กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 1221
ในขณะที่ชาร์ลีนึกถึงตอนที่เขาพบจัสมินครั้งแรกอยู่นั้น เขาก็ยังรู้สึกด้วยว่า นี่เป็นประสบการณ์ที่ชวนให้รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
ในครั้งนั้น ถ้าเขาไม่ได้ไปที่ร้านขายของเก่า เดอลุคซ์กับพ่อตา เขาก็คงจะไม่มีโอกาสได้รับคัมภีร์เล่มนั้น
ถ้าไม่มีคัมภีร์เล่มนั้น เขาก็คงเป็นได้แค่นายเวด ไม่ใช่ปรมาจารย์เวดอย่างทุกวันนี้
ถ้านำมาเปรียบเทียบกันแล้ว เขายังพอใจกับคำนำหน้าว่าปรามาจารย์เวด ซึ่งต้องแลกมาด้วยพละกำลังและความสามารถของเขา ส่วนคำว่านายเวดนั้น ไม่ได้บ่งบอกอะไรนอกจากนามสกุลของเขาเท่านั้น เบื้องหลังคำนำหน้าชื่อว่านายเวดนั้นไม่ได้บ่งบอกถึงความสามารถของตัวเองเลย มีแต่บ่งบอกถึงความสามารถของตระกูลเท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดนั้น เป็นสิ่งที่ถูกลิขิตให้เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว
เขาถูกลิขิตให้รู้จักกับจัสมิน และยังถูกลิขิตให้ครอบครองคัมภีร์เล่มนั้นด้วย
เขาหันไปหาจัสมิน แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “พูดตามตรงนะครับ เวลาที่คนคนหนึ่งได้พบกับอีกคนหนึ่งนั้น เป็นการพบกันที่พรหมลิขิตได้กำหนดเอาไว้ บางทีหลายสิ่งหลายอย่างก็ถูกลิขิตให้เกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้มาก่อน”
จัสมินหน้าแดงด้วยความเขินอาย แล้วถามขึ้นในโทนเสียงต่ำ ๆ ว่า “คุณกำลังบอกว่าเราลิขิตให้พบกันเหรอคะ? นี่เป็นพรหมลิขิตจริง ๆ หรือคะ?”
“ใช่แล้วครับ” ชาร์ลีตอบพร้อมกับยิ้มอย่างอบอุ่น “ต้องใช้เวลานับร้อย ๆ ปีในการสวดมนต์ภาวนา กว่าจะได้นั่งเรือข้ามแม่น้ำกับใครสักคนหนึ่ง แต่นั่นเป็นเพียงโชคชะตาของคนคุ้นเคยกันที่ได้นั่งเรือลำเดียวกัน ซึ่งกว่าจะเปลี่ยนจากคนรู้จักให้กลายเป็นเพื่อนได้ ก็ต้องรอพรหมลิขิตอีกสองหรือสามร้อยปีเลย คุณว่าอย่างนั้นไหม?”
จัสมินพยักหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ปรมาจารย์เวดคะ คุณชอบพูดอะไรที่ฟังดูลึกลับอยู่เรื่อยเลย คนที่มีจิตใจดีเช่นคุณเชื่อในเรื่องโชคชะตาและพรหมลิขิตด้วยเหรอคะ?”
ชาร์ลียิ้มแล้วพูดว่า “เมื่อก่อนผมไม่เคยเชื่อในเรื่องนี้เลย แต่หลังจากที่ผมเจออะไรบางอย่างเข้า ผมก็ค่อย ๆ มีความเชื่อในเรื่องนี้”
จากนั้นเขาก็โบกไม้โบกมือแล้วโพล่งออกมาว่า “หยุดคุยกันเรื่องนี้เถอะครับ มันออกจะน่าเบื่อ มาคุยเรื่องของคุณกันดีกว่า ตอนนี้คุณได้เป็นหัวหน้าครอบครัวของตระกูลมัวร์แล้ว คุณมีแผนที่จะทำอะไรต่อไปครับ?”
จัสมินเปลี่ยนน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังขึ้น แล้วพูดว่า “ฉันเชื่อว่าตอนนี้หลาย ๆ คนต้องรู้สึกไม่พอใจที่ฉันได้เป็นหัวหน้าครอบครัว ฉันจึงต้องการเวลาสักพักในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งที่ได้รับ และนำพาครอบครัวให้ก้าวเดินไปข้างหน้า ถ้าหากอาณาจักรธุรกิจของเรามีความก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้การดำเนินงานของฉัน และสามารถสร้างรายได้ให้กับสมาชิกครอบครัวคนอื่น ๆ ได้มากขึ้น ฉันก็แน่ใจว่านั่นจะทำให้พวกเขาเกิดความเชื่อมั่นในความสามารถของฉัน และหันมาสนับสนุนฉันในที่สุด”
ชาร์ลีพยักหน้าเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังสบาย ๆ ว่า “คุณคิดได้ตรงประเด็นมาก สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาแค่ต้องการทำเงินให้ได้มากขึ้นเท่านั้น”
จากนั้นเขากล่าวเสริมว่า “ตอนนี้นับเป็นโอกาสที่ดีที่ตระกูลมัวร์จะได้ก้าวกระโดดไปข้างหน้า เห็นได้ชัดว่าตระกูลเว็บบ์สูญเสียความเป็นผู้นำไปแล้ว ตระกูลอันดับหนึ่งในแถบภาคใต้ได้ว่างลง ผมคิดว่าตอนนี้คือโอกาสดีที่ตระกูลมัวร์จะได้พุ่งทะยานขึ้นมาแทน”
จัสมินพูดว่า “ใช่แล้วค่ะ ฉันก็คิดแบบเดียวกับคุณ ฉันกำลังคิดว่าควรออกไปสำรวจและทำวิจัยสักหน่อย เพื่อดูว่าฉันจะสามารถขยายธุรกิจของครอบครัวออกไปได้หรือเปล่า และจะดีที่สุดถ้าฉันสามารถหาพันธมิตรใหม่ ๆ มาร่วมงานด้วย”
ชาร์ลีถามว่า “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ? ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือ ก็บอกผมมาได้เลย”
จัสมินรีบพูดว่า “ไม่มีหรอกค่ะปรมาจารย์เวด คุณช่วยฉันมามากแล้ว ฉันจะไปขอความช่วยเหลืออะไรจากคุณอีกได้ยังไง ในทางกลับกัน ถ้าคุณมีอะไรให้ฉันช่วย ก็บอกมาได้เลยนะคะ ฉันยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ช่วยเหลือคุณ ฉันอยากจะตอบแทนบุญคุณของคุณจริง ๆ ค่ะ!”
ชาร์ลียิ้ม “คุณไม่จำเป็นต้องพูดอย่างนั้นหรอกครับ ถ้าผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ผมจะบอกคุณอย่างแน่นอน”
จัสมินพยักหน้าอย่างเขินอาย แล้วพูดว่า “ได้เลยค่ะ ปรมาจารย์เวด ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
ชาร์ลีส่งเสียง ‘โอเค’ เบา ๆ แล้วพูดว่า “จัสมิน เมื่อคุณกลับไปถึงบ้านแล้ว อย่าลืมนำยาอายุวัฒนะไปให้คุณปู่ของคุณด้วยนะ ผมเชื่อว่าเขาจะต้องดีใจสุด ๆ ที่ได้รับยานั้น”
จัสมินรีบพูดว่า “ได้สิคะ”
ชาร์ลียิ้มแล้วพูดในขณะที่มองนาฬิกา “โอ้ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว เรากลับกันเถอะครับ ผมแน่ใจว่าคุณปู่ของคุณกำลังรอคุณกลับไปอย่างใจจดใจจ่อแน่นอน”
จัสมินรู้สึกยังไม่อยากกลับ เธอไม่เคยมีโอกาสได้ใช้เวลาส่วนตัวกับชาร์ลีอย่างนี้มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่แห่งนี้ที่เธอชอบมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
ในช่วงเวลานี้ เธออยากจะจับมือของเขาใจจะขาด แล้วสารภาพความรู้สึกออกไปตรง ๆ
แต่แรงกระตุ้นภายในจิตใจของเธอก็ถูกระงับโดยทันที เมื่อเธอนึกถึงความจริงที่ว่า ชาร์ลีคือผู้ชายที่แต่งงานแล้ว เธอจึงได้แต่ถอนหายใจอยู่เงียบ ๆ แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงนุ่ม ๆ ว่า “ได้ค่ะ ปรมาจารย์เวด กลับกันเถอะค่ะ”
คนทั้งสองหันกลับไปที่บันไดหินที่พวกเขาเพิ่งเดินลงมา จัสมินเกิดอาการหัวใจเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง โดยสงสัยว่าชาร์ลีจะจับมือเธอเหมือนที่เคยทำก่อนหน้านี้หรือเปล่า
เธอมีความสุขมากเมื่อรู้สึกได้ว่ามีมือของเขาเลื่อนเข้ามาจับมือของเธอไว้อย่างแผ่วเบา