‘ภูเขาไฟเจ็ดสี..’
หลิงหยุนใจเต้นแรงด้วยความตกใจดวงตาเบิกโพลงจนลูกตาแทบถลนออกมาจากเบ้า..
ภูเขาไฟหลากสีนี้จัดเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่งในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่หลิงหยุนเองก็เคยพบสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ในการประมูลซึ่งจัดขึ้นในโลกบ่มเพาะ เพียงแต่ครั้งนั้นขั้นของเขายังไม่ถึงระดับที่จะสามารถประมูลสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ได้ เขาจึงพลาดโอกาสไป..
หลิงหยุนนึกเสียดายมาตลอดสามปีแต่หลังจากนั้นที่เขาได้สมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าภูเขาไฟหลากสี เขาจึงค่อยคลายความเสียดายตลอดสามปีลงได้บ้าง
และหลิงหยุนก็ไม่เคยคิดฝันว่า..เขาจะได้พบเห็นสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้อีกครั้งในเมืองปักกิ่งของประเทศจีน! แม้ว่าภูเขาไฟหลากสีลูกนี้จะเล็กกว่าที่เขาพบเห็นในโลกบ่มเพาะมากนักแต่มันก็คือของจริง ไม่ใช่ของปลอมอย่างแน่นอน!
หลิงหยุนไม่มีเวลามานั่งครุ่นคิดหาแหล่งกำเนิดหรือที่มาของภูเขาไฟหลากสีลูกนี้ เพราะสิ่งที่เขาต้องคิดคือ ทำเช่นใดจึงจะได้สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้มาครอบครองต่างหาก
ตอนนี้หลิงหยุนลืมเรื่องผ้าแพรไหมดำที่ตั้งใจมาประมูลไปสิ้นเขาสนใจเพียงแค่ภูเขาไฟหลากสีลูกนี้เท่านั้น เพราะเป็นสมบัติล้ำค่าที่ยากจะหาสิ่งใดเทียบได้..
แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจและถอนจิตหยั่งรู้ของตนกลับมา เพราะเกรงว่าจะถูกยอดฝีมือคนอื่นจับได้ และยังคงนั่งสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหวอยู่ภายในห้องวีไอพีหมายเลข 9
ถึงแม้ใจของหลิงหยุนจะเต้นเร่าๆอย่างคลุ้มคลั่งแต่ใบหน้าของเขากลับสงบนิ่งจนยากที่จะจับความรู้สึกได้ และนี่คือลักษณะท่าทางของผู้ประมูลมืออาชีพ.. “ทุกท่านกรุณาอยู่ในความสงบและฟังคำพูดของข้าสักหน่อยเถิด!”
ทันทีที่ของประมูลชิ้นแรกถูกนำออกมาทั้งหอประมูลก็เต็มไปด้วยเสียงอื้ออึงของผู้คน จนเซี่ยโหวหมิงต้องปรามให้ทุกคนนั่งลง และกลับสู่ความสงบเสียก่อน
หลังจากที่ภายในหอประมูลเริ่มสงบลงแล้วเซี่ยโหวหมิงจึงเริ่มอธิบายถึงคุณสมบัติของภูเขาไฟหลากสี
“สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้เป็นของผู้ใดนั้นข้าเองก็ไม่สามารถบอกได้ แต่ข้าสามารถบอกทุกท่านได้ว่า ของวิเศษที่่นำมาประมูลอยู่นี้มาจากใต้ท้องทะเลลึก..”
เซี่ยโหวหมิงจ้องมองเปลวเพลิงของภูเขาไฟหลากสีด้วยแววตาชื่นชอบอย่างไม่อาจปิดบังได้จากนั้นจึงพูดต่อด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มเป็นปกตินิสัย
“ข้าเองก็ไม่อาจบอกได้ว่าของประมูลชิ้นนี้จะวิเศษมากเพียงใดเพราะข้าเองก็ไม่เคยพบเห็นของสิ่งนี้มาก่อน อีกทั้งไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยเช่นกัน ไม่เพียงตัวข้าเท่านั้น.. แม้แต่เจ้าหน้าที่ทุกคนภายในหอประมูลแห่งนี้ ก็ไม่เคยพบเห็นของสมบัติชิ้นนี้มาก่อนเช่นกัน!”
หลิงหลิงหยุนได้แต่นึกเย้ยหยันอยู่ในใจ‘หึ.. นี่หมายความว่าหากพวกเจ้ารู้ว่ามันคือสิ่งใดกันแน่ พวกเจ้าคงไม่คิดที่จะนำออกมาประมูลสินะ ก็ดี.. ข้าจะได้เป็นผู้ประมูลไปเสียเอง!’
“ทุกคนคงจะได้อ่านคำแนะนำที่อยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของทุกท่านแล้วแต่ข้าจะพูดให้ฟังอีกครั้ง..”
“สมบัติชิ้นนี้ถูกนำมาจากใต้ท้องทะเลลึกและน้ำทะเลก็ไม่สามารถทำให้เปลวไฟทั้งห้าที่ลุกโชนอยู่นี้ดับลงได้ แม้ว่ามันจะมีขนาดใหญ่ถึงครึ่งเมตร แต่กลับมีน้ำหนักเพียงแค่ห้าสิบกิโลกรัมเท่านั้น หากพิจารณาจากรูปร่าง และสีต่างๆของมัน สมบัติชิ้นนี้อาจนับเป็นปะการังที่แปลกประหลาดที่ไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นมาก่อนก็เป็นได้..”
ระหว่างที่พูดนั้น..เซี่ยโหวหมิงก็ได้ยกถังน้ำที่ให้คนเตรียมไว้สาดไปที่ภูเขาไฟหลากสีทันที น้ำในถังกระเด็นหกเลอะเทอะเต็มพื้นหอประมูล แต่กลับไม่สามารถทำให้เปลวไฟทั้งห้าของภูเขาไฟหลากสีนั้นดับลงได้ มันยังคงลุกโชนเช่นเดิมราวกับว่าน้ำไม่มีผลใดๆ ต่อเปลวไฟทั้งห้าเลยแม้แต่น้อย
และนั่นได้สร้างเสียงฮือฮาให้กับทุกคนในหอประมูลอีกครั้ง!
เซี่ยโหวหมิงยิ้มออกมาพร้อมกับอธิบายต่อว่า“ทุกท่านคงเห็นแล้วว่า.. น้ำที่ข้าสาดไปเมื่อครู่ได้แยกออกกลางอากาศ แต่นั่นยังไม่ใช่ความวิเศษเพียงหนึ่งเดียวของภูเขาไฟหลากสี ความน่าอัศจรรย์อีกหนึ่งอย่างของมันก็คือ.. เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่นี้กลับไม่มีความร้อน!”
ระหว่างที่พูดเซี่ยโหวหมิงก็ได้ยื่นแขนเสื้อของตนไปที่เปลวไฟลุกโชนและปล่อยให้เปลวไฟเผาไหม้แขนเสื้อของตนอยู่เช่นนั้น
“เปลวไฟที่ไม่มีวันดับเปลวไฟที่ไม่มีความร้อน และเปลวไฟที่ไม่เผาไหม้สิ่งอื่น นี่คือคุณลักษณะวิเศษของภูเขาไฟหลากสี!”
หลังจากที่เซี่ยโหวหมิงเผาแขนเสื้อของตนเองอยู่ราวครึ่งนาทีในที่สุดก็ดึงกลับมา และยกขึ้นอวดให้กับทุกคนเห็นว่าชายแขนเสื้อของตนนั้นยังอยู่ในสภาพปกติ..
จากนั้นจึงอธิบายต่อว่า“แต่ข้าขอบอกกับทุกท่านในที่นี้ไว้ก่อนว่า.. หลังจากที่ผู้ประเมินสินค้าของตระกูลเย่ได้ตรวจสอบสิ่งของชิ้นนี้อยู่หลายครั้งหลายครา พวกเราพบว่านอกจากคุณลักษณะวิเศษทั้งสามข้อที่พูดไปแล้วนั้น สมบัติชิ้นนี้ก็ไม่มีพลังชีวิตอยู่เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่สามารถนำมาปรุงเป็นโอสถใดๆได้อีกด้วย ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ต่อเหล่าชาวยุทธมากนัก..”
เซี่ยโหวหมิงนิ่งไปครู่หนึ่งและหลังจากที่พยายามปกปิดสีหน้าที่นึกเสียดายของตนเองได้แล้ว ในที่สุดเขาก็พูดต่อว่า
“ความจริงแล้วทีมผู้ประเมินทั้งหมดของตระกูลเย่ได้ตัดสินใจที่จะไม่นำของสิ่งนี้ขึ้นประมูล แต่เป็นความต้องการของเจ้าของสมบัติชิ้นนี้ พวกเราจึงนำออกมาประมูลเป็นชิ้นแรก และหวังว่าจะมีผู้ที่ต้องชะตากับมันได้ไปครอบครอง..”
“เฮ้อ..น่าเสียดาย ไม่มีประโยชน์ต่อการฝึกงั้นรึ!”
“ดูดีวิเศษ ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่ก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี!”
“ไม่ว่าจะเป็นโรงประมูลของตระกูลเย่หรือของตระกูลหลงก็ตาม ปกติแล้วของชิ้นแรกที่นำมามาเปิดประมูลก็มักจะเป็นของที่ไร้ประโยชน์ต่อการฝึกวิชา..”
บรรดาผู้ที่มาทำการประมูลสินค้าต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานและหลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายของเซี่ยโหวหมิงแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสนใจที่จะประมูลสมบัติชิ้นนี้อีกเลย เพราะทุกคนต่างก็มาเพื่อประมูลสิ่งของที่จะช่วยในการฝึกฝนเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง ไม่ได้มาเพื่อประมูลของสวยงามที่หาได้ยากแต่อย่างใด..
ภายในห้องวีไอพีหมายเลข9 หลิงหยุนนั่งฟังคำอธิบายของเซี่ยโหวหมิงอย่างใจจดใจจ่อ เขาแทบอยากลุกไปปิดปากเซี่ยโหวหมิงไว้ จนกระทั่งได้ยินคำพูดสองประโยคสุดท้าย เขาจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก..
สิ่งที่เซี่ยโหวหมิงอธิบายนั้นยังไม่ถูกต้องนักเพราะความจริงแล้วเปลวไฟของภูเขาไฟหลากสีลูกนี้จะต้องมีทั้งหมดเจ็ดสี แต่เวลานี้ลุกโชนเพียงแค่ห้าสีเท่านั้นคือสีแดง สีเขียว สีฟ้า สีน้ำเงิน และสีม่วง แต่ยังเหลืออีกสองสีที่ยังไม่ปรากฏสู่สายตาของผู้คน..
ซึ่งก็คือสีขาวและสีดำนั่นเอง!
แทบไม่ต้องพูดถึงการมองด้วยตาเนื้อต่อให้ใช้จิตหยั่งรู้ หรือเครื่องมือที่ทันสมัยมากเพียงใด ก็ไม่สามารถตรวจจับเปลวไฟสีขาวและสีดำนี้ได้!
และใช่ว่าทั้งสองสีนั้นถูกบดบังไว้ด้วยเปลวไฟทั้งห้าสีแต่อย่างใดเหตุผลที่ไม่สามารถมองเห็นเปลวไฟสีขาว และสีดำก็เพราะมันยังไม่ปรากฏต่างหากเล่า.. เปลวไฟทั้งห้าที่ลุกโชนอยู่ในเวลานี้ก็คือเปลวไฟของธาตุทั้งห้านั่นเอง และหากใช้พลังหยินและหยางหล่อเลี้ยงอีกสักช่วงเวลาหนึ่ง ก็จะปรากฏเป็นเปลวไฟทั้งหมดเจ็ดสี และเมื่อถึงเวลานั้นความวิเศษที่แท้จริงก็จะปรากฏขึ้น..
หลิงหยุนฝึกวิชาพลังลับหยิน–หยางและมีจุดตันเถียนที่วิเศษล้ำค่าดั่งสวรรค์ประทาน..
“เปลวไฟทั้งห้าช่างงดงามยิ่งนักอีกทั้งยังไม่เป็นอันตรายต่อผู้คนด้วย..”
“แต่น่าเสียดายที่ไม่มีประโยชน์ต่อการฝึกวิชาเลยแม้แต่น้อย..”
แม้แต่เย่ซิงเฉินกับฉินตงเฉี่วยเองก็ยังชื่นชอบในความงดงามของภูเขาไฟหลากสีและบ่นพึมพำออกมาอย่างนึกเสียดาย..
แม้แต่หญิงสาวทั้งสองยังคิดเช่นนี้หลิงหยุนจึงรู้สึกโล่งใจมากยิ่งขึ้น เพราะนั่นหมายความว่าเขาจะได้ภูเขาไฟหลากสีนี้ไปครอบครองด้วยราคาประมูลที่ต่ำกว่าความเป็นจริง! แต่สิ่งที่หลิงหยุนคาดคิดนั้นกลับผิดไปถนัด..เพราะหลังจากที่ทุกคนได้เห็นความงดงามของภูเขาไฟหลากสี หลายคนก็ยากที่จะอดใจได้ และเริ่มพากันประมูลเพื่อให้ได้เป็นเจ้าของทันที
ในเวลาเพียงไม่นานนักก็มีผู้ยื่นประมูลภูเขาไฟหลากสีกันมากมายเลยทีเดียว!
–เปลวไฟของมันงดงามมากทีเดียวในเมื่อทั้งคู่ชื่นชอบ ข้าก็จะประมูลกลับไปไว้ที่บ้าน!-
หลิงหยุนบอกับเย่ซิงเฉินและฉินตงเฉี่วยผ่านทางกระแสจิต..
ฉินตงเฉี่วยยิ้มและตอบกลับไปว่า–ของสวยงามเช่นนี้ หญิงสาวคนใดเห็นย่อมต้องชื่นชอบเป็นธรรมดา เพียงแต่มันไม่มีประโยชน์อะไร ประมูลไปคงเสียดายเงินแย่!-
แต่เย่ซิงเฉินกลับตอบไปว่า–เจ้าชื่นชอบหรือไม่ หากชื่นชอบ ก็ประมูลเก็บไว้มอบเป็นของขวัญให้ผู้อื่นก็ได้!– จากนั้นเย่ซิงเฉินก็อธิบายต่อว่า–อีกอย่าง.. ผู้ที่ทำการประมูลของชิ้นแรก จะได้รับส่วนลดในการประมูลของชิ้นต่อๆไปอีกถึง 10% เลยทีเดียว–
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับตกใจไม่น้อยและได้แต่คิดว่าผู้ที่ออกกฏนี้ช่างมีหัวทางการตลาดที่เฉลียวฉลาดยิ่งนัก
นั่นเพราะ..หากผู้ประมูลใช้เงินในการประมูลหลังจากนี้ไปถึงหนึ่งหมื่นล้าน พวกเขาจะได้ส่วนลดมากถึงหนึ่งพันล้านเลยทีเดียว จึงไม่แปลกหากทุกคนจะแย่งกันประมูลสินค้าชิ้นแรกนี้..
และนี่เท่ากับเป็นการกระตุ้นและบีบให้ผู้ที่มาประมูล ต้องแย่งกันประมูลตั้งแต่ของชิ้นแรกนั่นเอง!
เย่ซิงเฉินหันไปมองหลิงหยุนยิ้มๆก่อนจะพูดต่อว่า –นี่หลิงหยุน! เจ้าไม่ต้องหงุดหงิดไป โรงประมูลอีกสามแห่งในปักกิ่งก็ล้วนทำเช่นนี้..-
หลิงหยุนยิ่งฟังก็ยิ่งหงุดหงิดใจและได้แต่คิดว่าเขาจะต้องประมูลภูเขาไฟหลากสีนี้มาให้ได้ มันจะต้องเป็นสมบัติของเขาเท่านั้น!
แต่ก็นับเป็นความใจกว้างของเซี่ยโหวหมิงที่ได้บอกรายละเอียด และความจริงของสินค้าให้กับผู้ประมูลรู้ตั้งแต่แรก อย่างน้อยก็เป็นการคัดคู่แข่งที่อยู่ชั้นล่างออกไปได้เกือบหมด..
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า..สำหรับผู้ประมูลที่อยู่ในห้องวีไอพีชั้นสองทั้งหมดนั้น คงจะต้องประมูลสินค้าชิ้นนี้อย่างแน่นอน เพื่อใช้เป็นส่วนลดในรายการต่อไป..
ทุกคนต่างก็รู้กฏการประมูลข้อนี้ของตระกูลเย่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลหลง ตระกูลหลิว และตระกูลถัน ทุกคนคงกำลังคิดเช่นเดียวกัน!
หลิงหยุนได้แต่หนักอกหนักใจและหลิงหยุนจำเป็นต้องคำนวณเงินในบัญชีของตนให้ดี..
–เจ้าพอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าโดยปกติแล้วราคาประมูลของสินค้าชิ้นแรกจะอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่-
เย่ซิงเฉินส่ายหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า–ไม่มีผู้ใดสามารถบอกได้!-
จากนั้นเย่ซิงเฉินก็กรอกตาไปยังห้องวีไอพีอื่นๆพร้อมกับพูดต่อว่าา –ข้าว่าคนในห้องวีไอพีเหล่านั้น ก็พร้อมที่จะจ่ายเช่นกัน!-
–เท่าที่ข้าจำได้..มีปีหนึ่งที่ของเปิดประมูลชิ้นแรกเป็นเพียงของธรรมดาพื้นๆทั่วไป แต่ก็มีประโยชน์ต่อการฝึกวิชาไม่น้อย ครั้งนั้นหากข้าจำไม่ผิด ของชิ้นนั้นประมูลกันในราคาที่สูงถึงหนึ่งพันแปดร้อยล้านเลยทีเดียว–
และหากผู้ประมูลในครั้งนั้นใช้เงินในการประมูลหลังจากนั้นทั้งหมดไปหนึ่งหมื่นแปดพันล้านเขาก็จะสามารถประหยัดเงินไปถึงหนึ่งพันแปดร้อยล้านทันที
นั่นย่อมหมายความว่า..ของชิ้นแรกที่เขาประมูลไปด้วยเงินหนึ่งพันแปดร้อยล้านนั้น เท่ากับไม่ต้องจ่ายเงิน หรือได้มาฟรีๆนั่นเอง! หลิงหยุนรีบถามต่อทันที–ผ้าแพรไหมดำที่ข้าต้องการจะซื้อเล่า ต้องใช้เงินจำนวนมากเท่าไหร่รึ-
–มันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าต้องการซื้อมากเท่าไหร่-
หลังจากที่ฟังคำถามของหลิงหยุนแล้วเย่ซิงเฉินก็พอเข้าใจได้ว่าหลิงหยุนกำลังกังวลเรื่องเงิน นางจึงอธิบายต่อว่า
–ผ้าแพรไหมดำเป็นของล้ำค่าก็จริงแต่ก็นับว่าเป็นสินค้าธรรมดาทั่วไปที่สามารถหาได้ในโรงประมูล ทุกคนจึงมีราคาประเมินอยู่ในใจแล้ว หากเป็นผ้าแพรไหมดำที่มีคุณภาพสูง ก็จะอยู่ที่กิโลกรัมละหนึ่งร้อยล้านหยวน หากเจ้าต้องการยี่สิบกิโลกรัมก็เป็นเงินสองพันล้านหยวน..-
‘แย่แล้ว!’
หลิงหยุนฟังแล้วแทบน้ำตาร่วง