บทที่ 1395 สามร้อยสามสิบห้าคน

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

บทที่ 1395 สามร้อยสามสิบห้าคน Ink Stone_Fantasy

รูปภูตผีปีศาจสลักนูนอยู่บนผนังทั้งสองฝั่ง แสดงลักษณะอันน่าเกรงขามออกมาทั้งหมด ดวงตาขวาที่เยือกเย็นข้างหนึ่งสลักอยู่ตรงผนังด้านหน้า กำลังจ้องมองในตำหนักใหญ่อย่างเย็นเยียบ บางครั้งก็จ้องมองนอกประตูใหญ่ ดวงตาขวาข้างนี้เป็นตัวแทนของหน่วยตรวจการฝ่ายขวา ที่นี่ก็คือตำหนักใหญ่ของหน่วยตรวจการฝ่ายขวานั่นเอง

เผยโม่ที่ถูกเรียกกลับมาอย่างเร่งด่วนกำลังยืนรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ในตำหนักใหญ่

เกาก้วนที่สวมหมวกทรงสูงสีดำกำลังเดินไปเดินมาเงียบๆ อยู่ในตำหนักใหญ่ สีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียดจริงจัง

หลังจากฟังที่อีฝ่ายเล่าคร่าวๆ จนจบ เกาก้วนก็หยุดฝีเท้าแลวหันตัวช้าๆ สายตาไปหยุดอยู่บนใบหน้าเผยโม่ แล้วถามอย่างเนิบนาบว่า “ตอนที่เจ้ากับจางหมานซานไปถึง เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ถูกฆ่าแล้วเหรอ?”

“ใช่ขอรับ แล้วก็มีเทพแห่งภูผาสองคนของเซี่ยโห้วหลงเฉิงด้วย” เผยโม่ตอบ

“จางหมานซานกับเจ้ามีศักยภาพพอๆ กัน ทำไมเจ้าไม่เป็นอะไร แต่เขากลับตายแลว?” เกาก้วนถาม

เผยโม่ตอบว่า “ผู้ร้ายเห็นข้าน้อยถือระฆังดาราติดต่อขอกำลังหนุน เลยเร่งรีบที่จะหนีเอาตัวรอด ไม่มาพัวพันกับข้าน้อยอีก ข้าน้อยถึงได้โชคดีพ้นเคราะห์ไปได้ขอรับ

“ตามที่เจ้าเห็น เจ้าว่าผู้ร้ายเป็นใคร?” เกาก้วนถามอีก

“ผู้ร้ายสวมหน้ากาก ข้าน้อยไม่ทราบ ถ้าไม่ใช่เพราะทัพที่ประจำการอยู่ที่ดาวทะเลดาวสับสนทำอไรเหิมเกริม ผู้ร้ายก็ไม่มีทางหนีไปได้เลย” เผยโม่ตอบ

เกาก้วนเหล่ตาจ้องเขา ในดวงตาแฝงความหมายลึกล้ำอย่างอธิบายไม่ถูก สุดท้ายก็ก้าวช้าๆ เดินผ่านตัวเขาไปพร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า “ตามข้าไปวังสวรรค์”

ในตำหนักดาราจักร ไม่ได้เรียกพบบุคคลระดับสูงของตำหนักสวรรค์เหมือนแต่ก่อน ประมุขชิงในตอนนี้กำลังแต่งตัวเรียบร้อยนั่งอย่างเคร่งขรึมจริงจังอยู่ข้างหลังโต๊ะยาว เริ่มหรี่ดวงตาที่ยาวเล็กทั้งคู่ ในดวงตาฉายแววดุร้ายเย็นเยียบเป็นระยะ จ้องมองเผยโม่ที่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่เบื้องล่าง

เขาไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ หลังจากเผยโม่เล่าเสร็จ เกาก้วนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็แอบมองปฏิกิริยาของประมุขชิงแวบหนึ่ง เสร็จแล้วดีดนิ้วไปทางเผยโม่

รอจนกระทั่งเผยโม่กุมหมัดคารวะขอตัวออกไปแล้ว ประมุขชิงถึงได้เอ่ยถามว่า “ควบคุมสถานที่เกิดเหตุแล้วหรือยัง?”

เกาก้วนตอบว่า “หลังจากได้รับรายงานจากเผยโม่ ข้าน้อยก็ติดต่อให้กองทัพที่ประจำการอยู่แถวนั้นปิดล้อมสถานที่ไว้ทันทีขอรับ”

“แล้วลูกน้องสองคนของเจ้าถ่อไปที่นั่นทำไม?” ประมุขชิงถาม

เกาก้วนไม่ได้พูดอะไรมาก ตอบแค่ประโยคเดียวก็ชัดเจนแล้วว่าไปหาเซี่ยโห้วหลงเฉิง “เซี่ยโห้วหลงเฉิงกับปีศาจโลหิตเคยคลุกคลีกัน”

“ทางท่านปู่สวรรค์บอกว่าเคยถามแล้วแต่ไม่มีอะไรเคยเกี่ยวข้องกันลึกซึ้งไม่ใช่เหรอ?” ประมุขชิงถาม

เกาก้วนตอบว่า “เรื่องนี้สำคัญและเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก ข้าน้อยยังอยากไปยืนยันอีกสักหน่อย อยากจะให้ลูกน้องพาตัวเซี่ยโห้วหลงเฉิงมาที่หน่วยตรวจการฝ่ายขวา กดดันเขาสักหน่อยให้เขาจัดระเบียบความคิดอีกรอบ พอมาคิดดูตอนนี้แล้ว เป็นข้าน้อยที่ประมาทไป ข้าน้อยควรจะไปถามด้วยตัวเอง ข้าน้อยสงสัยว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงจะรู้อะไรบางอย่าง เลยโดนฆ่าปิดปากแล้ว”

“เจ้าหมายความว่า ทางท่านปู่สวรรค์มีเรื่องอะไรปิดบังข้างั้นเหรอ?” ประมุขชิงหรี่ตาถาม

“บางทีเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็อาจจะไม่พูดความจริงกับตระกูล” เกาก้วนตอบ

ประมุขชิงหลับตาลงช้าๆ พร้อมอกว่า “เจ้าไปดูสถานที่เกิดเหตุด้วยตัวเองสักหน่อย”

เกาก้วนได้รับคำสั่งและออกไปได้ไม่นาน ซือหม่าเวิ่นเทียนก็ถูกเรียกมาอย่างรีบร้อนอีก พอประมุขชิงเห็นเขาก็บอกทันทีว่า “เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย เกาก้วนกำลังตรวจสอบ เจ้าไปหาเกาก้วน ไปดูสถานที่เกิดเหตุด้วยเหมือนกัน”

ตอนนี้ซือหม่าเวิ่นเทียนยังไม่เข้าใจสถานการณ์ชัดเจน ในใจรู้สึกฉงนเล็กน้อบ ปกติการสืบคดีจะเป็นหน้าที่ของเกาก้วน เกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงให้เกาก้วนไปคนเดียวแล้วไม่วางใจ ยังต้องให้ตนไปด้วยอีก?

“ขอรับ!” เขาเพิ่งจะเอ่ยรับ แต่ใครจะคิดว่าประมุขชิงจะกล่าวเสริมอีกว่า “เรียกท่านปู่สวรรค์เซี่ยโห้วไปดูด้วยกันเลย”

ดาวทะเลพิษ สถานที่เกิดเหตุที่มีกำลังพลหลายพันเฝ้าอยู่

หลังจากเกาก้วนนำคนของหน่วยตรวจการฝ่ายขวาไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุแล้ว ก็ไปยืนอยู่ข้างๆ ไม่รบกวนอีกสองคนที่กำลังดูผ่านๆ ตา

เซี่ยโห้วท่าสีหน้าแย่มาก ไม่ใช่เพราะการตายของเซี่ยโห้วหลงเฉิง ตอนนี้เขาไม่เก็บเรื่องการตายของเซี่ยโห้วหลงเฉิงมาใส่ใจเลย แต่สายตากำลังมองบนรอยดาบหลายรอยบนพื้นดินรอบๆ ที่เหมือนจะถูกพายุหมุนพัดกวาดไปแล้ว รอยดาบทุกรอยทำให้เกิดร่องลึกยาวสิบกว่าจั้งหลายรอยที่ผิวดิน นี่เป็นสภาพของการการยิงกระจาย นี่เป็นการใช้ดาบโจมตีหลายครั้งกว่าจะเกิดสภาพแบบนี้ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดร่องรอยที่ได้สัดส่วนเท่ากันแบบนี้ อานุภาพของการลงดาบหนึ่งครั้งจะต้องทิ้งรอยดาบไว้บนหินดินที่ฝังกลบหนึ่งรอย ถึงแม้บางที่จะถูกฝังกลบไปแล้ว แต่เมื่อดูจากความสมดุลในการยิง ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเกิดจากการต่อสู้กันในตอนหลัง

วิชาดาบแบบนี้เขาเหมือนจะคุ้นตา และเป็นเพราะคุ้นเคยกับวิชาดาบแบบนี้ สีหน้าของเขาเลยแย่มาก

ซือหม่าเวิ่นเทียนเห็นร่องรอยที่อยู่บนพื้นแล้ว ตอนนี้เขาเก็บรวบรวมกำไลของเซี่ยโห้วหลงเฉิงที่กระจายอยู่รอบๆ มาตรวจดูด้วยกัน หลังจากตรวจดูรอยดาบบนกำไลทุกวงตามลำดับ เขาก็ทำสีหน้าเคร่งขรึม

ในที่สุดตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมประมุขชิงถึงให้เขามาด้วยตัวเอง กับเรื่องแบบนี้ ถ้าให้คนเพียงคนเดียวออกมาสืบหาผลลัพธ์ เกรงว่าประมุขชิงคงจะไม่วางใจ

หลังจากคนกลุ่มนี้ตรวจสอบที่นี่แล้ว ก็ออกเดินทางอีกครั้ง ไปที่นอกทะเลดาวสับสน

กองทัพที่เฝ้าอยู่ที่ทะเลดาวสับสนตกใจแล้ว นอกจากทูตซ้ายขวาของหน่วยตรวจการตำหนักสวรรค์จะปรากฏตัวพร้อมกันแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่ท่านปู่สวรรค์เซี่ยโห้วก็มาดูด้วยตัวเองเช่นกัน พวกเขานึกไม่ถึงว่าการไปล่วงเกินคนของหน่วยตรวจการฝ่ายขวาคนเดียวจะทำให้เกิดสถานการณ์ใหญ่โตขนาดนี้…อย่างน้อยพวกเขาก็รู้สึกแบบนี้

เกาก้วนเรียกกำลังพลที่เฝ้าอยู่มาถามด้วยตัวเอง ซือหม่าเวิ่นเทียนกับเซี่ยโห้วท่าไม่สนใจว่าเกาก้วนจะอนุญาตหรือไม่ พวกเขามาเฝ้าฟังอยู่ข้างๆ ด้วยตัวเองแล้ว

เรื่องราวมากมายที่กำลังพลที่นี่เห็นกับตาตัวเองนั้นหลอกไม่ได้ หลังจากรู้สถานการณ์โดยละเอียดของผู้ร้ายที่นี่ไปแล้ว ซือหม่าเวิ่นเทียนกับเซี่ยโห้วท่าก็ยิ่งมีสีหน้ากดดันและย่ำแย่

เกาก้วนที่ตรวจสอบเสร็จแล้วรีบขอคำสั่ง ไม่นานก็ระดมกำลังพลได้เป็นทัพใหญ่หลายแสน พอกำลังพลประจำที่ เกาก้วนก็ออกคำสั่งมังกรตรงนั้นเลย “ถอดอาวุธของกองทัพที่เฝ้าอยู่ทุกคน คุมตัวทั้งหมดไปสืบสวนที่หน่วยตรวจการฝ่ายขวา”

รองแม่ทัพภาคของกองทัพที่เฝ้าอยู่ตกใจมาก รีบตะโกนบอกเทพประจำดาวที่อยู่ข้างกายเกาก้วนว่า “เทพประจำดาว หน่วยตรวจการฝ่ายขวากำลังอาศัยอำนาจล้างแค้นส่วนตัว เทพประจำดาวต้องให้ความยุติธรรมกับพวกข้าน้อยนะ!”

“หุบปาก! จะมีเรื่องอะไรหรือไม่ รอตรวจสอบแล้วก็ย่อมรู้ถึงความบริสุทธิ์ของพวกเจ้าเอง ตอนนี้ทุกคนต้องให้ความร่วมมือแต่โดยดี” เทพประจำดาวท่านนั้นตะโกนบอก เขาเองก็ไม่อยากให้กำลังพลจำนวนมากของตัวเองถูกจับไปที่หน่วยตรวจการฝ่ายขวาเช่นกัน แต่อ๋องสวรรค์เบื้องบนถ่ายทอดคำสั่งลงมาด้วยตัวเอง ว่าต้องการให้กำลังพลระดับล่างให้ความร่วมมือกับการสืบสวนของหน่วยตรวจการฝ่ายขวา เขาเองก็ไม่สะดวกจะพูดอะไร ทำได้เพียงโบกมือ

กำลังพลหลายแสนที่เกาก้วนนำมาเองเบียดเข้าไปพร้อมกันทันที ค้นยึดสิ่งของบนตัวกำลังพลที่เฝ้าที่นี่จนหมดเกลี้ยง แล้วเริ่มคุมตัวทุกคนให้ติดตามคนของหน่วยตรวจการฝ่ายขวาที่เกาก้วนเลือกไปยังหน่วยตรวจการฝ่ายขวาด้วยกัน

นอกจากสมาชิกที่คอยควบคุมตัว กำลังพลกลุ่มใหญ่ที่เหลือก็รับภารกิจเฝ้าที่นี่ต่อ

เกาก้วนจ้องหมอกหนาผืนใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าครู่หนึ่ง สุดท้ายก็นำคนของหน่วยตรวจการฝ่ายขวาจากไปอย่างรวดเร็ว

ตำหนักดาราจักร เกาก้วนที่กลับมารายงานผลการปฏิบัติงานรายงานการผลการสืบสวนเบื้องต้นให้ฟัง

หลังจากประมุขชิงได้ฟังแล้ว สายตาก็ไปหยุดอยู่บนตัวซือหม่าเวิ่นเทียน ซือหม่าเวิ่นเทียนพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วกุมหมัดคารวะกล่าวสนับสนุน “ข้าน้อยเห็นการสืบสวนของทูตขวาเกากับตาตัวเอง กำลังพลหลายหมื่นของกองทัพที่เฝ้าประจำตรวจค้นมาแล้ว!” เขาใช้สองมือยื่นแผ่นหยกให้

ประมุขชิงดูดมาไว้ในมือ พออ่านไปเรื่อยๆ หนังหน้าก็เริ่มตึงทีละนิด และในตอนนี้เอง จู่ๆ ด้านนอกก็มีคนมารายงานว่า “ท่านปู่สวรรค์เซี่ยโห้วนำเซี่ยโห้วเหยามาขอพบฝ่าบาทขอรับ”

“ให้เข้ามา!” ประมุขชิงกล่าวเสียงเรียบ

ผ่านไปไม่นาน เซี่ยโห้วท่าก็นำชายรูปร่างสูงใหญ่กำยำคนหนึ่งมาปรากฏตัว เค้าโครงหน้าตาคล้ายซี่ยโห้วหลงเฉิงอยู่หลายส่วนแต่ดูแล้วไม่ได้หยาบคายเหมือนเซี่ยโห้วหลงเฉิง และเขาก็คือบิดาของเซี่ยโห้วหลงเฉิงนั่นเอง

จุดประสงค์ที่เซี่ยโห้วเหยามาที่นี่ก็ไม่ใช่เพราะอะไร จะมาเป็นฝ่ายอธิบายเรื่องที่ติดต่อกับเซี่ยโห้วหลงเฉิงก่อนหน้านี้แล้วถามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปีศาจโลหิต ตอนนี้ไม่สนใจแล้วว่าหลังจากลูกชายตายจะเสียใจหรือไม่

หลังจากเซี่ยโห้วเหยาเล่าจบ เซี่ยโห้วท่าก็กุมหมัดพูดต่อว่า “ฝ่าบาท คนที่ลงมือสังหารหลานชายของข้าน้อยไม่ธรรมดา ฝ่าบาทได้โปรดคืนความยุติธรรมให้ด้วยขอรับ”

บนใบหน้าประมุขชิงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ได้ยินเพียงเขากล่าวเสียงเรียบว่า “ท่านปู่สวรรค์วางใจเถิด ข้าจะสืบเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด!”

หลังจากให้สองพ่อลูกออกไปแล้ว ประมุขชิงก็เรียกซ่างก่วนชิง ผู้การใหญ่วังสวรรค์เข้ามาที่ตำหนักดาราจักร

ซ่างก่วนชิงที่สวมชุดดำทั้งตัว ใบหน้าเริ่มจะแก่ชรา ผมสีขาวเงินประแผ่นหลังเดินเข้ามาแล้วกุมหมัดคารวะ “ฝ่าบาท!”

ประมุขชิงหลับตาลงพร้อมกล่าวว่า “ทูตซ้าย เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้การใหญ่ฟังสักหน่อย”

“ขอรับ!” ซือหม่าเวิ่นเทียนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างละเอียดรอบหนึ่ง

พอซ่างก่วนชิงฟังจบ หลังที่ค่อมเล็กน้อยก็ยืดตรงทันที ถามอย่างตกใจว่า “ฝ่าบาทสงสัยหน่วยองครักษ์เงาหรือขอรับ?”

ประมุขชิงตอบว่า “ไม่มีอะไรสงสัยหรือไม่สงสัย ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว จะไม่ถามไถ่ก็ไม่ได้ เรียกรวมหน่วยองครักษ์เงามา ส่งต่อให้หน่วยตรวจการฝ่ายขวาสืบสวนอย่างถึงที่สุด”

ซ่างก่วนชิงกล่าวอย่างทำใจเชื่อได้ยาก “ฝ่าบาท ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้น ปัญหาอาจไม่ได้มาจากหน่วยองครักษ์เงา เดิมทีหน่วยองครักษ์เงาก็…ถ้าฝ่าบาทไม่เชื่อใจพวกเขา เกรงว่าจะทำให้พวกเขาผิดหวังท้อใจ ฝ่าบาทได้โปรดทบทวนอีกครั้ง”

ซือหม่าเวิ่นเทียนแอบส่ายหน้า ซ่างก่วนชิงนี่ก็จริงๆ เลย ราชันสวรรค์ขี้ระแวงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มีหรือที่จะยอมให้คนมาก่อกวนอยู่ข้างเตียง

เป็นอย่างที่คาดไว้ ประมุขชิงกลาวออกมาอย่างเย็นเยียบว่า “ตรวจสอบ!”

“ฝ่าบาท…” ซ่างก่วนชิงยังคิดจะโน้มน้าว แต่เมื่อสบกับสายตาเย็นเยียบดุร้ายของประมุขชิง เขาก็เงียบแล้วกุมหมัดคารวะ “ขอรับ!”

หลังจากเกาก้วนกับซ่างก่วนชิงถอยออกไปได้ไม่นาน ชายชราสองคนก็เข้ามาด้วยกัน คนหนึ่งตัวสูง คนหนึ่งตัวผอม โพ่จวินกับอู๋ฉวี่ ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ซ้ายขวามาถึงแล้ว เป็นเหมือนอย่างเคย ประมุขชิงสั่งให้ซือหม่าเวิ่นเทียนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังอีกรอบ แล้วสุดท้ายก็ออกคำสั่งว่า “เรื่องนี้ถ้าส่งให้พวกไม่ขยันทำงานจัดการ ข้าไม่วางใจ หน่วยองครักษ์ซ้ายขวาดึงกำลังพลไปฝั่งละห้าล้านคน เข้าไปค้นหาในทะเลดาวสับสนให้ข้า ต้องจับเป็นเท่านั้น!”

“ขอรับ!” ทั้งสองเอ่ยรับคำสั่งพร้อมกัน

นอกตำหนักใหญ่ของหน่วยตรวจการฝ่ายขวา ชายหนุ่มชุดดำหลายร้อยคนกำลังยืนอยู่อย่างเงียบๆ ซ่างก่วนชิงที่เป็นคนนำตัวมาหันไปมองกลุ่มคนแวบหนึ่ง แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ จากนั้นเดินไปยืนข้างเกาก้วนที่อยู่หน้าบันไดหน้าตำหนัก แล้วยื่นแผ่นหยกส่งให้เกาก้วน “รายชื่อสมาชิกกับประวัติความเป็นมาอยู่ในนี้แล้ว”

หลังจากเกาก้วนโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อขอบคุณ ก็บอกอีกว่า “รบกวนผู้การใหญ่เตรียมรายชื่อผู้ที่รบตายและผู้ที่ไม่อยู่ให้ข้าอีกฉบับด้วย”

ซ่างก่วนชิงถอนหายใจพลางพยักหน้า หลังจากหันตัวเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็มองดูกลุ่มชายหนุ่มที่ยืนอยู่เงียบๆ อีกครู่หนึ่ง เสร็จแล้วถึงได้เหาะขึ้นฟ้าไป

เกาก้วนกวาดตามองชายหนุ่มหลายร้อยคนที่ยืนอยู่หน้าตำหนัก จากนั้นหันตัวเดินเข้าไปในตำหนัก หลังจากนั่งลงแล้วตรวจรายชื่อในแผ่นหยกคร่าวๆ แล้ว ก็พึมพำว่า “สามร้อยสามสิบห้าคน…” หลังจากเงียบไปสักพักก็เงยหน้าขึ้น แล้วบอกว่า “ควบคุมตัวทั้งหมดเอาไว้ พาไปสอบสวน”

จุยหย่วนที่อยู่ข้างกันถามหยั่งเชิงว่า “นายท่าน พวกเขา…ล้วนเป็นคนของฝ่าบาท ถ้าพวกเขาไม่ให้ความร่วมมือจะทำอย่างไรขอรับ?”

“ถ้าควรใช้การทรมานก็ต้องใช้การทรมาน ไปจัดการได้เต็มที่เลย จะต้องหาคำตอบให้ฝ่าบาทให้ได้” เกาก้วนตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

ใช้การทรมานกับคนพวกนี้เนี่ยนะ? จุยหย่วนได้ยินแล้วอกสั่นขวัญผวา…

…………………………