หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1027 กลลวง

ในป่าที่ถูกปกคลุมด้วยรัศมีความตาย

แสงมืดลงอย่างผิดปกติ รัศมีความตายสีเทาปิดบังวิสัยทัศน์และการสำรวจของคลื่นหลิง

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ในป่าที่มีเสียงคำรามของสัตว์อสูรดังก้องเป็นครั้งคราว ทันใดนั้นเสียงลมแหวกอกากาศก็ดังขึ้น มองเห็นร่างหลายร่างพุ่งตัวผ่านไปอย่างเงียบเชียบ แต่ละคนว่องไว ปลายเท้าแตะเบาๆ บนกิ่งไม้ กระทั่งใบไม้ยังไม่ขยับพวกเขาก็ทะยานออกไปแล้ว

เงาเหล่านี้ก็คือกลุ่มมู่เฉินที่เข้ามาในป่า

พวกเขาเคลื่อนตัวผ่านแนวป่า สายตากลับเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ขณะมองพื้นที่ที่เต็มไปด้วยรัศมีความตาย แม้ว่ารัศมีนี้จะสกัดกั้นประสาทการรับรู้ของคลื่นหลิง แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกได้ถึงอสูรวิญญาณจำนวนมากที่อยู่ในป่า

“เราเข้าจากทางตะวันตกเฉียงใต้ ตามที่แบ่งกันน่าจะมีอสูรวิญญาณขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดหกร่างอยู่ที่นี่ สำหรับพวกต่ำกว่านี้น่าจะมีร้อยกว่าร่างได้” ขณะที่พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หานซันก็ส่งเสียงลับอธิบายรายละเอียดให้กลุ่มมู่เฉินฟัง

เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ดวงตาก็หดเกร็ง อสูรวิญญาณขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดหกร่างบวกกับระดับต่ำนับร้อยร่าง การรวมตัวแบบนี้ กระทั่งพวกเขาก็ต้องหวาดหวั่น แต่โชคดีที่วิญญาณเหล่านี้ไม่มีจิตสำนึก มิฉะนั้นแม้แต่พวกเขาก็ยังต้องหลีกเลี่ยง

“เดี๋ยวพวกเราสี่คนจะจัดการอสูรวิญญาณขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดหกร่างนั้น มั่วหลิงกับคนอื่นไปสกัดอสูรวิญญาณขั้นต่ำเอาไว้ เราต้องจัดการอย่างรวดเร็วที่สุด ไม่งั้นข้ากลัวว่าพวกเขาจะทนได้ไม่นาน”

มู่เฉิน จิ่วโยวและมั่วเฟิงพยักหน้า แม้ว่าจะมีจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดสามคนจากเผ่าแรดอสูร แต่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับอสูรวิญญาณจำนวนมาก ดังนั้นความยากลำบากก็สูงมากเช่นกัน

“เตรียมพร้อม เรากำลังใกล้เข้ารังของพวกมันแล้ว” หลังจากอธิบายแผน หานซันก็คำรามเสียงต่ำออกมา

คนอื่นร่างกายเกร็งเครียดขึ้นทันที จากนั้นก็รู้สึกถึงรัศมีความตายโดยรอบเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ในป่ามืดมิดที่ไกลออกไป มีร่างเงาสีเทาซีดจำนวนมากวูบวาบราวกับภูตผี

เมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่นี้ ร่างเงาสีเทาซีดเหล่านี้ก็เอี้ยวมามองทันที อึดใจต่อมาเสียงคำรามที่เต็มไปด้วยรัศมีความตายก็ดังก้องในป่าแห่งนี้

ปัง! ปัง!

ร่างจำนวนมากพุ่งออกมาอย่างไม่สิ้นสุดจากความมืดพร้อมกับปลดปล่อยรัศมีความตายอันหนาวเหน็บขณะที่พุ่งเข้าหาพวกมู่เฉิน

หานซัน จิ่วโยว มู่เฉินและมั่วเฟิงทะยานตัวออกไปปรากฏตัวเบื้องหน้า ทันใดนั้นคลื่นหลิงไร้ขีดจำกัดก็กวาดออก ความน่าสะพรึงกลัวของริ้วคลื่นพุ่งพรวดออกมา

ตึง! ตึง!

เกลียวคลื่นพลังแหลมคมทะลุผ่านหัวของอสูรวิญญาณสิบกว่าร่างจนระเบิดเปรี้ยง จากนั้นทั้งกลุ่มก็ทะยานผ่านดงอสูรวิญญาณ พุ่งเข้าสู่ส่วนลึกอย่างรวดเร็ว

ครืน!

คลื่นหลิงรุนแรงพลุ่งพล่านออกมาจากแนวป่าความตายไม่สิ้นสุด อสูรวิญญาณดุร้ายที่ขัดขวางเบื้องหน้าถูกพวกมู่เฉินซัดกระเด็นกลับไปไม่หยุด ทว่าก็ยังมีอสูรวิญญาณล้อมเข้ามาจากรอบข้างอยู่เรื่อย

ทว่าพวกเขากลับไม่ได้ให้ความสนใจขณะที่มุ่งหน้าเข้าไปในส่วนลึก ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคืออสูรวิญญาณขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดหกร่าง ตราบใดที่พวกเขาจัดการพวกมันได้ พวกเขาก็จะมีพลังมาจัดการกับอสูรวิญญาณจำนวนมหาศาลได้

“หานทง พวกเจ้ารั้งท้ายไว้!”

หานซันมองรัศมีความตายข้างหน้าที่พวยพุ่งเข้มข้นขึ้นก็หรี่ตาลง เขารู้สึกได้ว่าพวกเขาเริ่มเข้าสู่ป่าลึกแล้ว นอกจากนี้ยังเริ่มรู้สึกถึงความผันผวนอันตรายที่มาจากระยะไกล

นั่นน่าจะเป็นพื้นที่ที่อสูรวิญญาณขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอยู่

“ตกลง!”

จอมยุทธ์เผ่าแรดอสูรพยักหน้า จากนั้นก็ฉีกตัวออกจากกลุ่ม คลื่นหลิงไร้ขอบเขตกวาดออกมา ภาพร่างขนาดใหญ่ของแรดอสูรปรากฏขึ้นดึงดูดความสนใจอสูรวิญญาณกลุ่มใหญ่ไว้

“มั่วหลิงไปช่วยพวกเขา ระวังตัวด้วยนะ” มั่วเฟิงบอกเสียงต่ำ

“เจ้าค่ะ!”

มั่วหลิงตอบรับน้ำเสียงสดใสจากนั้นก็ทะยานไปด้านหลัง เพลิงสีแดงเชี่ยวกรากกระหน่ำออกจากร่างเล็กกระทัดรัด ทำให้อุณหภูมิโดยรอบร้อนแรงขึ้น แม้แต่อากาศก็เริ่มลุกไหม้

เมื่อมีมั่วหลิงและจอมยุทธ์สี่คนรั้งท้าย ทั้งสี่คนก็รู้สึกสงบลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็เพิ่มความเร็ว พุ่งเข้าไปในรัศมีความตายที่หนาแน่น

เบื้องหลังรัศมีความตายคือบริเวณที่เต็มไปด้วยก้อนหิน ซึ่งมีต้นไม้สีเทาซีดกระจายออกไปทำให้เงาปกคลุมบนพื้นดิน ภายในเงามืดมีสายตาเย็นชาเล็งไปยังทั้งสี่ที่เป็นเป้าหมาย ร่างเหล่านั้นสั่นไหวจากนั้นก็ปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มมู่เฉิน

นี่เป็นร่างสีดำทั้งหกมีร่างกายที่ดูเหมือนทำจากโลหะสีดำดูแข็งแกร่งมาก สิ่งนี้เกิดจากร่างกายที่แห้งกรังและสูญเสียพลังชีวิตถูกกัดกร่อนโดยรัศมีความตาย

รัศมีความตายที่ล้อมรอบร่างเหล่านั้น ทรงพลังกว่าอสูรวิญญาณธรรมดาเสียอีก

“อสูรวิญญาณขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดหกร่างจริงด้วย…”

มู่เฉินมองไปที่อสูรวิญญาณดำทะมึนก็พึมพำกับตัวเอง แต่เมื่อพูดจบม่านตาก็หดเกร็ง “ไม่ใช่!”

ปัง!

ทันทีที่มู่เฉินสัมผัสได้ พื้นดินที่ด้านหลังก็ระเบิดออก ร่างดำทะมึนสองร่างค่อยๆ คลานขึ้นมาจากบนพื้นอย่างช้าๆ พวกมันถูกปกคลุมไปด้วยรัศมีความตายดุร้าย นี่คืออสูรวิญญาณขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอีกสองร่าง

ตอนนี้พวกมันมีทั้งหมดแปดร่างแล้ว

เมื่อหานซันมองเห็นภาพนี้ ใบหน้าก็ไม่น่าดู ดูท่าจำนวนอสูรวิญญาณที่นี่จะไปเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้

“เป็นปัญหาซะจริง”

หานซันยิ้มขมขื่น แปดอสูรวิญญาณระดับจื้อจุนขั้นเจ็ด แม้แต่พวกเขาก็ต้องใช้เวลาพอสมควรในการจัดการ เพราะในแง่พลังการต่อสู้ อสูรวิญญาณเหล่านี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าจอมยุทธ์อย่างลู่สุยเลย

“จัดการคนละสองตัว ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” มู่เฉินขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น

“ตกลง!”

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะบ่นน้อยใจโชคชะตา ทุกคนพยักหน้าทะยานออกไปทันที ต่างส่งคลื่นหลิงไร้ขอบเขตห่อหุ้มคู่ต่อสู้สองร่างของตนเอาไว้

มู่เฉินทะยานออกไปเช่นกัน เป้าหมายก็คืออสูรวิญญาณสองร่างที่มาจากด้านหลัง

โฮก!

อสูรวิญญาณสองร่างคำรามลั่น รัศมีความตายผันผวน ห่อหุ้มกระดูกกรงเล็บที่แหลมคม พวกมันตวัดมือไปที่หน้าอกของมู่เฉินปานสายฟ้าแลบ กรงเล็บที่แหลมคมฉีกขาดมิติเลยทีเดียว

เคร้ง!

แขนของมู่เฉินยกขึ้นสกัดการโจมตีของพวกมันเอาไว้เต็มกำลัง ประกายไฟบินว่อนอยู่บนลำแขน ทว่ากรงเล็บกระดูกที่มีรัศมีความตายทิ้งเพียงรอยแผลขาวไว้บนแขนเขาเท่านั้น

ตู้มมมม!

โดยไม่มีปฏิกิริยาใด กำปั้นมู่เฉินก็เหวี่ยงออกไปตามด้วยแสงสีทอง กระแทกไปที่หน้าอกของอสูรวิญญาณ เสียงกระหึ่มดังขึ้น ทันใดนั้นอสูรวิญญาณก็กระเด็นกลับไป หน้าอกทรุดลง

ทว่าความทนทานในการรับมือของอสูรวิญญาณเกินความคาดหมายของมู่เฉิน ทันทีที่ร่างมันสัมผัสกับพื้นก็ดันตัวขึ้นมา ไม่สนใจหน้าอกที่ยุบลงพุ่งเข้ามาหามู่เฉินอีกครั้ง

“ทนถึกอะไรเช่นนี้”

สายตามู่เฉินวูบไหวกับภาพเบื้องหน้า ถ้าเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดธรรมดาเผชิญหน้ากับหมัดของเขา คงเลือดตกยางออกไปนานแล้ว แต่อสูรวิญญาณตัวนี้กลับยังกระโดดโลดเต้นได้

ปัง! ปัง!

อสูรวิญญาณทั้งสองพุ่งออกมาโจมตีอย่างไม่เกรงกลัว ภายใต้รัศมีความตาย แม้แต่มู่เฉินก็ต้องถอยกลับไปหลายก้าว ทว่าเขาก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว วิชากายามังกรหงส์ถูกเร้าออกมา แสงสีทองพร่างพราวระเบิดออก ชุดหมัดหนักเหวี่ยงออกไปทำให้อสูรวิญญาณทั้งสองต้องถอยกลับไม่หยุด ร่างกายพวกมันยุบลงอยู่เรื่อย หากไม่ใช่ร่างไร้ชีวิต พวกมันได้รับบาดเจ็บหนักไปนานแล้ว

แต่ถึงกระนั้นก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา ก่อนที่จะถูกมู่เฉินทำลายสิ้นซาก

ขณะที่สถานการณ์ของมู่เฉินดีขึ้น หานซัน จิ่วโยวและมั่วเฟิงก็จับจุดคู่ต่อสู้ได้ พวกเขาเริ่มได้เปรียบขึ้นมา

ที่ด้านหลังกลุ่มมั่วหลิงก็งัดทุกกลยุทธ์เท่าที่จะทำได้เพื่อขัดขวางอสูรวิญญาณจำนวนมหาศาล แม้ว่าจะยากไปสักหน่อย แต่เนื่องจากวิญญาณเหล่านั้นไม่มีสติปัญญา พวกเขาจึงยังสามารถลากเวลาต่อไป

ดังนั้นเมื่อตัดสินจากพื้นผิว โดยรวมก็อยู่ในการคาดการณ์ของหานซัน ตราบใดที่พวกเขาลากเวลาได้อีกนิดก็จะสามารถจัดการกับปัญหาทั้งหมดได้

ปัง!

ในซากกองหิน หินก้อนใหญ่ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้ามู่เฉินแตกเป็นเสี่ยงๆ แสงสีทองส่องประกายในดวงตา เขามองเห็นจุดอ่อนในร่างอสูรวิญญาณตัวหนึ่งอย่างรวดเร็ว มือกำแน่น กระบี่ขนนกสีทองก็ปรากฏขึ้น แสงสีทองแล่นแปลบปลาบ ก่อนที่หัวของอสูรวิญญาณนั้นจะถูกหั่นออกจากกัน

ตู้มมมม!

เมื่อจัดการอสูรวิญญาณขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดร่างหนึ่งได้ แรงกดดันของมู่เฉินก็ลดลง การโจมตีก็รุนแรงขึ้น เขาบีบอสูรวิญญาณขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอีกร่างจนไม่อาจต่อต้านได้

จิ่วโยว หานซันและมั่วเฟิงก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวในทิศทางของมู่เฉิน จิตวิญญาณต่อสู้ลุกโชนตราบใดที่มู่เฉินเป็นอิสระ พวกเขาก็จะสามารถหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ได้อย่างรวดเร็ว

และเส้นทางของพวกเขาก็ไม่เป็นอันตรายใดอีกต่อไป

ทว่าขณะที่พวกเขารู้สึกโล่งใจก็รับรู้ถึงพื้นดินที่เริ่มสั่นสะเทือนราวกับว่าอสูรนับหมื่นกำลังวิ่ง

การเปลี่ยนแปลงฉับพลันทำให้มู่เฉินอึ้งไป ก่อนที่จะหันไปมองทางซ้ายและขวาของป่า ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที

นั่นเป็นเพราะเขาสัมผัสได้ว่ามีรัศมีความตายมหาศาลกำลังไหลบ่ามาจากทั้งสองด้าน ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามาจากอสูรวิญญาณจำนวนมากมาย มิหนำซ้ำยังมองเห็นร่างดำทะมึนบางส่วนในหมู่พวกมัน นั่นคืออสูรวิญญาณขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ด!

“มีอสูรวิญญาณมาจากทิศทางนั้น!”

ที่ด้านหลังสีหน้าจอมยุทธ์เผ่าแรดอสูรเปลี่ยนแปลงรุนแรง รีบคำรามเตือน

ตู้ม!

แสงสีทองพุ่งขึ้น มู่เฉินเหวี่ยงกำปั้นระเบิดหัวอสูรวิญญาณขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดตรงหน้า ก่อนที่จะมองไปที่ทิศทางทั้งสองด้วยสีหน้ามืดมน

ใบหน้าของหานซันก็เขียวคล้ำขณะกัดฟัน “นั่นมันทิศทางของเผ่าราชสีห์ทองคำและเผ่าหมาป่าเวหะ! ไอ้พวกโง่นั่นทำอะไรกัน?”

จิ่วโยวเค้นเสียงเย็น “จะทำอะไรได้อีก? ก็ไล่เสือไปกินหมาป่าไง”

สายตาของหานซันเย็นชาลง นั่นก็หมายความว่าเผ่าหมาป่าเวหะได้ผิดสัญญากับพวกเขา หันไปจับมือร่วมมือกับเผ่าราชสีห์ทองคำแล้ว

จากสถานการณ์ปัจจุบันทั้งสองเผ่าตั้งใจที่จะผลักดันอสูรวิญญาณมายังทิศทางของพวกเขา เพื่อฝังกลบพวกเขาอย่างสมบูรณ์

คราวนี้เขาถูกกลลวงกลุ่มหมาป่าเวหะแล้ว!