ แบบนี้ พวกเขาน่าจะฆ่าคนแล้วไปเข้าคุกตั้งนานแล้ว